ค่อยๆขยับขยายเพิ่มการใช้งานมากขึ้นเรื่อยๆสำหรับอุปกรณ์ NB-IoT ที่ปัจจุบัน AIS แทบจะเป็นเครือข่ายเดียวที่เริ่มพัฒนาด้าน IoT ไปก่อนใคร โดยล่าสุดได้จับมือกับทาง HIP ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าด้านความปลอดภัย ติดตั้ง NB-IoT Motor Tracker ให้กับมอเตอร์ไซด์ของกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 ทั้งหมด 360 คัน เพื่อให้บริการดูแลประชาชนแล้ว
โดยค่าใช้จ่ายในการติดตั้งในครั้งนี้เป็นทางเอไอเอสและ HIP เป็นคนออกให้ ทำเป็น MOU ความร่วมมือใช้งานเป็นระยะเวลา 1 ปี โดยจะมีการติดตั้งระบบสำหรับให้ทางกองบังคับการได้มอนิเตอร์ด้วย และดาต้าทั้งหมดที่จะเก็บเอาไว้ที่ Cloud ของ AIS ซึ่งมีการเปิดเผยว่าหากทดสอบระบบแล้วพบว่าสามารถทำงานได้ดี อาจจะมีการขยายการใช้งานไปยังกองบังคับการอื่นต่อไปอีกด้วย
สำหรับระบบ NB-IoT Motor Tracker นี้ทางเอไอเอสได้บอกว่าเตรียมเปิดให้บริการแก่หน่วยงาน ห้างร้านทั่วไปใช้งานได้ด้วยเช่นเดียวกัน โดยมีหลายแห่งให้ความสนใจที่จะนำเอาไปใช้กับฟลีทรถยนต์ รวมถึงถึงมอเตอร์ไซด์กันพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นรถเช่า ทีมเซเวอร์เยอร์ของบริษัทประกัน หรือเรือขนส่งเฟอร์รี่นั่นเอง ส่วนราคาค่าใช้จ่ายนั้นแง้มๆมาว่าจะไม่แพงมาก โดยค่าอุปกรณ์จะถูกลงกว่าการติดตั้ง GPS ปกติอย่างน้อย 4-5 เท่า และถูกกว่าเครื่องโทรศัพท์มือถือ และค่าบริการใช้งานเครือข่าย NB-IoT ของเอไอเอสจะอยู่ปีละพันกว่าบาทครับ
ความแตกต่างระหว่าง NB-IoT Motor Tracker vs ระบบ GPS ติดรถยนต์ vs สมาร์ทโฟน
หลายคนอาจจะงง (เหมือนผม) ว่า NB-IoT Motor Tracker นี้แตกต่างจากระบบ GPS ติดรถยนต์ หรือสมาร์ทโฟนอย่างไร ผมเลยขอสรุปความแตกต่างเท่าที่ทราบมาให้ตามตารางด้านล่างนี้นะครับ
NB-IoT Motor Tracker | GPS Tracker | Smartphone |
ขนาดเล็ก ติดตั้งง่าย ใช้กับมอเตอร์ไซด์ได้ | ขนาดใหญ่ ติดตั้งตามร้าน ใช้กับรถยนต์ขึ้นไป | ขนาดเล็ก ติดตั้งง่าย ใช้กับมอเตอร์ไซด์ได้ |
ติดตั้งกึ่งถาวรกับรถ | ติดตั้งถาวรกับรถ | สามารถถอดเปลี่ยนได้ง่าย |
ใช้ไฟน้อย ไม่ต้องสตาร์ทเครื่องก็อยู่ได้อีกหลายชม. | ใช้ไฟเยอะ ต้องสตาร์ทเครื่องเพื่อใช้งาน | ใช้ไฟน้อย ไม่ต้องสตาร์ทเครื่องก็อยู่ได้อีกหลายชม. |
ส่งข้อมูลทุก 1 นาที แต่เก็บทุก 10 วินาที (Near Real-time) | แล้วแต่สเปค | ส่งข้อมูลทุกแบบ Real-time |
ไม่เหมาะกับรถเคลื่อนที่ความเร็วเกิน 120 kmph | สามารถใช้งานได้กับรถทุกประเภท | สามารถใช้งานได้กับรถทุกประเภท |
ปกติจะมีเว็บเซอร์วิสให้ใช้งานได้ทันที | ปกติจะมีเว็บเซอร์วิสให้ใช้งานได้ทันที | ต้องหาแอปเฉพาะมาติดตั้ง |
ใช้เครือข่าย NB-IoT | ใช้เครือข่าย 2G/3G/4G | ใช้เครือข่าย 2G/3G/4G |
ใช้แทนระบบ GPS Tracking ที่กรมขนส่งฯ บังคับไม่ได้ | เป็นตามที่กรมขนส่งบังคับ | ใช้แทนระบบ GPS Tracking ที่กรมขนส่งฯ บังคับไม่ได้ |
*ปรับแก้ข้อมูลในตารางเล็กน้อยนะครับ ทางเอไอเอสแจ้งว่า NB-IoT สามารถใช้ได้กับรถที่ความเร็วน้อยกว่า 120 kmph ซึ่งตอนแรกผมเขียนว่า 20 kmph
เดี๋ยวนะ ขับเร็วเกิน 20 กม./ชม. ก็ใช้งานไม่ได้
เอาไว้เช็คว่าจอดตรงไหน ไม่ได้ขับอยู่ที่ไหนสินะ T_T
ใช้งานได้ครับ แต่อาจจะไม่แม่นยำมาก เพราะมันอัพเดททุกนาที ไม่ได้เป็นแบบ Real Time ถ้าเคลื่อนที่เร็วๆมันก็จะมีความ Error ที่สูง
ใช้GPS จับตำแหน่งหรือ LBSบอกตำแหน่ง
NB-IoT Motor Tracker
ทำงานบน Windows media player หรอครับ
PR ทำงานชุ่ยมาก
เปิดรูปใส่ Windows Photo Viewer ให้ถ่ายเนี่ยนะ คิดไรอยู่ 555
ผักชีชั้นเลิศ 555
ทางเอไอเอสแจ้งว่าภาพจริงเป็นความลับทางราชการ ไม่สามารถเปิดเผยให้เห็นจอแบบ Real time ได้ ทางเค้าจึงใช้การ Set ถ่ายขึ้นแล้วฉายหน้าจอแทนน่ะครับ
"ค่าบริการใช้งานเครือข่าย NB-IoT ของเอไอเอสจะอยู่ปีละพันกว่าบาท"
ควรอยู่ในหลักร้อย เพราะถ้าพันกว่าบาท พวกซิมเทพ 4Mbps น่าจะดีกว่า
(อันนี้พูดในมุมมองของปริมาณ data ต่อราคานะครับ ไม่ได้พูดเรื่อง device)
ใช้งานเครือข่าย คือทั้งระบบรึเปล่าครับ ไม่ใช่ต่อ device
แต่เอาจริงๆ ราคาแค่พันกว่าบาททั้งปีก็ถือวว่าไม่ได้แพงละนะ แล้วก็ NB-IoT มันเป็นระบบที่ใช้งานได้ยาวนานเพราะมันกินไฟน้อย ทำให้อุปกรณ์สามารถใช้งานได้ในระยะเวลานานกว่าการใช้อุปกรณ์ที่ต้องส่งข้อมูลความเร็วสูงแบบ LTE นะครับ
"ถ้าเคลื่อนที่เร็วๆมันก็จะมีความ Error ที่สูง" จ่ายเงินเดือนละพันกว่าบาท/อุปกรณ์ x 360 คันเบื้องต้น คิดเป็นงบประมาณเท่าไรน๊า ในขณะที่ความพร้อมก้อยังไม่มี อันนี้แปลว่า รับได้กับ error นี้ โอ้ว เจ๋งอ่ะ ประเทศช้าน
อีกข้อที่สงสัยคือ "เพื่อให้บริการดูแลประชาชนแล้ว" ติดแล้วดูแลประชาชนเพิ่มหรือดีขึ้นยังไง ไม่น่าเกี่ยวนะกับการใช้งบก้อนนี้
ขับรถตรวจในเมือง คงไม่วิ่งเกิน 120km/h หรอกมั้ง
ส่วนเรื่องดูแล ก็คงเหมือนเล่นเกมส์แนว RTS ละมั้ง
ศูนย์กลางเห็นตำแหน่งของตำรวจในแผนที่ เห็นจุดที่รถติด
พอรู้จุดเกิดเหตุ ก็จะเลือกคนที่ใกล้ที่สุด และบอกเส้นทางที่เร็วที่สุดให้ได้
ขอแค่อย่าให้โดน hack หรือโดนขโมยรหัสไปใช้ก็แล้วกัน