มือถือรุ่นใหม่ที่ผ่านการรับรองจากสำนักงาน กสทช.ในเดือนนี้ (สิงหาคม) เกือบทั้งหมดเป็นรุ่นที่เปิดตัวในต่างประเทศไปก่อนแล้ว เหลือแค่รอประกาศราคาในไทย เช่น realme 13 Pro 5G, OnePlus Nord 4 และ Nothing Phone (2a) Plus ส่วนรุ่นที่ยังไม่ถูกเผยโฉม แต่ติดมีชื่อติดโผมาด้วย คือ Xiaomi 14T Pro และ Infinix Zero Flip ซึ่งเป็นรุ่นที่น่าจับตาทั้งคู่

ยี่ห้อรุ่นสถานะ
InfinixInfinix Zero Flipยังไม่เปิดตัว
NothingNothing Phone (2a) Plusเปิดตัวในต่างประเทศ
OnePlusOnePlus Nord 4เปิดตัวในต่างประเทศ
realmerealme 13 5Gเปิดตัวในต่างประเทศ
realmerealme 13 Pro 5Gเปิดตัวในต่างประเทศ
SamsungGalaxy A06วางจำหน่ายแล้ว
TECNOTECNO POP 9เปิดตัวในต่างประเทศ
XiaomiRedmi 14Cเปิดตัวในต่างประเทศ
XiaomiXiaomi 14Tยังไม่เปิดตัว
XiaomiXiaomi 14T Proยังไม่เปิดตัว

Infinix

มือถือจอพับเป็นเทรนด์ที่มาแรงต่อเนื่องกันมาหลายปีแล้ว สะท้อนให้เห็นผ่านยอดขายที่ค่อย ๆ โตขึ้นเป็นลำดับ สวนทางกับภาพรวมของตลาดมือถือบาร์ไทป์ทั่วไปที่เข้าสู่ภาวะชะลอตัวทั่วโลก ทำให้หลายค่ายมองว่า ฟอร์มแฟกเตอร์นี้ คือฟอร์มแฟกเตอร์แห่งอนาคต และกระโดดเข้ามาร่วมแจม เช่นเดียวกับ Infinix ที่กำลังจะมีมือถือจอพับรุ่นแรกของค่าย ตามรอย TECNO พี่น้องร่วมแบรนด์ ที่พึ่งเปิดตัว TECNO Phantom V Flip ไปเมื่อปีก่อน

มือถือจอพับรุ่นแรกของ Infinix ในฐานข้อมูลของ กสทช.ไม่ได้เปิดเผยชื่อตรง ๆ (บอกเฉพาะรหัสรุ่น) แต่จากเอกสารของ FCC ทำให้เราสามารถยืนยันได้ว่า ชื่อคือ Infinix Zero Flip จอพับตลับแป้ง

ภาพจาก FCC ผ่าน MySmartPrice

Nothing

Carl Pei ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Nothing ประกาศแนวทางชัดเจนว่า ปีนี้ Nothing Phone (4) ที่เป็นเรือธงจะยังไม่มา เพราะทางค่ายต้องการเวลาในการพัฒนาฟีเจอร์ด้าน AI และความเข้ากันได้ของ UI ให้สมบูรณ์พร้อมที่สุด แต่ Nothing ก็ไม่อยากทิ้งช่วงจากตลาดนานเกินไป ซึ่งสุ่มเสี่ยงจะทำให้แบรนด์หลุดกระแส เหตุนี้จึงคลอด Nothing Phone (2a) Plus รุ่นไมเนอร์เชนจ์ของ Nothing Phone (2a) ออกมาระหว่างทาง โดยใช้ดีไซน์เดิม แต่เพิ่มสีใหม่ และปรับปรุงฮาร์ดแวร์เล็กน้อย

สเปค Nothing Phone (2a) Plus

  • จอภาพ Flexible AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว
    • ความละเอียด 1084 x 2412 พิกเซล
    • อัตรารีเฟรช 30 – 120Hz
    • ความลึกสี 10-bit
    • ความสว่างสูงสุด 1300 นิต
    • รองรับ HDR10+
    • อัตราการสัมผัส 240Hz
  • ชิปเซต Dimensity 7350 Pro 5G
  • หน่วยความจำ 8 / 12GB
    • รองรับ RAM Booster สูงสุด 8GB
  • สตอเรจ 256GB
  • กล้องหลัง
    • กล้องหลัก 50MP (𝑓/1.88), เซนเซอร์ 1/1.57 นิ้ว, ระบบกันสั่น OIS และ EIS
    • กล้องอัลตราไวด์ 50MP (𝑓/2.2), มุมกว้าง 114 องศา
  • กล้องหน้า 50MP (𝑓/2.2)
  • ลำโพงสเตอรีโอ
  • เครือข่าย 5G
    • รองรับ Dual SIM (nano-SIM + nano-SIM)
  • การเชื่อมต่อ
    • Wi-Fi 802.11a/n/g/n/ac/ax
    • Bluetooth 5.3
    • NFC
  • แบตเตอรี่ 5000mAh
    • รองรับชาร์จไว 50W
  • เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (ใต้หน้าจอ)
  • ทนน้ำทนฝุ่น IP54
  • ระบบปฏิบัติการ Nothing OS 2.6 บนพื้นฐาน Android 14
    • อัปเดตระบบปฏิบัติการ 3 ปี
    • อัปเดตความปลอดภัย 4 ปี
  • ขนาด 161.7 x 76.3 x 8.5 มม.
  • น้ำหนัก 190 กรัม

ราคาเริ่มต้น 15,000 บาท (คาดการณ์โดยประมาณ)

OnePlus

OnePlus ตั้งใจวาง OnePlus Nord 4 ให้เป็นหนึ่งในกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนกลุยุทธ์มือถือพลัง AI ของค่าย สังเกตได้จากการที่รุ่นนี้ได้ประเดิมใช้ฟีเจอร์ใหม่บางอย่างของ OnePlus AI ก่อนเรือธงเสียอีก เช่น ‘AI Speak’‘AI Summary’ และ ‘AI Writer’ ที่พึ่งอัปเดตไปหมาด ๆ

นอกจากนี้ OnePlus Nord 4 ยังถูกชูจุดขายในแง่ของงานดีไซน์และงานประกอบ โดยมาพร้อมตัวเครื่องที่ถูกผลิตจากโลหะแบบยูนิบอดี แทบไร้รอยต่อทั้งชิ้น และได้รับการการันตีอัปเดตซอฟต์แวร์ 4 + 6 ปี เหนือกว่ารุ่นเรือธงเช่นกัน (ได้แพตช์ความปลอดภัยนานกว่า 1 ปี)

สเปค OnePlus Nord 4

  • จอภาพ AMOLED ขนาด 6.74 นิ้ว
    • ความละเอียด 1240 x 2772 พิกเซล
    • อัตรารีเฟรช 120Hz
    • ความสว่างสูงสุด 2150 นิต
    • ความลึกสี 10-bit
    • ขอบเขตสี 100% ของ DCI-P3
  • ชิปเซต Snapdragon 7+ Gen 3
  • หน่วยความจำ 8 / 12 / 16GB (LPDDR5x)
  • สตอเรจ 256 / 512GB (UFS 4.0)
  • กล้องหลัง
    • กล้องหลัก 50MP (𝑓/1.8), ระบบโฟกัส PDAF, ระบบกันสั่น OIS และ EIS
    • กล้องอัลตราไวด์ 8MP (𝑓/2.2), มุมกว้าง 112 องศา
    • ถ่ายวิดีโอสูงสุด 4K ที่ 60 เฟรมต่อวินาที
  • กล้องหน้า 16MP (𝑓/2.4)
  • ลำโพงสเตอรีโอ
    • รองรับ Noise cancellation
  • เครือข่าย 5G
    • รองรับ Dual SIM (nano-SIM + nano-SIM)
  • การเชื่อมต่อ
    • Wi-Fi 6
    • Bluetooth 5.4
    • NFC
    • IR blaster
  • แบตเตอรี่ 5500mAh
    • รองรับชาร์จไว 100W
  • เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (ใต้หน้าจอ)
  • ทนน้ำทนฝุ่น IP65
  • ระบบปฏิบัติการ OxygenOS 14.1 บนพื้นฐาน Android 14
  • ขนาด 162.6 x 75.0 x 7.99มม.
  • น้ำหนัก 199.5 กรัม

ราคาเริ่มต้น 15,000 ~ 20,000 บาท (คาดการณ์โดยประมาณ)

realme

ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา realme ทยอยเปิดตัว realme 13 series ออกมาหลายรุ่น ซึ่ง realme 13 Pro+ 5G ที่เป็นตัวท็อป ได้รับการรับรองจาก กสทช.ไปแล้วในเดือนเดียวกัน ในขณะที่เดือนนี้มีตามมาอีก 2 รุ่น ได้แก่ realme 13 5G และ realme 13 Pro 5G ทั้งหมดเตรียมมาสานต่อ realme 12 series ที่วางขายมาตั้งแต่ปีก่อน

สเปค realme 13 5G

  • จอภาพ IPS LCD ขนาด 6.72 นิ้ว
    • ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล
    • อัตรารีเฟรช 120Hz
    • ความสว่างสูงสุด 580 นิต
  • ชิปเซต Dimensity 6300 5G
  • หน่วยความจำ 8GB
  • สตอเรจ 128 / 256GB
  • กล้องหลัง
    • กล้องหลัก 50MP (𝑓/1.8), ระบบกันสั่น OIS
    • กล้องจับความลึก 2MP
  • กล้องหน้า 16MP (𝑓/2.5)
  • ลำโพงสเตอรีโอ
    • ช่องหูฟัง 3.5 มม.
  • เครือข่าย 5G
  • การเชื่อมต่อ
    • Wi-Fi 5
    • Bluetooth 5.3,
  • แบตเตอรี่ 5000mAh
    • รองรับชาร์จไว 45W
  • เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (ด้านข้าง)
  • ทนน้ำทนฝุ่น IP65
  • ระบบปฏิบัติการ realme UI 5.0 บนพื้นฐาน Android 14
  • ขนาด 165.6 x 76.1 x 7.8 มม.
  • น้ำหนัก 190 กรัม

ราคาเริ่มต้น 8,000 บาท (คาดการณ์โดยประมาณ)

สเปค realme 13 Pro 5G

  • จอภาพ OLED ขนาด 6.7 นิ้ว
    • ความละเอียด 1080 x 2412 พิกเซล
    • อัตรารีเฟรช 120Hz
    • ความสว่างสูงสุด 2,000 นิต
    • รองรับ Pro-XDR
  • ชิปเซต Snapdragon 7s Gen 2
  • หน่วยความจำ 8GB / 12GB
  • สตอเรจ 128 / 256 / 512GB
  • กล้องหลัง
    • กล้องหลัก 50MP (𝑓/1.88), ระบบกันสั่น OIS
    • กล้องอัลตราไวด์ 8MP (𝑓2.45), มุมกว้าง 112 องศา
  • กล้องหน้า 32MP (𝑓2.45)
  • ลำโพงสเตอรีโอ
    • รองรับ Hi-Res Audio
  • เครือข่าย 5G
  • การเชื่อมต่อ
    • Wi-Fi 6
    • Bluetooth 5.2
  • แบตเตอรี่ 5200mAh
    • รองรับชาร์จไว 45W
  • เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (ใต้หน้าจอ)
  • ทนน้ำทนฝุ่น IP65
  • ระบบปฏิบัติการ realme UI 5.0 บนพื้นฐาน Android 14
  • ขนาด
    • วัสดุหนังเทียม 161.3 x 73.9 x 8.41 มม.
    • วัสดุกระจก 161.3 x 73.9 x 8.23 มม.
  • น้ำหนัก
    • วัสดุหนังเทียม 183.5 กรัม
    • วัสดุกระจก 188 กรัม

ราคาเริ่มต้น 12,000 บาท (คาดการณ์โดยประมาณ)

Samsung

Galaxy A06 มือถือสุดคุ้มราคาสบายกระเป๋าประจำปี 2024 จาก Samsung จุดเด่นของรุ่นนี้คือ หน้าจอ PLS LCD ขนาด 6.7 นิ้ว ใหญ่ที่สุดเหนือ Galaxy A-series ทุกรุ่นที่วางจำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน โดยรอบนี้มีการอัปเกรดอัตรารีเฟรชจาก 60Hz เป็น 90Hz ให้แสดงผลได้ลื่นไหลเนียนตามากขึ้นด้วย (ล่าสุด Samsung แก้ไขข้อมูล Galaxy A06 ได้หน้าจอ 60Hz เท่าเดิม)

สเปค Galaxy A06

  • จอภาพ PLS LCD ขนาด 6.7 นิ้ว
    • ความละเอียด 720 x 1600 พิกเซล
  • ชิปเซต Helio G85
  • หน่วยความจำ 4GB
  • สตอเรจ 64 / 128GB
    • รองรับ microSD card สูงสุด 1TB
  • กล้องหลัง
    • กล้องหลัก 50MP (𝑓/1.8)
    • กล้องจับความลึก 2MP (𝑓/2.4)
  • กล้องหน้า 8MP (𝑓/2.0)
  • ลำโพงเดี่ยว
    • ช่องหูฟัง 3.5 มม.
  • เครือข่าย LTE
  • การเชื่อมต่อ
    • Wi-Fi 5
    • Bluetooth 5.3
  • แบตเตอรี่ 5000mAh
    • รองรับชาร์จไว 25W
  • เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (ด้านข้าง)
  • แพลตฟอร์มความปลอดภัย Knox Vault
  • ระบบปฏิบัติการ One UI 6 บนพื้นฐาน Android 14
    • อัปเดตระบบปฏิบัติการ 2 ปี
    • อัปเดตระบบปฏิบัติการ 4 ปี
  • ขนาด (ไม่ระบุ)
  • น้ำหนัก (ไม่ระบุ)

ราคาเริ่มต้น 3,699 บาท

Xiaomi

ข้อมูลชุดใหญ่ของ Xiaomi 14T พึ่งหลุดออกมาสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อคืนนี้ (วันศุกร์) จากทิปสเตอร์จอมแม่น billbil-kun แห่ง Dealabs คนเดิม ควบคู่ไปกับ Xiaomi 14T Pro ตามรานงานระบุว่า ทั้งคู่มากับหน้าจอ OLED ขนาด 6,67 นิ้ว ความละเอียด 1.5K อัตรารีเฟรช 144Hz ภายในขับเคลื่อนด้วยชิป Dimensity 8300 Ultra และ Dimensity 9300+ ตามลำดับ พ่วงมากับแรมขนาด 12GB

จุดแตกต่างสำคัญคือ Xiaomi 14T ได้สตอเรจเริ่มต้น 256GB ส่วน Xiaomi 14T Pro ขยับมาเป็น 512GB พร้อมชุดกล้องหลัง Leica ที่จัดเต็มกว่าในแง่ของขนาดเซนเซอร์ และระยะการซูมในเซนเซอร์สูงสุด (in-sensor zoom) ดังนี้

Xiaomi 14T

  • กล้องหลัง LEICA VARIO-SUMMILUX 1:1.7-2.2 / 15-50 ASPH
    • กล้องหลัก 50MP (𝑓/1.62), เซนเซอร์ IMX906 ขนาด 1/1.56 นิ้ว, กันสั่น OIS
    • กล้องอัลตราไวด์ 12MP (𝑓/2.2), มุมกว้าง 120 องศา
    • กล้องเทเลโฟโต 50MP (𝑓/1.98), ซูมออปติคัล 2.6 เท่า, ซูมในเซนเซอร์ 4 เท่า

Xiaomi 14T Pro

  • กล้องหลัง LEICA VARIO-SUMMILUX 1:1.6-2.2 / 15-60 ASPH
    • กล้องหลัก 50MP (𝑓/1.61), เซนเซอร์ Light Fusion 900 ขนาด 1/1.31, กันสั่น OIS
    • กล้องอัลตราไวด์ 12MP (𝑓/2.2), มุมกว้าง 120 องศา
    • กล้องเทเลโฟโต 50MP (𝑓/1.98), ซูมออปติคัล 2.6 เท่า, ซูมในเซนเซอร์ 5 เท่า

ส่วนประเด็นเรื่องราคา billbil-kun มีให้ข้อมูลไว้เช่นกัน คือ 649 ยูโร (ประมาณ 24,500 บาท) สำหรับ Xiaomi 14T และ 899 ยูโร สำหรับ Xiaomi 14T Pro (ประมาณ 34,000 บาท)

แต่ด้วยกำแพงภาษีของยูโรปที่สูงกว่าโซนอื่นเป็นปกติ จึงอาจนำมาใช้อ้างอิงได้ยาก ซึ่งราคาไทยของ Xiaomi 13T และ Xiaomi 13T Pro จากปีก่อน เคาะออกมาที่ 15,990 บาท และ 19,990 บาท ตามลำดับ โดยจะเห็นได้ว่า มีความแตกต่างจากราคายุโรปพอสมควร

ที่มา : MoCheck (กสทช.)