เพื่อนสมาชิกคงได้เห็น ข่าวการเปิดตัว LG V10 สมาร์ทโฟนตระกูลใหม่ของ LG กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งต้องบอกว่าเจ้า LG V10 สามารถกระตุ้นและสร้างกระแสความสนใจในหมู่ผู้ใช้สมาร์ทโฟนได้มากพอสมควร ด้วยไอเดียแปลกใหม่ที่น่าสนใจอย่าง “หน้าจอที่ 2” หรือ “กล้องหน้าคู่” รวมไปถึงกล้องถ่ายภาพและวิดีโอที่เพิ่มความสามารถใหม่ๆเข้ามา เราลองมาดูกันว่า LG V10 มีอะไรมานำเสนอในตลาดมือถือระดับเรือธงที่ต่อสู้กันอย่างหนักหน่วงในช่วงนี้

 

หน้าจอที่ 2 (Secondary Screen)

จุดขายหลักของ LG V10 ก็คือ หน้าจอที่ 2 ที่อยู่ด้านบนของหน้าจอหลัก นี่แหละครับ โดยเจ้าหน้าจอนี้มีขนาด 2.1 นิ้ว เป็นหน้าจอ IPS Quantum Display เหมือนกันกับหน้าจอหลักเลย หน้าจอที่ 2 จะทำงานแยกจากหน้าจอหลักโดยสิ้นเชิงและจะเปิดอยู่ตลอดเวลา (Always On) ซึ่งทาง LG เคลมว่าไม่กระทบกับแบตเตอรี่แน่นอน สำหรับข้อมูลที่จะแสดงบนหน้าจอนี้ตอนที่หน้าจอหลักดับอยู่คือ สภาพอากาศ, วันที่, เวลา และการแจ้งเตือนต่างๆ แต่เมื่อหน้าจอหลักถูกเปิดขึ้นมา หน้าจอที่ 2 จะแสดงรายการ shortcut ของ App ที่เราสามารถเรียกใช้งานได้ง่ายๆ และสามารถปรับเพิ่มลดได้เองอีกด้วย นอกจากนั้นในระหว่างที่เราเล่นเกมส์หรือดูวิดีโออยู่ การแจ้งเตือนต่างๆจะถูกนำไปแสดงผลบนหน้าจอที่ 2 โดยไม่มารบกวนการใช้งานที่หน้าจอหลักเลย ทำให้เราไม่เสียอรรถรสในการเล่นเกมส์หรือดูหนัง เพราะไม่มีอะไรมาบังอีกแล้ว

 

ระบบกล้องหน้าคู่และการถ่ายวิดีโอแบบหลายมุมมอง (Multi-view)

ปกติแล้วการถ่ายรูปด้วยกล้องที่ใช้เลนส์มุมมองกว้างหรือ wide lens นั้นจะทำให้ภาพถ่ายมีอาการเบี้ยวที่บริเวณขอบภาพอยู่เสมอ ที่หลายคนชอบบ่นว่าอยู่ขอบรูปแล้วอ้วนนั่นแหละ ใน LG V10 นั้นจะมีกล้องหน้า 2 ตัวที่มีความละเอียด 5MP เท่ากัน โดยกล้องตัวหนึ่งจะใช้เลนส์ 80 องศาถ่าย selfie ปกติทั่วไป ส่วนกล้องอีกตัวจะใช้เลนส์กว้าง 120 องศาเข้ามาช่วยในเรื่องการถ่ายภาพมุมกว้าง ซึ่ง V10 จะมีฟีเจอร์ในการนำภาพจากทั้งสองเลนส์มารวมกัน ทำให้ภาพไม่บิดเบี้ยว และยังได้ภาพมุมกว้างที่สวยงามโดยไม่ต้องใช้ไม้ selfie เข้ามาช่วยเลย เหมาะสำหรับการถ่าย selfie เป็นหมู่คณะ

 

ความสามารถใหม่ในการถ่ายวิดีโอ

บนพื้นฐานของความสามารถในการถ่ายภาพวิดีโอของ LG G4 เจ้า LG V10 ได้เพิ่ม “โหมด Manual” เข้ามาให้การถ่ายวิดีโอด้วย ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกโหมด Manual ได้ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอเลย เหมาะสำหรับมืออาชีพและตากล้องที่ต้องการปรับค่าทุกอย่างเอง โดยในโหมด Manual ของการถ่ายวิดีโอสามารถปรับได้ทั้ง ความเร็วชัตเตอร์, frame rate, ISO, WB และการโฟกัส ในขณะที่ถ่ายวิดีโออยู่เลย ความละเอียดของไฟล์วิดีโอสามารถเลือกได้ 3 แบบคือ HD, FHD และ UHD พร้อมทั้งเลือกอัตราส่วนของภาพได้ 2 แบบคือ 16:9 และ 21:9 เหมือนภาพยนต์เลย นอกจากนั้น LG V10 ยังมีฟีเจอร์เสริมให้การถ่ายวิดีโอมีความหลากหลายและสนุกมากขึ้น ดังนี้

  • Steady Record: ใช้ระบบกันสั่นแบบ EIS ทำให้ภาพวิดีโอคมชัด ลดภาพเบลอจากการสั่นได้มากขึ้น
  • Snap Video: สร้างภาพวิดีโอ 1 ชิ้นจาก คลิปสั้นหลายๆอันต่อกัน
  • 15 sec. Auto Edit: สร้างคลิปไฮไลต์ 15 วินาที โดยระบบจะตัดเฟรมที่ภาพเบลอและภาพซ้ำๆกันออกให้อัตโนมัติ
  • Quick Video Editor: จะตัดต่อ, ปรับ frame rate หรือใส่ effect ให้วิดีโอก็ทำได้ง่ายและรวดเร็ว
  • Quick Share: เมื่อถ่ายวิดีโอเสร็จ ระบบจะมี popup ขึ้นมาให้เลือกแชร์ไปยัง social network ของเราได้เลย
  • Audio Monitor: สามารถเลือกปรับความไวของไมค์ทั้งสามตัวในเครื่องระหว่างบันทึกวิดีโอได้ และสามารถเลือกได้ว่าจะเอาเสียงจากไมค์ตัวไหนเป็นเสียงหลัก เพื่อเน้นเสียงจากทิศทางที่ต้องการ
  • Wind Noise Filter: สามารถตัดเสียงรบกวนจากลม ในระหว่างการถ่ายวิดีโอ outdoor ได้ ทีเด็ดเลยตัวนี้

LG V10 ยังรองรับ microSD card ได้ถึง 2TB ทำให้สามารถถ่ายวิดีโอได้ยาวนานตามต้องการ (แต่ต้องหาซื้อ card ความจุระดับนี้ให้ได้ก่อนนะ) และด้วยแบตเตอรี่ขนาด 3000 mAh ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ ทำให้เราพกแบตเตอรี่สำรองไปเปลี่ยนได้ทุกที่ที่ต้องการ หรือจะชาร์จเร็วด้วยเทคโนโลยี Qualcomm Quick Charge 2.0 ก็ได้เช่นเดียวกัน

 

งานออกแบบทีเน้นทั้งความหรูหราและทนทาน

LG V10 ถูกออกแบบมาให้ทนทายาทต่อการถูกทรมานโดยพวกนักรีวิวใจโหดชอบจับมือถือไปโยนเล่น เอ้ย! ไม่ใช่ครับ เค้าออกแบบมาเพื่อให้มือถือทนต่อการตกกระแทกและการเกลือกกลิ้งไปกับพื้นพร้อมทั้งปกป้องหน้าจอไปในตัวด้วย ส่วนนี้เรียกว่า “Dura Guard” ซึ่งเป็นการใช้วัสดุสแตนเลส SAE เกรด 316L ที่ใช้ในการทำอุปกรณ์ผ่าตัดและนาฬิกาข้อมือหรูๆ มาทำเป็นเฟรมของตัวเครื่อง ช่วยปกป้องขอบและมุมของโทรศัพท์ที่เป็นจุดเสียงที่สุดจากการตกกระแทกพื้น

ส่วนฝาหลังและด้านล่างของหน้าจอจะถูกปกป้องด้วย “Dura Skin” ซึ่งหากสัมผัสดูจะรู้สึกนิ่มๆ แต่ช่วยปกป้องการตกกระทบที่จะทำให้เกิดรอยแหว่งและรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นรูปแบบของลายที่อยู่บนฝาหลังจะช่วยให้สามารถจับถือเครื่องได้สะดวก ติดมือและไม่ลื่นหลุดง่าย โดย LG V10 ได้รับการทดสอบและรับรองโดย MET Laboratories ที่จับเอาเจ้า V10 ไปทิ้งจากความสูง 48 นิ้วติดต่อกันหลายครั้งและหลายมุม จนรับรองให้ LG V10 ได้มาตรฐานระดับ “MIL-STD-810G Transit Drop Compliant” เป็นที่เรียบร้อย ลองมาดูตัวอย่างของนักรีวิวใจโหดในวิดีโอด้านล่างนี้เลย

Play video

 

ระบบเสียงที่สุดยอด

สำหรับคนที่ชอบฟังเพลงและเน้นคุณภาพของเสียง LG V10 น่าจะเป็นตัวเลือกหนึ่ง เพราะมีการใส่ DAC Hi-Fi ระดับ 32bit ของ ESS Technology เข้ามา ทำให้การฟังเพลงนั้นมีคุณภาพสูงมากขึ้นและรองรับไฟล์เพลงแบบ High-Res อีกด้วย นอกจากนั้น LG V10 ยังเป็นมือถือรุ่นแรกที่มาพร้อมเทคโนโลยี TrueSignal ของ Qualcomm ซึ่งช่วยจัดการเรื่องเสาและการรับสัญญาณให้ดีมากขึ้น ทำให้ใช้งานโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตได้อย่างราบรื่น

 

ราคาและการวางจำหน่าย

LG V10 เปิดตัวที่เกาหลีใต้ดังนั้นประเทศเกาหลีใต้จึงเป็นประเทศแรกที่จะวางจำหน่าย LG V10 ในวันที่ 8 ตุลาคมนี้ ในราคาประมาณ 799,700 วอน หรือประมาณ 24,800 บาท แล้วจึงจะเริ่มวางขายในประเทศอื่นทั่วโลก คงต้องรอดูกันอีกทีว่าจะมาไทยเมื่อไหร่นะครับ

 

Play video

 

แหล่งข้อมูล: Android Central และ Korea Herald