สายสตรีมเริ่มหาลู่ทางกันแต่เนิ่น ๆ ได้เลย…เพราะล่าสุด Netflix ได้ออกมาประกาศแล้วว่าจะเริ่มขยายมาตรการ “ห้ามแชร์รหัสผ่าน” ไปยังประเทศอื่น ๆ ต่ออีก หลังจากที่เริ่มทดสอบกับประเทศแถบอเมริกาใต้จนพอใจไปแล้ว โดยมาตรการดังกล่าวจะเริ่มใช้หลังช่วงไตรมาสแรกของปี หรือตั้งแต่เดือนเมษายน 2023 เป็นต้นไป

Netflix ได้เริ่มทดสอบมาตรการห้ามแชร์รหัสผ่านมาตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนของปี 2022 แล้ว ตอนนั้นเป็นการทดลองก่อนเฉพาะประเทศแถบอเมริกาใต้ เช่น ประเทศชิลี, คอสตาริกา และเปรู โดยมาตรการดังกล่าวจะทำให้สมาชิกที่สมัครแพ็คเกจ Premium ต้องดูหนังดูซีรีส์อยู่ในบ้านหลังเดียวกันเท่านั้น หากแยกกันใช้คนละบ้านจะมีข้อความแจ้งเตือนว่าให้จ่ายเงินค่าบริการเพิ่มเติมจากแพ็คเกจหลักอีกคนละ 2.99 ดอลลาร์ หรือราว ๆ 100 บาท 

Netflix ตรวจจับสมาชิกคนละบ้านยังไง?

ทาง Netflix ได้เผยถึงวิธีการตรวจจับอุปกรณ์อย่างสมาร์ททีวี หรืออุปกรณ์ประเภท Android TV / Google TV ด้วย ว่าจะใช้การตรวจจาก IP Address, ID ของอุปกรณ์ รวมถึงตรวจจากการใช้งานของบัญชีที่อยู่ในแพ็คเกจเดียวกันด้วย ส่วนอุปกรณ์เคลื่อนที่อย่างมือถือ แทบเล็ต หรือโน้ตบุ๊ค จะไม่มีปัญหาในส่วนนี้ ยังสามารถดูได้ตามปกติแม้ว่าจะอยู่คนละบ้านหรืออยู่ที่ไหนก็ตาม (อาจแก้ด้วยการดูจากมือถือ หรือโน้ตบุ๊คแล้วเสียบสายต่อเข้าทีวีเอาก็ได้มั้ง…)

และหากต้องการดู Netflix ระหว่างออกไปท่องเที่ยว (เช่น เอาบัญชีตัวเองไป Sign in ที่สมาร์ททีวีของโรงแรม) ก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่จะจำกัดการใช้งานนอกบ้านเอาไว้ที่ 2 สัปดาห์ และสามารถทำได้ปีละ 1 ครั้ง

รู้ว่าจะต้องมีสมาชิกหายไป แต่ระยะยาวอาจคุ้มกว่า

Netflix บอกว่าทางบริษัทเองรู้ดีว่าหลังจากเริ่มใช้มาตรการนี้จริงจัง จะต้องมีสมาชิกที่ยกเลิกบริการแน่นอน แต่คาดว่าการเก็บค่าบริการเพิ่มเติมจากสมาชิกที่อยู่คนละบ้าน (และยังสมัครต่อ) ในระยะยาวจะสร้างรายได้โดยรวมมากขึ้น

ต้องมารอดูกันว่าในบ้านเรา หาก Netflix เริ่มใช้มาตรการนี้บ้างแล้ว จะมีการเรียกเก็บสมาชิกที่อยู่คนละบ้านเพิ่มอีกหัวละเท่าไหร่…ว่าแต่จะสมัครกันต่อมั้ย? หรือจะย้ายไปค่ายอื่นแทนกันล่ะเนี่ย?

 

ที่มา : TheVerge