รอกันมานานในสุดก็ได้ฤกษ์เปิดตัวสักทีสำหรับ MacBook Pro รุ่นใหม่ประจำปี 2021 ซึ่งคราวนี้มาพร้อมกับรุ่นจอ 14″ และ 16″ โฉมใหม่ ดีไซน์ดูย้อนยุคเหมือน MacBook Gen แรก ๆ พร้อมจอติ่งเหมือนมือถือ iPhone เพิ่มฟีเจอร์ ProMotion มี Refesh Rate สูงสุด 120Hz กับเปลี่ยนชิปใหม่เป็น Apple M1 Pro และ M1 Max ประสิทธิภาพเร็วขึ้นกว่าเดิมสูงสุดถึง 3.7 เท่า ในราคาเริ่มต้นที่ 73,900 บาท เตรียมวางจำหน่ายในไทยเร็ว ๆ นี้
ชิป Apple M1 Pro และ M1 Max เป็นยังไงบ้าง
สเปคภาพรวมของทั้ง 2 ชิป
ทั้ง Apple M1 Pro และ M1 Max จะยังคงใช้สถาปัตยกรรมการผลิตขนาด 5nm เหมือนกับ M1 รุ่นเดิม เพิ่มเติมคือยัดจำนวน Transistor มากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า (เดิม M1 มี 16,000 ล้านหน่วย) โดย M1 Pro เพิ่มขึ้น 2 เท่ากว่า ๆ เป็น 33,700 ล้านหน่วย และ M1 Max มีถึง 57,000 ล้านหน่วยกันเลยทีเดียว พร้อมกับรองรับพอร์ต Thunderbolt 4 การถอดรหัสไฟล์ H.264, HEVC, Pro Res และมี Memory bandwidth สูงสุดถึง 400GB/s ด้วยกัน
แน่นอนว่าด้วยความที่ยังคงใช้สถาปัตยกรรม 5 nm เท่าเดิม แต่ยัดทรานซิสเตอร์มากขึ้น ขนาดชิปย่อมมีขนาดใหญ่ขึ้นตามไปด้วย จากรูปคือชิปตัว M1 Max อันเดียวจะมีขนาดใหญ่กว่าชิป M1 ธรรมดาถึง 4 อันเลยก็ว่าได้
ซีพียู Apple M1 Pro และ M1 Max มีทั้งหมด 5 แบบ
- M1 Pro จะมี 3 แบบคือ
– CPU 8‑core/GPU 14-core
– CPU 10‑core/GPU 14-core
– CPU 10‑core/GPU 16-core - M1 Max จะมี 2 แบบคือ
– CPU 10‑core/GPU 24-core
– CPU 10‑core/GPU 32-core
**ทั้ง 2 รุ่นมี Neural Engine จำนวน 16 Core เท่ากันตั้งแต่ตัวเริ่มต้นจนถึงท็อป
ประสิทธิภาพของ Apple M1 Pro และ M1 Max เป็นยังไงบ้าง
รูปเทียบประสิทธิภาพ CPU เทียบกับพลังงานที่ใช้
ทาง Apple เคลมว่าชิป M1 Pro และ M1 Max ประสิทธิภาพต่อวัตต์แรงกว่าชิปโน้ตบุ๊ค 8 Core ทั่วไปถึง 1.7 เท่า และใช้พลังงานน้อยกว่าถึง 70% เมื่อทำงานในระดับประสิทธิภาพเดียวกัน ซึ่งถือว่าทั้งแรงและกินไฟต่ำสุด ๆ
รูปเทียบประสิทธิภาพ GPU M1 Pro เทียบกับพลังงานที่ใช้
ถัดมาดูทางฝั่งชิป GPU ใน M1 Pro กันบ้างซึ่งทาง Apple เองก็เคลมว่าประสิทธิภาพดีกว่าการ์ดจออนบอร์ดบนโน้ตบุ๊ครุ่นใหม่ถึง 7 เท่า และใช้พลังงานน้อยกว่าการ์ดจอแยกเกมมิ่ง 70% เมื่อทำงานให้ประสิทธิภาพระดับเดียวกัน แรงน้อง ๆ การ์ดจอแยกบนโน้ตบุ๊คเกมมิ่งเลยจริง ๆ (ดีไม่ดีอาจแรงกว่าขึ้นกับการทดสอบ)
รูปเทียบประสิทธิภาพ GPU M1 Max เทียบกับพลังงานที่ใช้
ส่วน GPU ของ M1 Max ทาง Apple ทำแยกออกมาประสิทธิภาพถือว่าแรงพอตัวเลยทีเดียว เคลมว่าเมื่อถอดปลั๊กทำงานสามารถให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่าการ์ดจอระดับ High-End โน้ตบุ๊คถึง 3.3 เท่า และใช้พลังงานน้อยกว่า 100W เมื่อทำงานในระดับเดียวกัน (ดูเวอร์มากอยากรู้เลยว่าทดสอบด้วยอะไร โปรแกรมอะไร)
ดีไซน์ สเปค MacBook Pro 14″ และ 16″
คราวนี้มาดูทางด้านดีไซน์ตัวเครื่องกันต่อซึ่งทั้ง MacBook Pro 14″ และ 16″ จะเหมือนกันเลยต่างกันแค่ขนาดจอ ดีไซน์ดูย้อนยุคเหมือนพวก MacBook Gen แรก ๆ ช่วงปี 2012-2013 เพิ่มเติมมาคือเรื่องขอบจอบางขึ้นและมีจอติ่งใส่กล้อง Webcam 1080p อยู่ข้างใน ซึ่งทาง Apple เคลมว่าเป็นกล้องที่ดีที่สุดบน Mac notebook เท่าที่เคยมีมา
ตัวกล้องรองรับ FaceTime ระดับ 1080p มีชิ้นเลนส์ 4 ชิ้น รูรับแสง f 2.0 ถือว่ากว้างใช้ได้เลย แต่ส่วนตัวแอบหงุดหงิดที่อุตส่าห์เป็นติ่งมาขนาดนี้แล้ว ทำไมไม่ให้ Face ID มาด้วย (มีแต่ Touch ID)
หน้าจอของทั้งสองรุ่นจะมีขนาดจริงวัดแล้วอยู่ที่ 14.2 นิ้ว กับ 16.2 นิ้ว ตามลำดับ เป็นแบบ Liquid Retina XDR พาเนล mini LED ความสว่างสูงสุด 1,600 nit พร้อมรองรับ ProMotion แบบ Adaptive เหมือน iPhone 13 ที่ปรับ Refresh Rate ไปมาได้สูงสุด 120 Hz และทาง Apple เคลมว่าเป็นจอโน้ตบุ๊คที่ดีที่สุดในโลกด้วย
ทีนี้มาดูภายในตัวเครื่องกันบ้าง ระบบระบายความร้อนคราวนี้ให้มาจัดเต็มไม่มีกั๊กเหมือน M1 ตัวก่อน มีพัดลมระบายความ 2 ตัว ฮีทไปป์ขนาดใหญ่ 1 เส้น และช่องดูดลมเย็น 3 ทาง เป่าลมร้อน 2 ทาง หมดห่วงเรื่องการใช้งานหนัก ๆ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
พอร์ตด้านซ้ายและด้านขวา
อันนี้ถือเป็นไฮไลท์เด็ดอีกอย่างคือในที่สุด Apple ก็ยอมเอาพวกพอร์ต HDMI และ SD Card Reader กลับคืนมา ไม่ต้องไปหาซื้อ Hub ต่อแยกอีกต่อไป รวมถึงยังเอาพอร์ตชาร์จ MagSafe กลับมาด้วย โดยภายในกล่องจะให้มาเป็นสาย USB-C to MagSafe พร้อมอะแดปเตอร์จ่ายไฟสูงสุด 140W
ต่อมาดูตัวคีย์บอร์ดอันนี้คือตัด Touch Bar ทิ้งไปเลยไม่มีอีกแล้ว ซึ่งคนที่ใช้งานระดับมืออาชีพจากผลสำรวจคือจะชอบปุ่ม Function กดดิบ ๆ แบบเดิมมาก เพราะให้ฟีลลิ่งที่ดีกว่า ควบคุมง่ายกว่า ทำให้ทาง Apple เลือกที่จะตัดทัชบาร์ออกไปเสีย แต่ตรงนี้ก็มีเสียงแตกคนบ่นกันอยู่บ้างทั้งชอบและไม่ชอบ
นอกจากเรื่องจอแล้ว ระบบเสียงทาง Apple เองก็เคลมว่า MacBook รุ่นใหม่ทั้งสองตัวนี้มีระบบเสียงโน้ตบุ๊คที่ดีที่สุดในโลกด้วย โดยตัวเครื่องจะมีลำโพง 6 ตัว พร้อมซับวูฟเฟอร์ เสียงเบสมากกว่าเดิม 80% ให้เสียงดังรอบทิศทาง และมีไมค์เกรดเดียวกับระดับ Studio อีกด้วย
ซ้ายคือ MacBook Pro 14″ ขวาคือ MacBook Pro 16″
แล้วก็เรื่องแบตเตอรี่ทาง Apple เคลมว่า MacBook Pro 14″ รุ่นใหม่นี้จะสามารถใช้งานได้นานสูงสุด 17 ชั่วโมงในการดู Video playback และรุ่น MacBook Pro 16″ ใช้งานนานสูงสุดถึง 21 ชั่วโมง รวมถึงรองรับ Fast Charge แบตชาร์จ 0-50% ได้ในเวลา 30 นาที ซึ่งถือว่าเร็วและอึดมาก ๆ ใช้งานจริงขอแค่เปิดเบราว์เซอร์ท่องเว็บดู YouTube Netflix ได้เกิน 10 ชั่วโมงก็ดีใจแล้ว
ราคา MacBook Pro 14″ และ 16″
MacBook Pro 14″ ปี 2021 จะมีให้เลือก 2 สีคือ เทาสเปซเกรย์ และเงิน แบ่งออกเป็น 2 สเปคหลักคือ
- M1 Pro CPU 8‑core + GPU 14 Core+ Ram 16GB + SSD 512GB ราคา 73,900 บาท
- M1 Pro CPU 10‑core + GPU 16 Core+ Ram 16GB + SSD 1TB ราคา 89,900 บาท
MacBook Pro 16″ ปี 2021 จะมีให้เลือก 2 สีคือ เทาสเปซเกรย์ และเงิน แบ่งออกเป็น 3 สเปคหลักคือ
- M1 Pro CPU 10‑core + GPU 16 Core+ Ram 16GB + SSD 512GB ราคา 89,900 บาท
- M1 Pro CPU 10‑core + GPU 16 Core+ Ram 16GB + SSD 1TB ราคา 96,900 บาท
- M1 Max CPU 10‑core + GPU 32 Core+ Ram 32GB + SSD 1TB ราคา 124,900 บาท
สรุป
ภาพรวมทั้งหมดสำหรับ MacBook Pro 14″ และ 16″ ในการเปิดตัวครั้งนี้ในเรื่องสเปคและฟีเจอร์ต่าง ๆ คือพูดตรง ๆ ทำออกมาดีมาก ไม่ว่าจะเป็นชิป M1 Pro และ M1 Max จากพรีเซนต์ออกมาคือแรงจริงแรงจัง โดยไม่ต้องพึ่งการ์ดจอแยกเหมือนโน้ตบุ๊คฝั่ง Windows ก็สามารถทำงานเรนเดอร์กราฟิกหนัก ๆ ได้สบาย ๆ อีกทั้งไม่จำเป็นต้องเสียบปลั๊กด้วย เพราะชิปกินพลังงานต่ำมาก รวมถึงหน้าจอการแสดงผลสุดเทพ รองรับ 120Hz พอร์ตเชื่อมต่อเพิ่มมากขึ้น ลำโพงหกตัว แบตอึด ฯลฯ ที่ Apple ใส่มาสุดไม่มีกั๊ก
แต่ส่วนตัวที่รู้สึกไม่ชอบเลยคือดีไซน์ MacBook แบบนี้ เท่าที่เห็นจากรูปคือมันดูย้อนยุคไปหน่อย น่าจะออกแบบมาให้ล้ำ ๆ แรง ๆ โมเดิลกว่านี้อาจจะดีกว่า รวมถึงหน้าจอติ่งที่ดูจะเสียพื้นที่การใช้งานตรงนั้นไปด้วย ทำให้ดูขัด ๆ ตานิดหนึ่ง และที่น่าตกใจที่สุดคือราคาดีดขึ้นจากเดิมไปเยอะมาก คือกะเอามาขายแค่เฉพาะสายทำงานมืออาชีพอย่างเดียว ถ้าเป็นเด็กนักศึกษาหรือมือสมัครเล่นอยากจะลองใช้สักเครื่องกะเขา คงต้องคิดหนักเอาเรื่องอยู่เหมือนกันครับ (แม้ผ่อน 0% ก็ยังคงคิดแล้วคิด)
มีติ่งมานี่ ทำความอยากได้หายไปหมดเลย ต่อให้หลายๆอย่าง มันดีขึ้นก็ตาม หลังจากที่รอ กลับไปหาซื้อรุ่นก่อนหน้าดีกว่า
ถ้าวัดที่งานเฉพาะด้าน ที่เครมว่าแรงกว่า 3.7 เท่า ก็น่าจะเป็นไปได้ แต่งานปกติธรรมดา น่าจะไม่เห็นผลอะไร เพราะเสร็จไวเหมือนกัน ^ ^
Mac Air/Pro M1 จะเสียบหรือถอด power performance ก็ไม่ตกเหมือน Intel ทุกวันนี้ Laptop office นี่ถ้าถอด power นี่แทบอยากจะข้างทิ้ง อืดมาก
ตอนผมดูนี่ M1 Pro ก็ว้าวละนะ พี่แกยังจะจัด Max อีก โหดเกิ้นนนน เสียดายที่ติ่งจอตรงนั้นไม่ใช่ Face ID คงมารอบหน้าแหละ อยากไปลองเล่นลำโพงกับไมค์มาก เสียดายที่ไม่ออก M2 ซะที คงอยากให้ M1 ติดปากมากกว่านี้ละมั้ง
แทบจะเป็น appplesans แล้ว แทบไม่ใช้ droidsans แล้ว
5 ข่าวติด
พอดี apple เปิดตัวอุปกรณ์เลยมีข่าวเยอะหน่อย ขอพื้นที่ข่าวให้ apple เถอะครับ ผมหาข้อมูลเกี่ยวกับ apple เวลาเปิดตัว ไม่มีที่ไหนดีข้อมูลเป๊ะๆและไวเท่าที่นี่แล้ว
เวปที่มีเนื้อหา apple โดยเฉพาะยังไม่ดีเท่่าเลยครับ
อันนี้ก็จริงครับ 🙂
แล้วแต่ช่วงครับ อะไรที่มาใหม่ เค้าก็ลงรายละเอียด คุณไปหาอ่านเพจที่เกี่ยวกับ Apple โดยตรงบางเพจ ข้อมูลช้ากว่านี้อีกครับ มีแต่ขายโฆษณา สาระอะไรหาไม่เจอ มีดีแค่หน้าเพจสวย แต่นั่นแหละ สาระไม่มีให้เสพ เจอแต่ขายของ
ราคานี่สู่ขิตเลย ผมซื้อมาทำยังไงให้คุ้มค่าเนี่ย
แต่กำลังทรัพย์เยอะๆนี่ก็น่าเล่นนะ ของ premium สุดๆ
อยากได้ตัว 14 นิ้วมากกก แต่ราคาแรงไปหน่อย ถ้าเริ่มต้นมาสัก 5 หมื่นกว่า จะกดเลย
กำเงินรอซื้อเต็มที่แล้ว เจอจอมีติ่งเรื่องเดียว ไม่ซื้อแล้ว 55
สาย Work Hardcore ผลิตภัณฑ์ Apple น่าจะกินขาดไปแล้ว สำหรับเล่นเกมต้องรอวัดจริงกับที่โฆษณามา ไม่แน่ถ้าดีจริงๆฝั่งซอฟต์แวร์ทยอยซัพพอร์ตจะเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก
CPU-GPU แรงๆ, ราคาแพงบรรลัยซะขนาดนี้่เอามาเปิดเบราว์เซอร์ท่องเว็บ, ดู YouTube – Netflix แค่นี้ คุ้มเหรอ?????, โน๊ตบุ๊ค Core i5 ราคาสัก 3 หมื่น หรือสเปคต่ำอีกหน่อย สัก 2 หมื่นก็ทำได้เหลือเฟือแล้ว
ถ้าจะเอามาตัดต่อวีดีโอ หรือทำกราฟฟิคหนักๆระดับทำหนังแบบ Hollywood เค้าก็ใช้ PC กันทั้งนั้น +ซื้อจอล้ำๆมาใช้ยังดีกว่าเยอะ
คนส่วนใหญ่ที่ใช้โน๊ตบุ๊ค หรือ MacBook ก็แค่ระดับนศ. คนทำงานทั่วไป นักออกแบบ หรือทำกราฟฟิคระดับทั่วๆไป ซึ่งเครื่องที่ราคาถูกกว่านี้ก็ทำได้อยู่แล้ว
"Apple เคลมว่าเป็นกล้องที่ดีที่สุดบน Mac notebook เท่าที่เคยมีมา" – แน่นอนอยู่แล้ว เพราะเจ้านี้มันจอมกั๊กสเปค พอออกรุ่นใหม่ก็ต้องบอกว่าดีกว่ารุ่นเก่าเสมอ, เรื่องกั๊กสเปคชิ้นส่วนอื่น ๆ เพจนี้ก็พูดอยู่แล้ว คงไม่ต้องพูดอีก
"ไม่ว่าจะเป็นชิป M1 Pro และ M1 Max จากพรีเซนต์ออกมาคือแรงจริงแรงจัง โดยไม่ต้องพึ่งการ์ดจอแยกเหมือนโน้ตบุ๊คฝั่ง Windows ก็สามารถทำงานเรนเดอร์กราฟิกหนัก ๆ ได้สบาย ๆ โดยไม่จำเป็นต้องเสียบปลั๊ก" – Windows เค้าทำเครื่องออกมาให้คนสามารถอัพสเปคได้ตามความต้องการ ใครต้องการจอดีๆแรงๆก็สามารถหามาใส่ได้ทีหลัง คนที่ไม่ต้องใช้แรงมากก็ไม่จำเป็นต้องไปเสียเงินในส่วนที่ไม่ได้ใช้ เป็นการเพิ่มความคล่องตัว ไม่ยัดเยียดคนใช้ให้ต้องเสียเงินโดยไม่จำเป็น
รู้ตลาด Mac ไปอีก อยู่บริษัทไหนอะเรา ถ้าไม่มี target Market แอปเปิ้ลจะเอาไปขายใครอ่ะ? ขายผีเหลอ อย่าเอาความคิดตัวเองเป็นที่ตั้ง คนใช้เค้าก็มี ถ้าจะบอกว่า Mac จะใส่ซีพียูแรงๆทำไม แล้วฝั่ง Notebook ที่ใส่ i9 มาคือไรเอ่ย แล้วอีกอย่างจะมาบอกยัดเยียดให้ซื้อของแพงนี่ใช่เหลอ ตัว Air เค้าก็มีขายนะ ลืมเหลอ
เข้าใจครับว่างานหนัก ๆ ก็ต้องใช้คอมตัวใหญ่ แต่ว่า M1 Pro/Max ใหม่นี้เผลอๆ แรงกว่า Mac Pro ตัวตั้งโต๊ะด้วยซ้ำ คุณอยากให้เทคโนโลยีย่ำอยู่ที่เดิมตลอดเลยหรอครับ มันจะเป็นไปไม่ได้เลยหรอที่จะมีคอมแรงๆ ระดับ desktop ที่ยกไปทำงานตรงไหนก็ได้ (แถมยังแบตถึกอีกด้วย)
.
ส่วนงานเบาๆ ก็ซื้อ Air หรือ iMac ไปสิครับ Pro ก็ทำออกมาให้มันสมชื่อ Pro หน่อยก็ไม่ดีหรอครับ? ส่วนตัวผมก็คงจะขำพวกซื้อ MacBook Pro มาทำงานเบาๆ เหมือนกันครับ แต่ก็ไม่แน่ในเมื่อลำโพงมันดี บางคนอาจจะซื้อมาดูหนังก็ได้? ใครซื้อก็เรื่องของเขาละกันครับไม่ต้องไปเดือดร้อนแทน
.
ลองดูคลิปที่ dev จากค่ายต่างๆ ออกมาพูดก็ได้ครับ จะได้เห็นภาพว่าเขาเอาไปใช้ในด้านไหนบ้าง ฝั่ง Windows ตั้งหากที่ควรจะพัฒนาตัวเองให้เร็วกว่านี้ ไม่ใช่ออกมาบ่นแบบนี้
.
คลิปครับ https://youtu.be/SQvM-mDkK_s
Teana : สินค้าทุกชนิดก็มี target กันทั้งนั้น ว่าจะขายใคร อย่างรถ Super car ราคาหลายๆสิบล้านก็เอาไว้ขายคนรวย คนไทยที่ซื้อก็มี แต่ถามว่าซื้อแล้วใช้ทำอะไร ที่เห็นชัดๆคือ เอาไว้อวยรวย เอาไว้ขับโชว์ บนทางด่วนเห็นขึ้นมาวิ่งกันบ่อย วิ่งปาดซ้ายปาดขวา แข่งกันโชว์ชาวบ้าน ทำให้เกิดความเสี่ยงกับคนอื่นๆ ได้ประโยชน์ตรงไหน มีมั๊ยคนไทยที่มี Super car แล้วไปขับรถแข่งระดับโลก??? มีสักคนมั้ย
Macbook นี่เหมือนกัน คนที่ซื้อมาแล้วได้ใช้เต็มที่ เต็มประสิทธิภาพของมันในประเทศไทยจะมีสักกี่คน ลองนับตัวมาได้เลย อย่าง Core i9 ก็ไม่ใช่ว่าคนจะใช้กันเยอะ notebook เกิน 5 หมื่น คนก็ใช้กันน้อยอยู่แล้ว, 2-3 หมื่นก็หรูๆ เว้นแต่พวกบ้าเกมส์ที่มีเงิน หรืออีกกลุ่มคือพวกแข่งเกมส์อาชีพที่ต้องใช้เครื่องแรงสุดๆ แต่ถามว่ามีกี่คน
อคติบังตา ตรรกะพังพินาศ ทำไมมี super car แล้วจะต้องเอาไปแข่ง ?? แล้วทำไมซื้อแล้วจะอวดรวยไม่ได้ ในเมื่อรวยจริง…
แล้วกับ Macbook ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าทาร์เก็ต คือใคร และต้องการอะไร มีจำนวนแค่ไหน คุ้มไหมกับสิ่งที่ทำ บริษัทใหญ่ขนาดนี้คงไม่มานั่งเห็นแก่คนกลุ่มน้อยที่ซื้อใช้ โดยอัดเงินลงทุนหลายล้านไปฟรีๆหรอกนะ
เข้ามาขำตรรกะของบางคน คนบ่นไม่ซื้อ คนซื้อไม่บ่น บายยย