ข้อมูลล่าสุดของ Huawei P20 ที่ถูกเปิดเผยออกมาในครั้งนี่อาจจะทำเอาหลายๆ คนเกิดอาการสะอึก ลังเลว่าจะรอต่อไปดีหรือไม่ก็เป็นได้ โดยเฉพาะใครที่ชอบโหลดหนังโหลดเพลงหรือเก็บไฟล์เอาไว้เยอะๆ นั่นก็เพราะว่าทั้ง Huawei P20 และ P20 Pro นั้นจะไม่มีช่อง micro SD เอาไว้ให้เพิ่มเมมแล้วนั่นเอง
Roland Quandt จาก WinFuture ที่ตอนนี้กลายเป็นมือวางอันดับหนึ่งในการปล่อยข้อมูลของ P20 ได้ออกมาโพสต์ข้อมูลเพิ่มเติมชุดใหญ่ รวมถึงภาพตัวเครื่องความละเอียดสูงและหลากหลายสีสันของทั้ง 3 รุ่น (P20, P20 Pro, P20 Lite)
โดยรุ่นแรกที่ไม่รองานเปิดตัวแต่เปิดให้จองเป็นที่เรียบร้อยแล้วที่โปแลนด์ นั่นก็คือ Huawei P20 Lite ที่จะวางจำหน่ายทั้งหมด 4 สี นั่นก็คือสีดำ สีน้ำเงิน และสีชมพู ในราคาราวๆ 468 เหรียญสหรัฐ (หมื่นนิดๆ) โดยในรุ่นนี้จะใช้ชิป Kirin 659, RAM 4GB, หน่วยความจำ 64GB และหน้าจอขนาด 5.8 นิ้ว
สังเกตุได้ว่า P20 ทั้ง 3 รุ่นจะมาพร้อมกับติ่งดำๆ บนหน้าจอ ซึ่งส่วนนี้ในคู่มือก็มีระบุเอาไว้ว่าภายในจะประกอบด้วยลำโพงสนทนา เซนเซอร์วัดแสง และกล้องหน้า ซึ่งในแต่ละรุ่นอาจจะมีการวางตำแหน่งไม่เหมือนกัน เช่นในรุ่น P20 Lite จะเห็นว่ามีลำโพงอยู่ตรงกลาง และกล้องหน้าความละเอียดก็ไม่เท่ากันในแต่ละรุ่น
โดย Huawei P20 และ P20 Pro ซึ่งถือเป็นรุ่นท็อปทั้งคู่น่าจะมาพร้อมหน้าจอ Full HD+ อัตราส่วน 19:9 (รวมพื้นที่ส่วน notch) มีึความละเอียดอยู่ที่ 2240×1080 โดยคาดว่ารุ่น Pro น่าจะใช้เป็นจอ OLED
กล้องหลังคู่ของ Huawei P20 นั้นจะมาพร้อมกับค่ารูรับแสง f/1.6 ทางยาวเสนส์ 27 มม. แต่ว่ากล้องทรีโอ หรือ 3 กล้องหลังในรุ่น Huawei P20 Pro นั้นจะมีค่ารูรับแสงอยู่ที่ f/1.6 และ f/2.4 โดยเลนส์พิเศษน่าจะเป็น telephoto มีทางยาวเลนส์ 80 มม. คำนวนออกมาก็น่าจะได้ราวๆ Optical 3x นั่นเอง
สรุปคร่าวๆ จากข้อมูลในคู่มือหมายความว่า P20 จะใช้เซนเซอร์ RGB + Monochorome เหมือนเดิม ส่วน P20 Pro จะเป็นเซนเซอร์ RGB + Monochrome + Optical 3x นั่นเอง ส่วนเรื่องของแบตเตอรี่นั้นมีขนาด 3400 มิลลิแอมป์ และ 4000 มิิลลิแอมป์ตามลำดับ
แต่ประเด็นที่อาจจะเป็นเรื่องใหญ่สำหรับหลายๆ คนคือการหายไปของช่อง micro SD ซึ่งก่อนหน้านี้ใน P series นั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ถ้าเป็นตระกูล Mate นั้นในรุ่น Mate 9 Pro และ Mate 10 Pro ไม่มีช่องเพ่ิ่มเมมมา 2 รุ่นแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ P series ถูกตัดเอาข่องใส่ micro SD ออกไป (ยังแอบหวังว่าจะตัดออกไปเฉพาะรุ่น P20 Pro)
ไหนๆก็แหว่งแล้ว จะเหลือขอบล่างไว้เพื่อ อย่างเกลียด รุุ่นอื่นๆที่แหว่งเหมือนกัน แหว่งแล้วยังจะเว้นขอบล่างไว้อีก
ข้างบนไอโฟน ข้างล่างซัมซุง ข้างหลังไอโฟน
เจาะตลาด กลุ่มลูกค้าพยามยามหรู แต่รายรับไม่เอื้อ
ซื้อมาก็โดนมองว่า ไม่มีปัญญาซื้อไอโฟน แล้วมาใช้ของก๊อปเหมือนแทน เขาไม่รุ้ว่าว่าเอ็งใช้ p20 ถึงรุ้แล้วไงก็ก๊อปอยุ่ดี จีนแดงก็ใช่
V9 ก็จอแบบนี้ นะ
ปัจจุบัน 64GB ก็พอ ขอแค่ใส่ 2 sim ได้พอ
เด๋วก็เหมือนแซมซัง โดนด่าใน S6 สุดท้ายก็เอากลับมาใส่ใน S7
เพิ่มเมมไม่ได้ไม่ซื้อ
แบรนด์มีกะตังค์ แต่ไม่มีปัญญาคิดดีไซน์เอง น่าขันนัก
ถ้ารุ่น lite อะพอได้อยู่นะ แต่ถ้า รุ่นธรรมดาก็เริ่มไม่โอเคละ ยิ่งpro ยิ่งไม่โอเคเลย ถ้าจะจ่ายเงินเกือบสามหมื่นแล้วได้ขอบล่างหนาแบบนั้น โดยส่วนตัวคิดว่าเหมือน essebtess phone มากกว่านะ เห็นเอะอะก็ก่ว่าก๊อบไอโฟนตลอก
ปัจจุบันมีเพื่อนหลายคนไม่กล้าซื้อเมม
เพราะบอกว่าใส่เมมแล้วเครื่องช้า บางคนกล้าๆกลัวซื้อ16กิ๊กพอเดี๋ยวเครื่องช้า
ที่แย่คือร้านแนะนำมาแบบนั้น
เขาลืมไปหรือเปล่าที่อยากใช้เมมเพราะเอาไว้เก็บรูป เดี๋ยวนี้ถ่ายรูปมาทีไฟล์ไม่ใช่เล็กๆ
ทั้งรูปถ่าย ทั้ง file vdo เยอะมาก ถ้าต้องเก็บในเครื่องอย่างเดียวนี่ เวลาเครื่องเจ้งเปิดไม่ติดจะทำไงครับ
ส่วนตัวมองว่าไม่ต้องมีเมมอะดีแล้ว ใช้มาหลายเครือ่งส่วนมากรวนๆเพราะเมมทั้งนั้น
ตอนหลังเลยเอาความจุเยอะๆไปเลย 64-128 จบทุกปัญหา ใกล้เต็มก็ลากไฟล์ลงคอม
เครื่องพัง ข้อมูล ฉิบหายหมด
ดีครับ สำหรับผม Samsung แค่อยู่เฉยๆไม่ต้องทำอะไรเลย ก็ชนะทุกเจ้าละ ทั้งตัด card slot 3.5mm ทำจอแหว่ง แอบลดความเร็ว จะได้ไม่ต้องลังเลมาก
เพิ่งหัดใช้ยี่ห้อ หัวเหว่ย ยอมรับว่า ลูกเล่นเยอะกว่ายี่ห้ออื่นอยู่หลายอย่าง และราคาไม่สูงมาก แต่เพิ่มเมมไม่ได้ก็ถือว่าแย่เอาการอยู่ แต่ก๊อปรูปร่างยี่ห้ออื่นมาก็น่าเกลียดพอทน แหว่งหัว เหลือท้าย ไม่รู้เรียกว่าอะไรดี
ด่ากันจัง ว่าหัวเว่ยทำจอเหมือน ไอโฟน ไปเห็น วีโว่ V9 กันยัง จอแบบนี้เลย แต่เทคโนโลยี มันต่างกัน
พี่จีนเขาถนัด copy เอาสองยี่ห้อมาปั่นรวมกัน ออกมาเลยเปนงี้ 555555