หลังจากที่ Apple ได้เปิดตัวทั้ง iOS และ iPadOS ไป คราวนี้มาดูทางด้าน macOS กันบ้างที่คราวนี้จะใช้ชื่อว่า “Big Sur” หลักๆ แล้วคือที่อัปเกรดมาจะเป็นในส่วนของการดีไซน์, แอปพลิเคชันใหม่ๆ, เรื่อง Privacy และที่สำคัญที่สุดคือเปิดตัวชิปสถาปัตยกรรม ARM ตัวใหม่ โดยรุ่นแรกจะให้มาทดลองใช้ก่อนคือ A12Z Bionic บน Mac mini รายละเอียดต่างๆ จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลยครับ
ดีไซน์ปรับปรุงใหม่ ดูเป็น ecosystem เดียวกันมากขึ้น
มาเริ่มต้นดูที่ดีไซน์กันก่อน จะเห็นได้ว่าจากรูปด้านบน Wallpaper แต่ละอุปกรณ์มีโทนสีเดียวใกล้เคียงกันมาก ไม่มีอีกแล้ว MacBook ที่ใช้พื้นหลังเป็น วิวทิวทัศน์ธรรมชาติที่เป็นค่า Default แต่จะเป็นรูปโทนเฉดสี Art Work โทนเดียวกับ iPad และ iPhone เลยนั่นเอง แต่ค่าใครไม่ชอบสีโทนนี้จะเปลี่ยนเป็นรูปอื่นๆ แทนก็ได้นะ
ถัดมาจะเป็นเรื่องของดีไซน์ไอคอน มองดูเผินๆ อาจจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมาก แต่ถ้าสังเกตดูดีๆ ตัวไอคอนแอปหรือโปรแกรมต่างๆ จะถูกออกแบบให้มีมิติ เอฟเฟคสวยงามมากขึ้น อีกทั้งพื้นหลังโปรแกรมจะทำเป็นแบบ Transparent โปร่งแสงล้ำสมัย
ที่แถบ Control Center ได้รับการปรับปรุงใหม่ โดยจะมีไอคอนเพื่อเปิดตัว Quick Access เพื่อเปิด-ปิด เพิ่ม-ลด ฟังก์ชันต่างๆ บนเครื่อง MacBook ได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ตัวหน้า Notification Center ก็ได้เพิ่มฟีเจอร์ Widget ต่างๆ ที่สามารถ Add เข้ามาทางด้านขวา พร้อมกับเลือกไซส์ขนาดได้ ยกตัวอย่างเช่น ใส่ปฏิทิน ตารางนัดหมาย สมุดโน้ต และอื่นๆ เรียงได้ตามที่เราต้องการ ซึ่งก็ให้อารมณ์คล้ายแถบแจ้งเตือนบน iPad เหมือนกัน
แอปปรับปรุงใหม่ เร็วขึ้น ใช้งานร่วมกันมากได้ขึ้น
เปิดมาเรื่องแอปนี่ Apple ก็เกทับเรื่อง Browser ก่อนเลย โดย Big Sur นี้จะมาพร้อมกับ Safari เวอร์ชันใหม่ที่ทาง Apple เคลมว่า Safari เป็นเบราว์เซอร์บน Desktop ที่เร็วที่สุดในโลก และสามารถโหลดหน้าเว็บได้เร็วกว่า Chrome ถึง 50% สุดจัดปลัดบอก อยากรู้ตอนใช้งานจริงๆ เลยว่าจะเร็วสมคำร่ำลือหรือไม่
ที่เพิ่มเติมมาอีกคือบนเบราว์เซอร์ Safari สามารถเลือกพื้นหลัง Homepage ได้แล้ว และจะมี Extension หรือส่วนขยายที่จะสามารถติดตั้งเพิ่มได้ เพื่ออำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น แปลภาษา ใส่ฟีลเตอร์แปลงไฟล์ เป็นต้น ซึ่งในส่วนของ Extension ต่างๆ นั้นเราสามารถเลือกเปิด-ปิดได้ว่าจะใช้เฉพาะบนเว็บหน้านี้ หรืออนุญาตให้ใช้งานแค่ 1 วัน บอกเลยว่า Apple ให้ความสำคัญเรื่อง Privacy มากจริงๆ
ถัดมาจะเป็นเรื่องของ Messages ที่ตอนนี้จะสามารถทำได้ทั้ง ค้นหาข้อความ, ใช้ Memoji, แชร์ไฟล์ แชร์รูปภาพ GIFs และ วิดีโอได้แล้ว
และเรื่องของ Map ที่อัปเกรดเครื่องมือเพิ่มเข้ามาหลายอย่างให้ใช้งานได้ดียิ่งขึ้น กำหนดและเลือกเส้นทางได้ว่าใช้ทางไหน พร้อมกับมีคำแนะนำจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้คอยอำนวยความสะดวกเมื่อเราผ่านจุดต่างๆ และสามารถรับมุมมองแบบ 360 องศา Look Around รวมถึงสามารถซิงค์ข้อมูลจาก MacBook ไปยังไง iPhone, iPad ได้อีกด้วย
ชิป A12Z Bionic
ต้องบอกก่อนว่าก่อนหน้านี้ก็มีข่าวลือๆ กันว่า MacBook รุ่นถัดไปจะใช้ซีพียู ARM ซึ่งใจหนึ่งส่วนตัวเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่พอในงานเปิดตัวจริงๆ Apple ก็ประกาศกร้าวอย่างยิ่งใหญ่ว่า Mac ของ Apple จะใช้เป็นชิป ARM ทั้งหมดภายในระยะเวลา 2 ปี หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือจะใช้ชิป Apple Silicon ของตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งชิปเจ้าอื่น (เลิกใช้ x86 หรือ Intel)
ส่วนใครที่กังวลว่าชิป Apple Silicon อย่าง A12Z Bionic จะทำงานร่วมกับโปรแกรมอื่นๆ นอกจากที่ติดมากับ Big Sur ได้มีประสิทธิภาพเท่าพวกสถาปัตยกรรมเดิมหรือไม่ ซึ่งทาง Apple ก็เคลมไว้ว่าจะสามารถใช้ได้ทั้งโปรแกรมจาก Microsoft และ Adobe ทั้งหมดแบบเต็มประสิทธิภาพ แต่ถ้าหากเป็นโปรแกรมอื่นๆ นอกจากนี้ก็จะสามารถแปลงมาใช้งานได้ผ่านแอปแปลงของทาง Apple เอง ซึ่งต้องรอดูกันว่ามันจะเวิร์คหรือไม่ ส่วนนี้บอกเลยว่าน่าสนใจมากครับ
อย่างไรก็ตามทั้ง macOS Big Sur, iOS และ iPadOS จะเริ่มเปิดให้อัปเดตอย่างเป็นทางการในช่วง Fall ของทางอเมริกาหรือช่วงเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายนนี้ ซึ่งคาดว่าน่าจะมาปล่อยให้อัปเดตพร้อมๆ กับ iPhone 12 เปิดตัวเหมือนกับทุกๆ ปีที่ผ่านมานั่นเอง
ดูแล้วน่าใช้ขึ้นเยอะเลยแหะ