หลังจากที่มีผู้โชคดี(และมีเงิน) ได้เข้าร่วมโครงการการทดลองใช้ Google Glass เมื่อเร็วๆนี้ ก็มีคำถามว่าแล้วคนทั่วไปอย่างพวกเราล่ะ เมื่อไหร่จะได้จับจองบ้าง โดยเอริค ชมิดท์ (Eric Schimidt) ผู้บริหารระดับสูงของ Google ได้กล่าวไว้ใน Radio 4 ว่าในอีกประมาณ 1 ปีนับจากนี้เท่านั้น และเขายังเชื่อว่า Google Glass จะยังสามารถพัฒนาไปได้ไกลกว่าปัจจุบันนี้อีกมากจากแอพมากมายที่จะออกมารองรับ แต่อย่างไรก็ดีเรื่องมารยาททางสังคมก็เป็นเรื่องที่พึงทำความเข้าใจตั้งแต่ตอนนี้ เพราะการที่จะมีคนๆนึงสวมใส่แว่นที่มีกล้อง และค้นหาข้อมูลได้ตลอดเวลา ยังถือเป็นเรื่องประหลาดและดูน่ากลัวอยู่พอควรเลยทีเดียว
เขายังเสริมต่ออีกว่า
“เห็นได้ชัดว่าแว่นนี้ไม่เหมาะที่จะสวมใส่เวลาที่การบันทึกเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง Google ได้ให้ความสำคัญที่จะรับผิดชอบกับความปลอดภัยแก่ข้อมูลของคุณ แต่คุณก็มีส่วนต้องรับผิดชอบเช่นกัน นั่นก็คือคุณต้องเข้าใจว่าคุณกำลังทำอะไร เหมาะสมหรือเปล่าด้วย”
เฮียแกพูดมาขนาดนี้แล้ว ก็มั่นใจได้ว่า Google จะปกป้องข้อมูลส่วนตัวของเราที่ได้จากการบันทึกภาพและวิดีโอจาก Google Glass อย่างถึงที่สุด แต่ถ้าคุณจะได้รับอันตรายจากการโดนต่อยเพราะคุณสวมใส่แว่นนี้ไปเข้าห้องน้ำละก็ นั่นก็ตัวใครตัวมันแล้วล่ะ
source: Telegraph via AndroidPolice
ต่อไปต้องจำกัดสถานที่จะใส่แว่นแล้วหล่ะ
ใส่แว่นห้ามเข้าห้องน้ำนะครับ 555
โลกก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
สมัยก่อนห้ามถ่ายรูปที่โน่นที่นี่
พ่อผมหยิบกล้องถ่าว VDO ขึ้นมาคนมองตามกันหมด กล้อง VHS ยืมเขามา
ถึงยุคนี้ใครจะคิด มีกล้องถ่ายรูปติดตัวเกือบทุกคน
ผมคนนึงที่ไม่ชอบอุปกรณ์ตัวนี้ครับ มันเหมือนกับการละเมิดสิทธิ์คนอื่นตลอดเวลา ผมไม่ชอบที่จะโดนถ่ายรูปโดยไม่ได้ขออนุญาต ลองนึกภาพคนถือมือถือเดินถ่ายวีดีโอในห้างไปเรื่อย ๆ สิครับ ติดใครบ้างไม่สนใจ จริง ๆ ห้างส่วนใหญ่ห้ามถ่ายรูปนะครับ แต่ก็อนุโลมกัน ที่แน่ ๆ เข้าโรงหนัง กับหลาย ๆ ที่ไม่ได้แน่ ๆ
ผมว่าอยู่ที่สามัญสำนึกของคนใช้มากกว่านะครับ อย่างที่รู้ ถ้ามันจะแอบถ่ายจริง เดี๋ยวนี้อุปกรณ์หาง่ายครับ พวกกล้องกระดุมไรเงี่ย
ไม่ต้องลงทุนซื้อ กูเกิลกลาส หรอก แพงเปล่า
เดี๋ยวนี้ก็มีแว่นตาที่ถ่ายวีดีโอได้อยู่แล้วนี่ครับ
ปล. ขอให้คนที่แอบถ่ายละเมิดผู้อื่นจงโดนแบตระเบิดใส่ เพี้ยง
ปล.2 ผมไม่ได้ขายนะครับ
กลัวมีปัญหา เหมือนพวกขอบใช้มือถือบนฟุตบาธ แล้วชนคนอื่นแล้วไม่ขอโทษ ทุเรศมาก ฟุตบาธไทยมันไม่ปลอดภัย
ใช้กับเมืองที่เจริญแล้วมันก็ดีหรอก ถ้าใช้กับเมืองมารยาทน้อยๆนี่สงสัยปัญหาเยอะแน่ๆ
มัวแต่มองจอที่อยู่ในเลนส์แว่นจนไม่สนโลกภายนอก อาจจะก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้
ตัวอย่างเช่น
1มองจอเพลินจนเดินไปเหยียบเท้าเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ ได้ของรางวัลเป็นกระสุนทองคำฝังที่หัว
2มองจอตอนเดินข้ามถนนจนโดนรถชนเละคาที่ ญาติจำศพไม่ได้
3มองจอตอนเดินเข้าซอยเปลี่ยวไม่ได้เหลียวมองคนอื่นจนโดนฉุดไปฆ่าโดยไม่ข่มขืน
4มองจอแอบดูการ์ตูนในที่ประชุม เผลอหลุดหัวเราะตอนท่านประธานกำลังพูดจนโดนฆ่าปาดคอด้วยซองขาว
ก้ออออเปนนนนนนนด้ายยยยยยยยยยย…
ทุกวันนี้มันก็ดูจะไม่มีความเป็นส่วนตัวอยู่แล้ว สำหรับผม คำถามคือ ทำไงไม่ใช่แค่กับ glass แต่กับทุกการลุกล้ำความเป็นส่วนต่างหาก…
มันอยู่ที่คนใช้นั้นแหละ -3-
เดี๋ยวก็ชินไปเอง เดี๋ยวนี้ความเป็นส่วนตัวมันเริ่มหายไปเรื่อยๆแล้วล่ะนะ เหอะๆ ตั้งแต่เริ่มมีSocial web อย่างHi5 (เกิดทันม่ะ) Facebook เราก็โพสสิ่งต่างๆ ที่บางทีเราควรรู้คนเดียว หรือสำคัญๆ ความชอบ ความรู้สึก สิ่งที่พบเจอ ให้ใครก็ไม่รู้เห็นกันแทบทุกวันอยู่แล้ว
คิดแง่+ไว้ครับ มีไว้อย่างน้อยก็สร้างความปลอดภัยให้ตัวเราเอง อย่างน้อยเกิดไรขึ้นกับเราก็มีvideo ทำให้คนอื่นเชื่อมากกว่าลมปากเราเฉยๆละกันน่าครับ ^^~