หนึ่งใน MacBook ที่ขายดีมากที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ คงจะหนีไม่พ้น MacBook Air อย่างแน่นอน เพราะตัวเครื่องมีดีไซน์มินิมอลตามสไตล์ Apple มีขนาดบางน้ำหนักเบา แบตเตอรี่อึดใช้งานได้ทั้งวันโดยไม่ต้องเสียบชาร์จ และมีราคาถูกที่สุดในบรรดา MacBook แต่ตัวเครื่องก็มีจุดอ่อนอย่างการไม่มีพัดลม เลยไม่เหมาะกับการใช้งานหนักมากนัก คำถามคือ แล้วถ้าเราอยากใช้งานหนัก ๆ จะใช้ได้ไหม วันนี้มีคนทดสอบมาให้แล้ว

ช่อง YouTube Max Tech ได้นำ MacBook Air M3 15 นิ้ว ไปทดสอบแบบสุดโหด ด้วยโปรแกรม 3DMark Wild Life Extreme และ Cinebench 2024 พร้อมกัน เพื่อดูว่าอุณหภูมิเครื่องพุ่งสูงได้ขนาดไหน พบความร้อนพุ่งสูงถึง 114 องศา ร้อนกว่าเกมมิ่งโน้ตบุ๊กบางเครื่องเสียอีก

ขณะที่อุณหภูมิภายนอกตัวเครื่อง ก็ร้อนถึง 46 องศาเลยทีเดียว คือร้อนขนาดนี้จับไปมีสะดุ้งกันบ้างแหละ ตามปกติแล้วถ้าชิปร้อนถึงระดับหนึ่งจะมีการลดความเร็วชั่วขณะในการทำงานลง (Thermal Throttling) เพื่อรักษาไม่ให้ชิปทำงานหนักเกินไปจนพัง แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมคราวนี้อุณหภูมิถึงขึ้นไปสูงขนาดนั้นได้

แต่ที่แน่ ๆ เมื่อความร้อนตัวเครื่องสูงระดับนั้นประสิทธิภาพย่อมลดลงอยู่แล้ว จากผลคะแนนการทดสอบที่ MacBook Air M3 15 นิ้ว ทำได้น้อยกว่า MacBook Pro M3 14 นิ้ว แสดงว่าเกิดอาการ Thermal Throttling จริง ทำให้เกิดคำถามถัดไป ทำไมอุณหภูมิชิปถึงยังสูงขนาดนั้น ไม่ยอมดรอปลงสักที

โดยปัญหานี้ไม่ได้เพิ่งเกิดใน MacBook Air M3 แต่เกิดมาตั้งแต่สมัย MacBook Air M2 แล้ว ซึ่งหลายคนที่เคยรีวิวก็ให้ความเห็นว่าปัญหาเรื่องของความร้อนนี้เกิดจากดีไซน์ตัวเครื่อง ที่ออกแบบการกระจายความร้อนมาไม่ดี

เพราะ Apple ได้มีการเปลี่ยนดีไซน์ภายนอกตัวเครื่องของ MacBook Air ตอน MacBook Air M2 และปัญหาก็ดันเกิดตอนนั้นพอดีอีก ทั้งนี้ MacBook Air M1 ไม่เกิดปัญหาเรื่องความร้อนแบบเดียวกันแต่อย่างใด

อย่างที่เรารู้กันว่า MacBook Air ออกแบบมาให้มีความบางเบา และไม่มีพัดลม เหมาะกับการใช้ทำงานเบา ๆ มากกว่า ไม่ได้เกิดมาเพื่อทำงานหนัก ๆ แบบ MacBook Pro ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าใช้งานหนัก ๆ แบบนี้ต่อไป เครื่องจะมีปัญหาหรือเปล่านะ

ที่มา : techspot