Microsoft ประกาศเปิดตัวโน้ตบุ๊ค AI Copilot+ PC รุ่นใหม่ 2 รุ่น Surface Pro 11 และ Surface Laptop 7 ที่รอบนี้เปลี่ยนมาใช้ชิป Snapdragon X Plus และ Snapdragon X Elite สถาปัตยกรรม ARM ทั้งสองรุ่นเพื่อมาท้าชนกับ MacBook Air M3 พร้อมเคลมว่ารอบนี้ Surface Pro 11 ทำความแรงได้ดีกว่าถึง 58% เลยทีเดียว

เปิดตัว Microsoft Surface Pro 11

รอบนี้ Microsoft ได้ตัดสินใจข้าม Surface Pro 10 รุ่นวางจำหน่ายสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป ข้ามมาเป็น Surface Pro 11 เพื่อก้าวเข้าสู่ยุค AI PC ภายใต้ชื่อซีรีส์ Copilot+ PC ซึ่งเป็นชื่อเรียกสำหรับคอมพิวเตอร์ และโน้ตบุ๊กที่มีฮาร์ดแวร์สำหรับประมวลผล AI และใช้งานฟีเจอร์ AI ได้โดยเฉพาะ

Surface Pro 11 รุ่นใหม่มากับดีไซน์ที่อาจจะไม่ได้ต่างจากเดิมมากนัก โดยมาในดีไซน์โน้ตบุ๊กแบบ Hybrid 2-in-1 สามารถถอดคีย์บอร์ดเพื่อใช้งานเป็นแท็บเล็ตพร้อมขาตั้งกางได้ 165 องศา มีน้ำหนักเบาแค่เพียง 900 กรัม รองรับปากกา Surface Slim Pen ตัวบอดี้ทำมาจากวัสดุอะลูมิเนียม โดยวัสดุที่ใช้ทำบอดี้กว่า 72% เป็นวัสดุรีไซเคิล ซึ่งประกอบไปด้วยอะลูมิเนียมอัลลอยรีไซเคิล 100% และแร่โลหะ Rare Earth รีไซเคิล 100%

จอขนาด 13 นิ้ว ความละเอียด 2880 x 1920 พิกเซล รีเฟรชเรต 120Hz อัตราส่วน 3:2 โดยมีให้เลือกทั้งพาเนล IPS LCD และ OLED ตามความชอบส่วนบุคคล ได้กล้องหน้าความละเอียด 4K มีโหมด AI คอยช่วยปรับตำแหน่ง Auto Framing เปิดฟิลเตอร์ หรือช่วยเบลอหลังได้

จุดที่เปลี่ยนไปที่สุดของ Surface Pro 11 คือเรื่องของชิปเซตประมวลผล ที่เปลี่ยนมาใช้ชิป ARM อย่าง Snapdragon X Series ซึ่งมีให้เลือกทั้งรุ่นชิป Snapdragon X Plus หรือ Snapdragon X Elite ส่วนความจุนั้นมากับ RAM LPDDR5x และ SSD PCIe 4 ที่มีให้เลือกตั้งแต่ 16GB + 256GB และสูงสุดถึง 32GB + 1TB

ซึ่งจากผลทดสอบ Cinebench ที่ Microsoft เคลมระบุว่า Surface Pro 11 แรงกว่ารุ่นก่อนถึง 90% และเมื่อนำรุ่นที่ใช้ชิป 12-Core และ 10-Core มาทดสอบแข่งกับ MacBook Air M3 15 นิ้ว (8-Core CPU + 10-Core GPU) ตัว Surface Pro 11 สามารถประมวลผลแบบ Multithreaded ได้เสถียรกว่าฝั่ง Apple ถึง 58%

Surface Pro 11 ยังมาพร้อมกับ NPU Qualcomm Hexagon ที่ประมวลผลข้อมูลที่ความเร็วสูงสุด 45 TOPS ใช้สำหรับประมวผลฟีเจอร์ Copilot AI โดยเฉพาะ เช่น

  • ฟีเจอร์ Recall หาไฟล์ อีเมล หรือเว็บที่เปิดไว้ในเครื่องได้สะดวก
  • Cocreator วาดภาพง่าย ๆ พร้อมแปลงภาพเป็นภาพสวย ๆ รายละเอียดสูงด้วย AI ได้
  • OneNote ใช้ AI สรุปเนื้อหาจากลายมือในโน้ตได้
  • Live Captions ตรวจจับบทสนทนาในวิดีโอคอล หรือในวิดีโอที่รับชม พร้อมแปลงเป็นซับไตเติล และแปลเป็นอีก 44 ภาษาได้ทันที

ส่วนแบตเตอรี่นั้นทาง Microsoft เคลมว่าสามารถใช้งานได้นานสูงสุดถึง 14 ชั่วโมง แต่ขนาดแบตรุ่นจอ IPS LCD จะน้อยกว่านิดหน่อยที่ 48 Wh ส่วนรุ่น OLED จะมีขนาดอยู่ที่ 53 Wh ส่วนพอร์ตจะมี USB-C 2 พอร์ต (รองรับ USB4 และ Display Port 2.1) และพอร์ตชาร์จแม่เหล็ก Surface Connect ซึ่งทั้งทุกพอร์ตจะรองรับชาร์จไวสูงสุด 65W

ด้านการเชื่อมต่อนั้นรองรับทั้ง Wi-Fi 7 และ Bluetooth 5.4 ซึ่งในอนาคตจะมีรุ่นที่รองรับการใส่ Nano SIM Card เพื่อใช้งานเชื่อมต่อสัญญาณ 5G ให้เลือกเพิ่มเติมด้วย

สเปค Surface Pro 11

  • จอภาพรุ่น IPS LCD: PixelSense Flow ขนาด 13 นิ้ว
    • รองรับทัชสกรีน 10 จุด
    • ความละเอียด 2,880 x 1,920 พิกเซล
    • สัดส่วน 3:2
    • คอนทราสต์ 1,200:1
    • อัตรารีเฟรชสูงสุด 120Hz
    • โปรไฟล์สี sRGB และ Vivid
    • รองรับ Dolby Vision IQ
    • กระจก Gorilla Glass 5
  • จอภาพรุ่น OLED: PixelSense Flow ขนาด 13 นิ้ว
    • รองรับทัชสกรีน 10 จุด
    • ความละเอียด 2,880 x 1,920 พิกเซล
    • สัดส่วน 3:2
    • คอนทราสต์ 1M:1
    • อัตรารีเฟรชสูงสุด 120Hz
    • โปรไฟล์สี sRGB และ Vivid
    • รองรับ Dolby Vision IQ
    • กระจก Gorilla Glass 5
  • ซีพียู
    • Snapdragon X Plus
    • Snapdragon X Elite
  • จีพียู: Qualcomm Adreno ไม่ระบุรุ่น
  • เอ็นพียู: Qualcomm Hexagon
  • หน่วยความจำ LPDDR5x: 16GB / 32GB
  • สตอเรจ SSD Gen 4 256GB / 512GB / 1TB (ถอดเปลี่ยนได้)
  • ชิปความปลอดภัย TPM 2.0
  • แบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่องนานสุด 14 ชั่วโมง
    • รุ่น IPS LCD: 48Wh
    • รุ่น OLED: 53Wh
    • รองรับชาร์จไว 65W ผ่าน USB-C และ Surface Connect
  • พอร์ต
    • USB-C (USB 4 / Thunderbolt 4) x2
      • รองรับ DP 2.1
    • Surface Connect
    • Surface Pro Keyboard
  • การเชื่อมต่อ
    • Wi-Fi 7
    • Bluetooth 5.4
    • 5G (เร็ว ๆ นี้)
  • กล้องหน้า 4K 1440p
  • กล้องหลัง 10MP
  • ลำโพงสเตอรีโอ 2W
    • รองรับ Dolby Atmos
  • ไมโครโฟน Dual Studio Mic
  • ระบบปฏิบัติการ
    • Windows 11 Home รองรับฟีเจอร์ AI Copilot
  • ขนาด 287 x 208 x 9.3 มม.
  • น้ำหนัก 895 กรัม

เปิดตัว Microsoft Surface Laptop 7

Surface Laptop 7th Edition หรือ Surface Laptop 7 ภาพรวมดีไซน์นั้นถึงแม้ว่าจะยังดูคล้ายเดิม แต่มีการปรับ Touch Pad ให้เป็นแบบ Haptic Feedback จำลองการกดด้วยแรงกด แถมยังมากับขนาดตัวเครื่องที่เล็กลง แต่จอใหญ่ขึ้น

ตัวจอแสดงผลใช้พาเนล IPS LCD แบบทัชสกรีนที่มีให้เลือก 2 ขนาด ได้แก่ 13.8 นิ้ว (2304 x 1536 พิกเซล) และ 15 นิ้ว (2496 x 1664 พิกเซล) รองรับรีเฟรชเรต 120Hz ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 5 และได้ขอบจอที่บางลงอย่างเห็นได้ชัด

และแน่นอนว่า Surface Laptop 7 ก็เป็นหนึ่งในครอบครัว Copilot+ PC ด้วยเช่นกัน โดยมีให้เลือกทั้งชิป Snapdragon X Plus หรือ Snapdragon X Elite ที่เคลมว่าแรงกว่ารุ่นก่อนถึง 80% ประกบด้วย GPU Adreno และ NPU Hexagon ทำให้ได้ฟีเจอร์ AI เหมือนกับรุ่นพี่อย่าง Surface Pro 11 ทุกอย่าง ส่วนรุ่นความจุนั้นใช้เป็น RAM LPDDR5x และ SSD PCIe 4 ความจุสูงสุด 32GB + 1TB

ส่วนแบตเตอรี่นั้นเมื่อเปลี่ยนมาใช้เป็นชิป ARM ทาง Microsoft ได้เคลมว่าตัวเครื่องสามารถใช้งานได้ยาวนานสุด ๆ ถึง 20 – 22 ชั่วโมงตามรุ่นขนาดจอ (ความจุแบตรุ่น 13.8″ 54Wh / 15″ 66Wh) รองรับชาร์จไวผ่านพอร์ต Surface Connect และ USB-C สูงสุด 65W

ตัวเครื่องมากับพอร์ต USB-C 4 2 พอร์ต รองรับ Display Port 2.1 และ USB-A 3.1 1 พอร์ต มีช่องเชื่อมต่อหูฟัง 3.5 มม. ส่วนรุ่นจอใหญ่มีช่องอ่านการ์ด MicroSDXC ด้วย ส่วนการเชื่อมต่อรองรับทั้ง Wi-Fi 7 และ Bluetooth 5.4

สเปค Surface Laptop 7 (รุ่น 13.8 นิ้ว)

  • จอภาพ IPS LCD PixelSense ขนาด 13.8 นิ้ว
    • รองรับทัชสกรีน
    • ความละเอียด 2304 x 1536 พิกเซล
    • สัดส่วน 3:2
    • คอนทราสต์ 1,400:1
    • รองรับรีเฟรชเรตสูงสุด 120Hz
    • โปรไฟล์สี sRGB และ Enhanced
    • รองรับ Dolby Vision IQ
    • กระจก Gorilla Glass 5
  • ซีพียู
    • Snapdragon X Plus
    • Snapdragon X Elite
  • จีพียู: Qualcomm Adreno ไม่ระบุรุ่น
  • เอ็นพียู: Qualcomm Hexagon
  • หน่วยความจำ
    • LPDDR5x 16 / 32GB
  • สตอเรจ SSD Gen 4 256GB / 512GB / 1TB (ถอดเปลี่ยนได้)
  • ชิปความปลอดภัย TPM 2.0
  • แบตเตอรี่ 54 Wh
    • ใช้งานต่อเนื่องนานสุด 20 ชั่วโมง
    • รองรับชาร์จไว 65W ผ่าน USB-C และ Surface Connect
  • พอร์ต
    • USB-C x2 (USB 4 / Thunderbolt 4)
      • รองรับ DisplayPort 2.1
    • USB-A 3.1 x1
    • ช่องหูฟัง 3.5 มม.
    • Surface Connect
  • การเชื่อมต่อ
    • Wi-Fi 7
    • Bluetooth 5.4
  • กล้องหน้า 1080p
  • ลำโพงสเตอรีโอ Omnisonic
    • รองรับ Dolby Atmos
  • ไมโครโฟน Dual Studio Mic
  • ระบบปฏิบัติการ
    • Windows 11 Home รองรับฟีเจอร์ AI Copilot
  • ขนาด 301 x 220 x 17.5 มม.
  • น้ำหนัก 1.34 กิโลกรัม

สเปค Surface Laptop 7 (รุ่น 15 นิ้ว)

  • จอภาพ IPS LCD PixelSense ขนาด 15 นิ้ว
    • รองรับทัชสกรีน
    • ความละเอียด 2496 x 1664 พิกเซล
    • สัดส่วน 3:2
    • คอนทราสต์ 1,300:1
    • รองรับรีเฟรชเรตสูงสุด 120Hz
    • โปรไฟล์สี sRGB และ Enhanced
    • รองรับ Dolby Vision IQ
    • กระจก Gorilla Glass 5
  • ซีพียู: Snapdragon X Elite
  • จีพียู: Qualcomm Adreno ไม่ระบุรุ่น
  • เอ็นพียู: Qualcomm Hexagon
  • หน่วยความจำ
    • LPDDR5x 16 / 32GB
  • สตอเรจ SSD Gen 4 256GB / 512GB / 1TB (ถอดเปลี่ยนได้)
  • ชิปความปลอดภัย TPM 2.0
  • แบตเตอรี่ 66 Wh
    • ใช้งานต่อเนื่องนานสุด 22 ชั่วโมง
    • รองรับชาร์จไว 65W ผ่าน USB-C และ Surface Connect
  • พอร์ต
    • USB-C x2 (USB 4 / Thunderbolt 4)
      • รองรับ DisplayPort 2.1
    • USB-A 3.1 x1
    • MicroSDXC
    • ช่องหูฟัง 3.5 มม.
    • Surface Connect
  • การเชื่อมต่อ
    • Wi-Fi 7
    • Bluetooth 5.4
  • กล้องหน้า 1080p
  • ลำโพงสเตอรีโอ Omnisonic
    • รองรับ Dolby Atmos
  • ไมโครโฟน Dual Studio Mic
  • ระบบปฏิบัติการ
    • Windows 11 Home รองรับฟีเจอร์ AI Copilot
  • ขนาด 329 x 239 x 18.29 มม.
  • น้ำหนัก 1.66 กิโลกรัม

ราคา และการวางจำหน่าย

Microsoft เปิดให้พรีออเดอร์ Surface Pro 11 และ Surface Laptop 7 ในสหรัฐอเมริกาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะเริ่มจัดส่งอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายน 2024 เป็นต้นไป ส่วนราคาการวางจำหน่ายเริ่มต้นนั้น เปิดมาดังนี้

  • Surface Pro 11 เริ่มต้น 999.99 เหรียญฯ หรือราว ๆ 36,300 บาท (ไม่รวมภาษี)
  • Surface Laptop 7 13.8″ เริ่มต้น 999.99 เหรียญฯ หรือราว ๆ 36,300 บาท (ไม่รวมภาษี)
  • Surface Laptop 7 15″ เริ่มต้น 1299.99 เหรียญฯ หรือราว ๆ 47,200 บาท (ไม่รวมภาษี)

รายละเอียดราคา และรุ่นความจุเพิ่มเติม: Microsoft US