เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่สำหรับ Infinix ZERO 30 5G มือถือรุ่นล่าสุดที่รอบนี้มาพร้อมจุดเด่นด้านกล้องแบบจัดเต็ม ได้ทั้งกล้องหลัก 108MP มีระบบกันสั่น OIS แถมยังได้จอโค้ง 3D ดีไซน์พรีเมียม พร้อมรองรับการถ่ายวิดีโอที่ 4K@60FPS ทั้งกล้องหน้า และกล้องหลังด้วย ส่วนในไทยเตรียมเปิดให้ซื้อในวันที่ 14 กันยายน 2566 นี้

เปิดตัว Infinix ZERO 30 5G

Infinix ZERO 30 5G มาพร้อมกับจอแสดงผลแบบโค้ง 3D 60 องศา ที่มาในขนาดใหญ่ 6.78 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ โดยใช้พาเนล AMOLED 10-bits ที่รองรับรีเฟรชเรทสูงถึง 144Hz รองรับ Touch Sampling Rate ที่ 360Hz สว่างสูงสุดถึง 950nits มาตรฐานสีระดับ DCI-P3 ส่วนกระจกจอใช้วัสดุกระจกทนรอยขีดข่วน Gorilla Glass 5

ตัวเครื่องรุ่นนี้มาในดีไซน์แบบ Golden Hour ที่มีฝาหลังให้เลือกสองวัสดุ ทั้งแบบกระจก Gorilla Glass 5 ที่มาพร้อมลวดลายแตกต่างกันในแต่ละสี และมีรุ่นที่ใช้วัสดุหนังวีแกนสุดพรีเมี่ยม ขอบเฟรมตัวเครื่องใช้วัสดุพลาสติกเงางาม ทำให้ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบาเพียง 185 กรัมเท่านั้น แถมยังทนละอองน้ำ ทนฝุ่นระดับ IP53 ด้วย

ด้านประสิทธิภาพนั้น Infinix ZERO 30 5G มาพร้อมชิประดับกลางอย่าง Dimensity 8020 ประกบคู่มากับความจุขนาดใหญ่ RAM LPDDR4x  12GB + ROM UFS 3.1 ขนาด 256GB มีระบบระบายความร้อน Vapor Chamber ช่วยให้ถ่ายวิดีโอ และเล่นเกมได้นานขึ้น

ไฮไลต์หลักของรุ่นนี้อยู่ที่เรื่องกล้องที่ให้มาแบบจัดเต็ม โดยกล้องหลังมาด้วยกัน 3 ตัวประกอบไปด้วย กล้องหลัก ISOCELL HM6 ความละเอียด 108MP มีกันสั่น OIS + กล้อง Ultrawide 13MP + กล้อง Depth 2MP

ส่วนกล้องหน้าให้มาที่ 50MP รองรับ Auto Focus ที่สามารถถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K@60FPS ทั้งกล้องหน้า และกล้องหลังเป็นรุ่นแรกของแบรนด์ เหมาะสำหรับนำไปใช้งาน Vlog หรือถ่ายทำคอนเทนต์ในระดับเริ่มต้น

ส่วนสเปคด้านอื่น ๆ นั้น ในรุ่นนี้จะมาพร้อมลำโพงคู่ระบบเสียง Hi-Res Audio และ DTS ส่วนแบตเตอรี่ในรุ่นนี้ให้มาที่ 5,000 mAh รองรับชาร์จไว 68W ใช้เวลาชาร์จจาก 1 – 80% เพียง 30 นาที ตัวเครื่องติดตั้งมากับ Android 13 ครอบทับด้วย XOS 13 ที่มีผู้ช่วยอัจฉริยะอย่าง Folax ที่ใช้เทคโนโลยีจาก ChatGPT ด้วย

สเปค Infinix ZERO 30 5G

  • หน้าจอ AMOLED โค้ง 3D ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400 x 1080) รีเฟรชเรท 144Hz
  • CPU : Dimensity 8020
  • RAM LPDDR4x : 12GB รองรับ Extended RAM รวมสูงสุด 21GB
  • ความจุ UFS 3.1: 256GB
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    – กล้องหลัก ISOCELL HM6 ความละเอียด 108MP (f/1.65), กันสั่น OIS
    – กล้อง Ultrawide 13MP
    – กล้อง Depth 2MP
  • กล้องหน้า : ISOCELL JN1 ความละเอียด 50MP (f/2.45)
    – รองรับการถ่ายวิดีโอแบบ 4K@60FPS ทั้งกล้องหน้า กล้องหลัง
  • การเชื่อมต่อ : 5G, WiFi 6, Bluetooth, NFC, USB-C
  • เซนเซอร์ : Fingerprint (ใต้หน้าจอ), G-sensor / E-compass/ Light sensor /Proximity sensor / Motor sensor / SAR Sensor
  • ระบบเสียง : ลำโพงคู่สเตอริโอระดับ Hi-Res, DTS Sound
  • มาตรฐานทนน้ำทนฝุ่น : IP53
  • แบตเตอรี่ : 5,000 mAh รองรับชาร์จไว 68W
  • ระบบ: Android 13 ครอบด้วย XOS 13
  • ขนาด / น้ำหนัก : 164.51 x 75.03 x 7.9 มม. / 185 กรัม

ราคา และการวางจำหน่าย

Infinix ZERO 30 5G  (12GB + 256GB) เปิดราคามาที่ราว ๆ 339 เหรียญสหรัฐฯ หรือราว ๆ 12,000 บาท (ยังไม่รวมภาษี) และจะมีสีที่วางจำหน่าย 3 สี ได้แก่สีทอง Golden Hour, สีเขียว Rome Green, สีม่วง Fantasy Purple

ส่วนในไทยตอนนี้ Infinix Thailand ได้ประกาศเตรียมนำมาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการวันที่ 14 กันยายน 2566 นี้ โดยจะเริ่มเปิดราคาพร้อมให้สั่งจองกันก่อน ในวันที่ 7 กันยายน เวลา 23.59 นาฬิกา ใครสนใจสามารถติดตามรอดูราคาได้ในวันนั้นนะ

 

ที่มา: Infinix ประเทศไทย, GSMArena