จี้ กสทช. ทวงเงินคืนประชาชน หลังปล่อยค่ายมือถือคิดค่าโทรเกินกำหนด

สำนักข่าวอิสรานิวส์ isranew.org ได้รายงายงานเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ในกรณีของนายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ ผู้อำนวยการบริหารสถาบันอิศรา ได้ร้องเรียนเรื่องค่าบริการโทรศัพท์ที่มีการคิดเกินราคา กับ นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. โดยในใบค่าบริการของ AIS นั้นคิดค่าโทรนาทีละ 1.50 บาท สูงกว่าอัตราที่ กสทช กำหนดไว้ 0.99 บาท และทาง AIS ได้ทำเรื่องคืนเงินส่วนที่เกินให้แล้วเป็นจำนวน 2,700 บาท พร้อมร้องเรียนให้ กสทช. ทำการตรวจสอบทั้งระบบ เพราะตอนนี้ค่ายไหนๆ ก็คิดค่าโทรนาทีละ 1.50 บาททั้งนั้น

นายประสงค์ได้ร้องเรียนค่าบริการโทรศัพท์ของ AIS บนเครือข่าย 3G คลื่นความถี่ย่าน 2100 MHz นาทีละ 1.50 บาท เกินกว่าที่ กสทช.กำหนดไว้นาทีละ 0.82 บาท เมื่อวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งทาง AIS ได้ทำเรื่องคืนเงินให้แล้วบางส่วน (ผ่านมาเกือบ 3 เดือนถึงจะได้คืน) ซึ่งเป็นค่าบริการบนเครื่องข่าย 2G ส่วน 3G นั้นยังไม่ได้มีการคืนแต่อย่างใด 

นายประสงค์กล่าวว่าการที่ทาง AIS ออกมายอมรับว่าคิดค่าบริการผิดและคืนเงินส่วนต่างนั้นนับว่าเป็นเรื่องดี แต่ ณ จุดนี้มีการคืนส่วนต่างเฉพาะการใช้บริการเมื่อครั้งยังเป็นคลื่น 2G เท่านั้น ในส่วนที่มีการย้ายมาใช้บริการ 3G 2100 ทาง กสทช. ยังไม่ได้พิจารณาชดเชยคืนให้ เลยจะทำการยื่นเรื่องต่อ กสทช. อีกครั้งนึ่ง

ซึ่งถ้าหากเราพิจารณาเรื่องนี้ ทาง กสทช. เองนั้นเคยได้ประกาศตั้งแต่ปี 2555 ว่าค่าบริการการใช้งานด้วยเสียงควรจะไม่เกิน 0.82 บาทต่อนาที (รวม VAT แล้วเป็น 0.99 บาทต่อนาที) ซึ่งตั้งแต่ตอนนั้นมาก็ยังไม่ได้มีค่ายไหนนำไปใช้งานจริงจัง แถมยังมีลูกล่อลูกชนเช่นให้คิดร่วมกับโปรโมชั่น อย่าคิดแยกเป็นนาที หรือใช้การถัวเฉลี่ยกับโปรอื่นๆ ที่ทางค่ายเสนอให้ 

แต่ถ้ามองไปที่โปรโมชั่นใหม่ล่าสุดของทั้ง 3 ค่ายนั้น จะเห็นได้ทันทีว่ามีการคิดค่าบริการโทรศัพท์ 1.50 บาททุกค่าย กรณีโทรเกินโปรโมชั่น 

แล้วแบบนี้ประกาศของ กสทช. นั้นจะมีความหมายอะไร? เพราะถ้าหากบังคับใช้จริงไม่ได้ ประชาชนก็ต้องจ่ายค่าบริการสูงกว่าความเป็นจริงมาตลอด การมี กสทช. มาช่วยดูแลสอดส่องเรื่องการใช้คลื่นและค่าบริการที่เป็นธรรมนั้นสุดท้ายแล้วทำได้หรือไม่ได้กันแน่ และที่ผ่านมาทาง กสทช. เองก็ดูไม่ได้เดือนร้อนอะไรที่ค่ายต่างๆ คิดค่าบริการสูงกว่ากำหนดก็ปล่อยให้คิดต่อไป ใครอยากได้เงินคืนก็ต้องมาทำเรื่องร้องเรียนเอาแบบนี้หรือ?

source : isranews