Meizu m1 Metal เป็นสมาร์ทโฟนที่อยู่ในช่วงราคาประหยัดของ Meizu ประมาณกลุ่มเดียวกับกับ M2 Note แต่มีจุดเด่นที่การเลือกใช้วัสดุโลหะ กระจก 2.5D และมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ทั้งหมดนี้มาในราคาแค่ราวๆ 7,000-8,000 บาท เท่านั้นเอง ตัวเครื่องถึงแม้ว่าจะมาพร้อมกับ Aliyun OS แต่เอาจริงหน้าตามันก็คล้าย Flyme OS และก็ลง Google Play เสริมเข้าไปได้ง่ายๆ เรียกว่าใช้งานเป็น Android ได้ครบปกตินั่นเอง

สเปค Meizu Metal โดยคร่าวๆ

  • หน้าจอ: IPS LCD 5.5 นิ้ว ความละเอียด FHD 1080p พร้อมกระจก T2X-1 Electric แบบ 2.5D 
  • CPU: MediaTek Helio X10 MT6795 Octa-core 2.0GHz 
  • GPU: PowerVR G6200 
  • RAM: 2GB LPDDR3 
  • หน่วยความจำภายใน: 16GB/32GB รองรับ microSD สูงสุด 128GB 
  • กล้องหลัง: 13 ล้านพิกเซล f/2.2 พร้อมระบบออโต้โฟกัส Phase-detection ความเร็ว 0.2 วินาที และ Dual-LED flash 
  • กล้องหน้า: 5 ล้านพิกเซล 
  • ระบบสแกนลายนิ้วมือ: mTouch 2.1 ตัวเดียวกับ MX5 สแกนได้เร็ว 0.48 วินาที 
  • SIM: รองรับ 2 ซิมแบบ Dual standby 
  • 3G 900/2100 4G 1800/2100 
  • แบตเตอรี่: 3,140mAh

Hardware

งานออกแบบนั้นสวยหรูมากครับ ด้วยบอดี้เป็นอลูมิเนียมทั้งตัว จับแล้วรู้สึกถึงความพรีเมี่ยมมากๆ ด้านหน้าของตัวเครื่อง ส่วนบนจะประกอบด้วย ไฟแจ้งเตือน ลำโพงสนทนา เซ็นเซอร์วัดแสง และ กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านตามลำดับ พลิกมาดูด้านหลัง ด้านบนจะเป็นตัวกล้อง 13MP f/2.2 ตัวกล้องนั้นนูนยื่นออกมาพอสมควรครับ ถัดลงมาเป็น LED Flash

ด้านล่างจะมีปุ่มโฮมอยู่ปุ่มเดียว ที่ฝังเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาด้วยครับ การสแกนลายนิ้วมือทำได้รวดเร็วไม่มีหงุดหงิด แตะหนึ่งครั้งคือ back กดลงไปหนึ่งครั้งคือ home ส่วน recent app ให้สไลด์จากขอบจอด้านล่างขึ้นไปครับ

ด้านบนมีพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร และที่อยู่ใกล้ๆกันน่าจะเป็นไมค์ตัวที่สองไว้ตัดเสียงรบกวนครับ ส่วนด้านล่างของตัวเครื่องประกอบไปด้วยลำโพง พอร์ต USB และติดกันก็จะเป็นไมค์สนทนาครับ

ด้านซ้ายจะมีแค่ช่องใส่ SIM+SD Card ซึ่งต้องใช้เข็มจิ้มออกมาครับ ด้านขวาจะเป็นปุ่ม Volume และ Power ครับ

 

Software

Meizu Metal มาพร้อมกับ YunOS ซึ่งจริงๆแล้วรูปร่างหน้าตามันก็คือ Flyme OS นั่นแหละครับ เพียงแต่จะเป็นเวอร์ชั่นที่ไม่มี playstore ติดเข้ามา playstore เราสามารถโหลดเพิ่มได้ผ่าน appstore ของเครื่องได้เลยครับ ไม่ต้องไปรูทอะไรให้ยุ่งยาก อธิบายให้เข้าใจง่ายๆเลยคือ มันคือ Flyme Os ที่ไม่มี Playstore ครับ

  

การสแกนลายนิ้วมือ ต้องกดปุ่มโฮมก่อนครั้งนึง สามารถกดค้างไว้ได้เลยครับ มันจะสแกนไปในตัวเลย ความแม่นยำถือว่าแม่นยำมากครับ และยังสามารถตั้ง Lock App ต่างๆ ได้ด้วยการสแกนลายนิ้วมือได้ด้วยครับ 

 

 

หน้าตาของรอม YunOS บางส่วนครับ จะเห็นว่าสามารถโหลด Google Play มาติดตั้งได้เองง่ายๆ โดยมีอยู่แล้วใน App Store ที่มากับเครื่อง

 

ประสิทธิภาพและความแรง

Meizu Metal มาพร้อมกับ CPU MTK Helio x10 พร้อม RAM DDR3 2GB สำหรับการใช้งานทั่วไปถือว่าสบายหายห่วงครับ ส่วนเรื่องการเล่นเกม ผมเล่น Asphalt 8, Modern Combat 5 ลื่นๆ ไม่กระตุก สบายมาก

 

กล้องภ่ายภาพ 

  • กล้องหน้า 5MP กล้องหน้าชัดครับ ชัดครับ Selfie ได้สบายๆครับ 
  • ในส่วนของกล้องหลัง 12MP F/2.2 (หาข้อมูล Sensor กล้องไม่เจอ แต่เคยเห็นผ่านๆ ว่าเป็นของซัมซุง)

ตัวอย่างภาพถ่าย (ผมเซฟมาจาก FB อีกทีนะครับ คุณภาพดรอปแน่นอน พอดีไฟล์รูปในเครื่องผม format เมมไปหมดแล้ว)

แสงน้อยในอาคาร

กลางคืนในอาคาร

กลางคืน

กลางคืนแสงน้อยมาก

 

ข้อดีของ Meizu Metal

  • มาพร้อม Android 5.1
  • บอดี้อลูมิเนียม การประกอบแน่นหนา
  • หน้าจอแสดงภาพได้สวยมากครับ สวยกว่า G3 ีก
  • CPU GPU แรง อยู่ในระดับที่เล่นเกมได้สบายๆ
  • รองรับ 2 SIM 4G 3G ทุกค่าย และใส่ microSD เพิ่มได้ (ต้องเลือกเอาระหว่างซิม 2 จะใส่ซิมหรือ micro SD)
  • กล้องหน้าหลังอยู่ในเกณฑ์ดีครับ
  • กล้องโฟกัสไวมาก
  • ลำโพงดัง เสียงเพราะ เสียงออกไปทาง iPhone 6 ครับ
  • มีสแกนลายนิ้วมือ สแกนได้เร็ว
  • รอมลื่น สเถียร แบตอึด ไม่มีบั้คเลย

ข้อด้อยของ Meizu Metal

  • เครื่องมันดูเหมือนผลไม้ไปหน่อย (อันนี้ความเห็นส่วนตัวผมนะ)
  • การแสกนลายนิ้วมือต้องกดปุ่มโฮมให้หน้าจอติดก่อน แรกๆ ไม่ค่อยชิน ตอนนี้สบายละครับ

 

สรุป

Meizu Metal ในงบ 7000-8000 ถือว่าเป็นตัวที่คุ้มค่าตัวนึงครับ บอดี้โลหะ สแกนลายนิ้วมือแม่นยำ รอมสเถียร แบตอึด รอมไม่มีบั้คอะไรเลยครับตั้งแต่ใช้มา ตั้งแต่ลองมือถือแบรนด์จีนสเป็คแรงๆ อย่างพวก Lenovo K3 Note, ZTE V5 Pro, Xiaomi Redmi Note 2 ตัวนี้เป็นอะไรที่คุ้มสุดแล้วครับ (ก็มันออกมาทีหลังนิเนอะ) ตอนนี้กำลังเล็งๆ Redmi Note 3 อยู่่เหมือนกัน ชั่งใจออยู่ 50/50 อยู่ว่าจะซื้อมาลองดีหรือเปล่า 😛

ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ติดตามอ่านนะครับ