รถ Xiaomi SU7 ขายได้สัก 4000 คันก็หรูแล้ว / แบรนด์อื่นใช้เวลา 10 ปีในการสร้างรถคันนึง แล้ว Xiaomi เป็นใครจะมาสร้างภายใน 3 ปี? คือตัวอย่างคำวิจารณ์จากสื่อและชาวเน็ตหลัง Xiaomi เปิดตัวรถไฟฟ้าคันแรกของค่าย และคืนนี้ Lei Jun ได้ออกมาพูดความรู้สึกลึก ๆ ในใจ พร้อมเผยเบื้องหลังว่ากว่าโปรเจกต์รถคันแรกจะสำเร็จออกมา ต้องผ่านอะไรมาบ้าง และทำไมการแบนของสหรัฐถึงเป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งอย่าง
เนื้อหามาจากงาน Lei Jun Annual Speech 2024 เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2567 ที่ Xiaomi เชิญ Droidsans ไปร่วมงาน
งานเปิดตัว Xiaomi Mix Fold4 และ Mix Flip รุ่นแรกพร้อมสินค้าอื่น ๆ จบไปแล้วพร้อมเสียงตอบรับที่ดี แต่สิ่งที่น่าสนใจที่สุดในงานนี้อาจไม่ใช่แค่มือถือจอพับ หูฟังคุณภาพเสียง HI-FI หรือเครื่องฟอกอากาศตัวท็อปรุ่นใหม่ แต่เป็นคำพูดสุนทรพจน์จากนาย Lei Jun ผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร Xiaomi ที่พูดถึงช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา กับการต้องฝ่าฟันอุปสรรคและคำพูดดูถูกในการหันมาผลิตรถยนต์ไฟฟ้า EV
ทำไม Xiaomi ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า EV
ในงานเปิดมาด้วยการเล่าประวัติความเป็นมาว่า ว่าทำไม Xiaomi บริษัทผลิตมือถือและอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต้องมาผลิตรถไฟฟ้าด้วย ซึ่งซีอีโอ Lei Jun ก็ได้เฉลยว่า เรื่องราวทุกอย่างเกิดเมื่อเวลา 7 โมงเช้าของวันที่ 15 มกราคม 2021 ที่เค้าได้รับสายโทรศัพท์จากเพื่อนมาแจ้งว่า คุณ Lei นั้นถูกสหรัฐฯ แบนเข้าแล้ว
เช้าวันนั้นมีการเรียกบอร์ดผู้บริหารมาประชุมกันครั้งใหญ่ ก่อนได้ข้อสรุปว่า หากบริษัทจะมีปัญหาไม่สามารถผลิตสมาร์ทโฟนได้ งั้นก็ลองหันไปผลิตรถยนต์กันดีกว่า นับเป็นจุดกำเนิดของโครงการรถไฟฟ้า Xiaomi
รถยนต์ไฟฟ้าเป็นอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันอย่างดุเดือด และเสี่ยวหมี่ก็ไม่มีใครมีประสบการณ์การสร้างรถยนต์เลย แต่ก็จำเป็นต้องทำ เพราะหากธุรกิจหลักถูกแบน บริษัทก็จะเสียหายหนักมาก ๆ
เสี่ยวหมี่เลยประกาศออกไปว่าจะสร้างรถยนต์ แล้วก็เริ่มได้การติดต่อมาจากแฟน ๆ ทั้งช่างเครื่องยนต์ที่ชอบสร้างรถด้วยตัวเอง หรือวิศวะจากบริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่ที่พร้อมลาออกจากงานมาเพื่อทำงานให้เสียวหมี่
รถคันแรกนี้ก็ไม่ได้มาจากการวิจัยทางการตลาดใหญ่โตอะไร แต่มาจากผลสำรวจความชอบในเหล่าวิศวะ และพนักงานภายใน ว่ารถในฝันของพวกเขาต้องทำอะไรได้บ้าง โดยในช่วงการพัฒนา Lei Jun ก็ชอบหารถมาขับ ทั้งรถส่วนตัว หรือยืมรถพนักงานมาลองขับ จนถึงขั้นไปลองฝึกขับรถแข่ง ฝึกดริฟรถ หาประสบการณ์ใหม่ไปเรื่อย
แต่หลังจากลงทุนพัฒนา ประกอบรถออกมาได้สำเร็จพร้อมวางขายแล้ว ช่วงที่น่ากลัวที่สุดก็มาถึง คือการตั้งราคา ที่ราคาตามต้องการนั้น ถูกฝ่ายขายของบริษัทคัดค้าน ว่าตั้งไว้แพงเกินไป ขัดกับการตลาดของเสี่ยวหมี่ที่เน้นขายของตัดราคาคู่แข่งเยอะ ๆ จุดนี่ Lei Jun ก็บอกว่าตั้งมาถูกกว่าคู่แข่งแล้ว ยังไม่พออีกหรือไง
แต่คุณจุนก็ยื่นคำขาด ตัดสินใจยึดราคาที่ตั้งไว้แต่ตอนแรก โดยเค้าบอกว่าหลังพูดออกไปทั้งห้องประชุมก็เงียบ เห็นได้ชัดว่าเหล่าพนักงานของเค้าเองไม่เห็นด้วย และไม่เชื่อว่ารถ SU7 จะออกไปแข่งกับรถแบรนด์อื่น ๆ ในตลาดด้วยราคานี้ได้
ความน่ากลัวยังครอบคลุมมาถึงช่วงที่เชิญสื่อมาร่วมงานเปิดตัว ที่หลังจบงานคุณจุนได้พบกับสื่อแล้วขอความเห็นแบบตรงไปตรงมา ซึ่งตอนนี้เองที่เค้าได้คำตอบว่า รถรุ่นนี้อาจขายได้อย่างเก่งแค่ 4000 คัน
ในตอนนั้นเสี่ยวหมี่ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 76,000 คัน และหากยอดสั่งจองมีน้อยในระดับไม่ถึงหมื่นคัน แปลว่าเสี่ยวหมี่ได้ลงทุนไปอย่างผิดพลาดมหันต์ ทั้งเสียเวลาและเสียเงินไปโดยเสียเปล่า ตามที่ทั้งโลกได้พูดกันเอาไว้
4 นาทีหลังเปิดตัว Xiaomi SU7 มียอดสั่งจอง 10,000 คัน และหลังผ่านไป 27 นาที มียอดสั่งจอง 50,000 คัน
จนท้ายที่สุด ยอดจองรถของ Xiaomi ก็พุ่งทะลุความสามารถในการผลิต จนเป็นที่มาข่าวว่าหากจองรถเสี่ยวหมี่ต้องรอนาวนานถึงปลายปีกว่าจะได้ตัวรถจริง ๆ แล้วก็เลยเป็นปัญหาอีกว่าคนจะไม่อยากสั่งรถแล้วเพราะต้องรอนานเกินไป ซึ่งคุณจุนก็ตัดพ้อว่าใครมันจะไปคิดว่ายอดจะสูงขนาดนี้ เยอะไปก็ขาดทุน น้อยไปก็คนโมโห ทำตัวไม่ถูก แต่ท้ายที่สุดแล้วบริษัทก็ต้องเพิ่มเป้าการผลิตเป็น 100,000 – 120,000 คันให้ได้ภายในสิ้นปี 2024 นี้
แต่ที่ Lei Jun ตกผลึกออกมาได้จากการผลิตรถครั้งนี้ คือเรื่องความกล้า หรือ Courage ตามชื่อหัวข้องาน ว่าถึงเจอเรื่องน่ากลัว แต่ก็ต้องเชื่อในตัวเอง แม้ถึงอยู่ในวันที่ไม่มีใครเชื่อเค้า และขอบคุณทีมงานทุกคนที่ทำให้รถคันแรกประสบความสำเร็จได้มากขนาดนี้
ผมสังเกตว่าทั้งช่วงสุนทรพจน์นี้ ดูเหมือนจะไม่ใช่คำที่กลั่นกรองมาเพื่อพูดกับใครมากนัก ไม่ใช่กับผม ไม่ใช่กับแฟน ๆ มือถือ ไม่ใช่กับสื่อทั้งในและต่างประเทศที่เชิญมา แต่เป็นคำที่ต้องการพูดกับพนักงานและทีมงาน Xiaomi โดยตลอดเวลามีการดึงภาพพนักงาน รูปกิจกรรม มุกวงในมาคุยเล่น เรียกเสียงเฮจากกลุ่มวิศวกรที่นั่งฟังกันอยู่ด้านหน้าเรื่อย ๆ
Lei Jun พูดขอบคุณทุกคน พร้อมโบกมือลา ก่อนปิดไฟบนเวทีเพื่อเตรียมตัวเผยโฉมมือถือรุ่นใหม่อีกตามเคย
Xiaomi SU7 ตอนนี้วางขายในประเทศจีนเท่านั้นในราคาเริ่มต้น 215,900 หยวน หรือประมาณ 1.1 ล้านบาท และยังไม่มีข้อมูลเรื่องการนำออกมาจำหน่ายในต่างประเทศ
Comment