นานๆจะเขียนบทความเชิงวิเคราะห์สักที ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนว่านี่เป็นเพียงมุมมองส่วนบุคคลของผมเท่านั้นนะครับ
จำได้ว่าเมื่อตอนที่แอนดรอยด์ออกมาใหม่ๆ ทุกคนพูดพร้อมเพียงกันว่า “แอนดรอยด์จะทำให้มือถือถูกลง” ตอนแรกผมก็คิดเห็นเช่นนั้นเพราะว่าการที่มันแจก OS ฟรีน่าจะลดต้นทุนได้เยอะ แต่เอาเข้าจริงแล้วเมื่อได้ศึกษาในเชิงลึกถึงระดับ Hardware และระบบปฏิบัติการก็พบว่า การจะทำให้แอนดรอยด์ทำงานได้มีประสิทธิภาพ ต้องใช้ Hardware ที่แพงกว่ามือถือปัจจุบันเป็นเท่าตัว สุดท้ายแล้วก็หักล้างกัน ราคาไม่ได้ถูกลง แถมยังแพงขึ้นเล็กน้อยอีกต่างหาก (แต่ก็ได้ของที่ดีกว่า)
ทางด้านราคาตอนแรกผมคิดว่ามันน่าจะอยู่ที่ประมาณหมื่นกลางๆ แต่พอเอาเข้าจริงมือถือแอนดรอยด์ดีๆทุกรุ่นเปิดตัวมาราคาเกินสองหมื่นแทบทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็น G1, Magic, Hero เป็นต้น จะมีก็ Hero ที่แพงกว่ารุ่นอื่นเว่อร์ๆทั้งๆที่ Hardware ก็เกือบเหมือน Magic ถามว่าทำไม?
ติ๊กต่อกๆๆๆๆๆๆๆ
ปิ๊งป่องงงง ใช่ครับ เพราะ HTC Sense UI นั่นเอง จริงอยู่ว่าตัว OS จะฟรีแต่ค่า R&D ในการพัฒนา Sense UI รวมถึงส่วนเสริมต่างๆของ Android ที่ถูก Customize โดย HTC แล้ว ถ้าให้รวมก็เยอะเหมือนกัน เยอะแค่ไหน ผมลองคูณเล่นๆก็เป็นหลักร้อยล้านหละครับ อีกหนึ่งสิ่งที่ค่ายมือถือต่างๆต้องเสียเงินไปเยอะเลยคือเงินค่าโฆษณา เรียกว่าเยอะกว่าค่า R&D อีกด้วยซ้ำกระมัง
หากตัดพวกมือถือจีนที่ผลิตแต่ฮาร์ดแวร์แล้วยัด OS ลงไปเลย เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ก็เรียกได้ว่าเกิดขึ้นกับทุกค่ายใหญ่ๆไม่ว่าจะเป็น Motorola, Samsung, LG, Sony Ericsson ฯลฯ เพราะทุกค่ายล้วนแต่ทำ Homescreen UI ของตัวเองขึ้นมา นี่คือสาเหตุว่าทำไมมือถือแอนดรอยด์ถึงแพง
แต่ปัญหาดังกล่าวไม่พบกับ Google เพราะ OS ที่ Google ใช้เป็นตัวมาตรฐานที่ Google ผลิตเองอยู่แล้ว จึงไม่ต้องไปจ้างคนทำพิเศษตรงนี้ อีกทั้งงบการโฆษณาก็แทบไม่ต้องลงเพราะ Google แค่ขยับตัวก็เป็นข่าวแล้ว ทำให้ไม่ต้องลงทุนเยอะเท่าค่ายอื่นๆที่ต้องทำ R&D มากมาย แต่ตรงนี้จริงๆถ้าจะให้มอง Google อาจจะโยนเงินไปเยอะมากก็ได้ แต่ Business Model ก็ยังไม่เหมือนของค่ายอื่นอยู่ดีเพราะค่ายโทรศัพท์มือถือได้แค่ค่าเครื่องเป็นการกำไร แต่ Google ไม่ต้องสนใจค่าเครื่องก็ยังได้เพราะสิ่งที่เค้าต้องการตอนนี้คือแจกจ่าย Android ไปเยอะๆเพื่อสิ่งที่เค้ากำลังจะทำในอนาคต เรียกว่าค่ายมือถือจะได้กำไรในระยะสั้นเท่านั้น ส่วน Google ได้กำไรระยะยาว
และเมื่อ Nexus One ที่สมบูรณ์ทุกอย่างโผล่ออกมาในราคาเพียง $529.99 ก็ทำให้เกิดการสั่นคลอนของตลาดที่เสถียรอยู่ทันที เพราะทุกค่ายลงทุนไปกับแอนดรอยด์โฟนกันอย่างเต็มที่รวมถึงตั้งราคามือถือของตนไว้แล้ว ซึ่งถึงขณะนี้คงจะช้าไปแล้วที่จะปรับราคาลงเนื่องจากลงทุนไปแล้ว จากนี้จึงจะเห็นมือถือ Spec เทพพอๆกับ Nexus One แต่ราคาแพงกว่าหลายพัน (ตัวอย่างแรกคือ Sony Ericsson X10 ราคา 27000-30000 บาท) แล้วใครจะซื้อ? ทุกคนก็จะหันไปซื้อ Nexus One กันหมดในตลอดระยะเวลา 1 ปีนี้
ยังไม่พอ สำหรับบางค่ายที่มีหลาย OS ก็จะส่งผลกระทบต่อรุ่นอื่นๆด้วยเช่น HTC เองก็จะทำให้ขาย WM Phone ไม่ออกอีกต่อไปเพราะ Android มันถูกขนาดนี้ ผลคือกระเทือนทั้งวงการตลาดบน ซึ่งบอกได้เลยว่าไม่ใช่เรื่องดีเลยเพราะค่ายต่างๆจะเห็นว่า Android คือ Evil และไม่ไว้ใจ
หาเปรียบ Nexus One เหมือนสิ่งที่เคยเกิดขึ้นแล้ว ผมคิดได้อยู่ 2 อย่างคือ
1. เค้าคือ True Move ในวันที่อยู่ดีๆประกาศว่า “เราคิดค่าโทรนาทีละ 25 สตางค์” ผลคือค่ายอื่นๆต้อง Dump ราคาลง แต่ที่ลงมาด้วยไม่ใช่แค่ราคาสิแต่เป็นบริการและเนตเวอร์คที่ห่วยลงอย่างแสนสาหัส เกิดปัญหาการบล็อคสัญญาณต่างๆมากมาย ปัญหาดังกล่าวก็ยังคงอยู่ในทุกวันนี้ นี่คือตัวอย่างอย่างดีของคนที่ “ทำให้ตลาดเสีย”
2. มันคือ Nokia N95 สำหรับมือถือ Nokia N95 ถือเป็นความผิดพลาดอีกรุ่นหนึ่งของ Nokia เพราะดันผลิตมาดีทุกอย่าง ไม่มีที่ติ ผลคือไม่ว่าจะออกรุ่นไหนออกมาหลังจากนั้นก็ล้วนแล้วแต่ขายไม่ดีเพราะมี N95 ประสิทธิภาพดีกว่า ในขณะที่ราคาก็ถูกลงเรื่อยๆ ทุกคนจึงไปสอย N95 กันหมด เทียบกับ Nexus One แล้ว หลังจากนี้มือถือทุกค่ายจะถูกบีบให้ผลิตมือถือที่คุณภาพขั้นต่ำเท่า Nexus One ในราคาที่ “ต้องถูกกว่า Nexus One” แต่ด้วยค่าใ้ช้จ่ายอย่างที่บอกข้างต้นแล้วจะทำให้สมาชิกใน Mobile Alliance เริ่มเกิดการลังเลว่าจะคุ้มกับการลงทุนหรือไม่
3. มันคือ Symbian OS ที่ตอนแรกมีคนเข้าร่วมมากมาย แต่สุดท้ายก็เซย์กู๊ดบายกันทุกคนเพราะไม่มีใครพัฒนาทันโนเกีย หาก Nexus One จากนี้มีอัพเดตอะไรเรื่อยๆก็จะทำให้ไม่มีใครอยากทำมือถือแอนดรอยด์อีกเพราะตาม Google ไม่ทัน ถึงมันจะเป็น Open Source ก็เถอะ แต่การปล่อยอัพเดตแต่ละตัวมันก็ไม่ใช่จะปล่อยได้เลย
ถึงการที่ Google จ้าง HTC ทำ Nexus One ขึ้นมาจะเป็นการเลี่ยงความคิดว่า Google คิดจะทำมือถือออกมาขายในะระยะยาวหรือคิดได้อีกแบบว่าจริงๆมันก็แค่เครื่องรุ่นนึงของ HTC นั่นแหละ แต่การที่ Google ดันไปร่วมมือกับ HTC ทำมือถือดีๆราคาถูกออกมานั่นแหละที่ทำให้ทุกอย่างเสียและล้มครืนได้ด้วยการตัดสินใจเพียงครั้งเดียว
ทุกวันนี้พิสูจน์ชัดแล้วว่า Nexus One ขายดีมาก แต่นั่นไม่ได้บอกว่าจะทำให้เกิดการยั่งยืนในระยะยาว คงต้องรอดูกันต่อไป
ทั้งนี้ Google ก็ไม่ใช่บริษัทเล็กๆและไม่ใช่บริษัทที่ทำอะไรตามอารมณ์ ดังนั้นการที่ Google ยอมปล่อย Nexus One ออกมาเค้าก็คงจะคิดอะไรไว้แล้วว่าต้องสำเร็จ ดังนั้นต้องคอยดูกันต่อไปครับ
สุดท้าย จริงๆเขียนบทความนี้เพื่อเปิดประเด็นให้ถกกันนะครับ ดังนั้นคอมเม้นท์ได้เต็มที่จ้า
แต่มือถือแอนดรอยด์ก็มีสเปคใกล้เคียงกับ WM phone (พวก GPS/Wifi/ฯลฯ) ทำให้ราคาไม่ถูกกว่าวินโดวส์โมบายล์โฟนเท่าใหร่นะผมว่า
Moto Droid กลายเป็น Moto จ๋อย แน่เลย
มีสิทธิจ๋อย ถ้าโดน Nexus One (Corporate version) with QWERTY
แต่ของอย่างงี้ก็ไม่แน่ครับ เพราะมันมีตัวแปรเยอะเหมือนกัน
การที่กูเกิลยอมปล่อย Nexus One ออกมาช่วงปีนี้มีเหตุผลหลายข้อ แต่ที่น่าจะเป็นเหตุผลหลักคือ กูเกิลพยายามจะวางมาตรฐานมือถือแอนดรอยน์ ว่าราคาเท่านี้ คุณภาพต้องประมาณนี้ ค่ายอื่นต้องขยับตัวบ้างแล้ว ไม่ใช่ได้แอนดรอยน์ไปใส่เครื่องแล้วจะสะเปะสะปะ ปล่อยอะไรออกมาขายก็ได้ ซึ่งตัวอย่างนี้มีให้เห็นหลายรุ่นแล้ว ที่ราคาไม่สมกับคุณภาพ
แค่ความคิดเห็น 🙂
เนยแอบคิดว่าเค้าปล่อยมาสายไปหน่อย ตอนนี้คนอื่นเค้าลงทุนกันหมดแล้ว หันหลังกลับก็ไม่ทัน ถ้าโชคไม่ดีหน่อยก็จะขาดทุนย่อยยับและเจ๊งไม่เป็นท่าไปเลย
ตอนนี้ขึ้นอยู่กับความแข็งของ brand, R&D และ Marketing เต็มๆครับ
เพราะผมมองว่า model นี้ก้ออกมาคล้ายๆ กับ OS อื่นๆ
Windows Mobile ก็มีการ customize
– SENSE UI โดย HTC
– TouchWiz โดย SAMSUNG
– S-class UI ของ LG
และทั้งหมด ก็ run บน WM เป็น CoreOS เดียวกัน และสังเกตุว่า HTC ขายแพงกว่า
SAMSUNG ใน HARDWARE ใกล้เคียงกัน
ถ้าสังเกตุในตลาดตอนนี้ ทาง SAMSUNG เองก็ได้ออก model ที่เป็น Core Android โดดๆ
ออกมา 2 รุ่นคือ Galaxy และ Spica และมีตัวที่ใช้ custom UI แค่รุ่นเดียวคือ Behold II
Motorola ก็มี MOTOBLUR UI ที่ออกมาในตลาดวัยรุ่นของ CLIQ กับ FLIP แต่ในส่วนของ
DROID นั้น กลับใช้ OS 2.0 โล้นๆ
จะมีเพียง HTC ที่นำเสนอ Sense UI ไำปในทุกๆ platform (ถือเป็นการสร้างความคุ้นเคย และ brand identity อย่างนึง)
และตอนนี้ Nexus One ก็ออกวางจำหน่ายบน UI 2.1 โล้นๆ เช่นกัน android ทุกเครื่องสามารถ run
OS 2.1 ได้ (ถ้า spec สุงพอ)
Symbian 5th ก็มีการ custom UI แต่ยังไม่มากนัก
ตอนนี้ขึ้นอยู่กับความแข็งของ brand จริงๆ และ Google ก็มี brand เป็นจุดแข็งซะด้วย (มัน evil ตรงนี้)
ต้องรอลุ้นอนาคตต่อไปของ android ละครับ
hTC นี่ ทั้ง WinMo กับ Android เมหือนจนแยกแทบไม่ออก
จริงๆ เราก็ไม่รู้ต้นทุนการผลิตของโทรศัพท์แต่ละเครื่องว่าอยู่ที่เท่าไหร่แน่ การที่ google ดันสเปคเครื่องออกมาซะสูง อาจจะเป็นการบอกว่ามันถึงเวลาที่ต้องมีเครื่องระดับนี้แล้ว แล้วมันจะทำให้โทรศัพท์อื่นๆ ขายไม่ออกไหม ผมว่าไม่น่ามากเท่าไหร่ เพราะ google ไม่วาง NX1 ขายตามร้านทั่วไป และไม่ได้โฆษณาเหมือนตอน Moto Droid ออก ทำให้เป็นการจำกัดจำนวนผู้ซื้อไปเองในตัว ยิ่งในตลาดสหรัฐมือถือจะขายดีไม่ดีขึ้นอยู่กับค่ายมือถือด้วย ถึง NX1 จะมีสัญญากับ T-Mobile แต่ T-Mobile เองก็ไม่ได้โปรโมทเจ้า NX1 เลย
สิ่งที่ผมเห็นจากการออก NX1 คือ
1. Google กำลังทดสอบการขายโทรศัพท์แบบไม่ยึดติดกับค่ายโทรศัพท์ (ในอเมริกา) แบบนี้จะทำให้ผู้ผลิตมือถืออื่นๆ สามารถขายโทรศัพท์ได้ หรือออกรุ่นให้เลือกได้มากขึ้น เพราะถ้าผ่านค่ายโทรศัพท์ ค่ายโทรศัพท์จะเลือกเอาโทรศัพท์เพียงไม่กี่รุ่น ไม่กี่ยี่ห้อออกมาขาย
2. Google กำลังทดสอบกำลังซื้อของผู้บริโภคทางอินเตอร์เน็ต รวมถึงการโฆษณาในอินเตอร์เน็ตว่ามีผลขนาดไหน
3. Google กำลังหันไปเป็นผู้ให้บริการเครือข่าย จากข่าวก่อนหน้าที่ google จะประมูลคลื่นความถี่ + Google Voice และการซื้อ Gizmo5 (3G+VOIP=โทรฟรี ) ไม่แน่ซักวันอาจจะเห็น google ซื้อ T-Mobile หรือ Sprint
4. โปรโมท Google CheckOut + Online Store
จริง ๆ แล้วผมว่าไม่น่าจะกระทบเท่าไหร่นะครับ
ถึงอ่านบทความแล้ว จะดูน่ากลัวอย่างที่ว่าจริง แต่ก่อนหน้าที่ Google จะออก NX1 เพื่อนผมเค้าก็เลือกอยู่ว่าจะเล่นมือถือใหม่ตัวไหนดีระหว่าง WM หรือ Android ซึ่งสุดท้าย เค้ายอมซื้อ WM เพราะว่า spec เครื่องสูงกว่า ในราคาที่ใกล้เคียงกัน (ตอนนั้นเค้าดูอยู่คือ HTC Hero ซึ่งกำลังจะออก กับ Samsung Omnia II)
อีกอย่าง ผมรู้สึกว่าภาพลักษณ์ของ NX1 มันเป็นมือถือสำหรับ Geek ซะมากกว่า ดังนั้นตลาดผู้ใช้มือถือ Smart Phone ทั่ว ๆ ไปไม่น่าจะมีผลกระทบนะครับ
แต่สำหรับ Geek หรือกลุ่ม Business นี่ NX1 น่าจะขายดี เพราะมี Cloud App ของ Google ไว้รองรับอยู่ กลุ่มนี้น่าจะเป็นกลุ่มที่ตัดสินใจเลือกซื้อรุ่นนี้ซะมากกว่า
NX1 มันเหมือนเป็นแค่ตัวset HW standardจริงๆนะ
เพราะว่าด้านในเครื่องมันก็ไม่ได้มีอะไรวิลิศมาหราออกมาให้ผู้ผลิตรายอื่นต้องปวดกบาล
ถ้าอยากได้ UIเจ๋งๆ featuresที่ล้ำขึ้นไปอีกก็ต้องไปหาจาก senseUI
หรือไม่ก็วิ่งไปที่X10ไปเลยมากกว่า
แต่ถ้าขยันๆโหลดappหน่อย เครื่องNX1มันก็จะออกมาเป็นแนวของ iPhone
ซึ่งมันก็จะค่อยๆตามมาทีละสิบก้าวยี่สิบก้าว(ตามมาอย่างเร็วนั่นแหละ)
ทางกูเกิ้ลคงเห็นปัญหาของandroidจริงๆที่imageมันจะค่อยๆป่วยไปเรื่อยๆ
เมื่อมีคนเอาOSไปลงspecต่ำๆจนมีเสียงก่นด่าว่า androidห่วย
ทั้งๆที่ไอ่ผู้ผลิตนั่นแหละที่ทำให้มันห่วยเอง
จากการมาของNX1 ผมกลับมองว่าตลาดของ Androidเผลอๆจะค่อยๆดีวันดีคืนนะ ^^
ก็มาคอยดูกันว่า googleจะทำการตลาดยังไงต่อกับเจ้าหุ่นกระป๋องนี่
อ่านแล้วเห็นภาพ hTC tattoo ลอยขึ้นมา
มองดู Application บน NX1 เเล้วกลับมามองดูตัวเองกำลังพัฒนา Application อะไรอยู่เนี้ยเริ่มหดหู่เเละไม่ท้าทายเหมือนดังวันวาน
ต่างคน ต่างมุมมองจริงๆครับ ^ ^ แต่ผมชอบความเห็นของคุณ Gimme ที่ว่า Nexus One เป็นตัว set HW standard
จากกระแสครั้งนี้ผมมองว่า Android Phone ที่ออกมาก่อนหน้านี้ เปรียบเสมือนเป็นทัพหน้า ตอนนี้ Nexus One ก็เหมือนกับทัพหลวง ถือเป็นการเปิดศักราชใหม่ให้กับ Android ทำให้คนทั่วไป (คนทั่วๆไปจริงๆ) ได้รู้จักกับ "Android" มากขึ้น
เมื่อคนเริ่มรู้จักและมีความประทับใจในตัว Android มากขึ้น ความต้องการจะมากขึ้น ตลาดกว้างขึ้น ผลิตภัณฑ์ที่จะตามมาก็จะมากขึ้นและหลากหลายขึ้น (ตอนนี้เห็นสินค้าอย่างอื่นนอกจากมือถือที่ใช้ Android ก็เริ่มมีออกมามากขึ้น) เกิดการแข่งขันที่สูงขึ้น ทั้งหมดก็คงขึ้นอยู่กับแผนการตลาดของแต่ละเจ้า ว่าจะมีนโยบายออกมาอย่างไร จะปรับสถานการณ์ให้เป็นโอกาสได้แค่ไหน แต่ที่แน่ๆ คือเมื่อ Android เป็นที่รู้จักและแพร่หลายมากขึ้น ชีวิตคนก็จะไปเกี่ยวผันกับบริการต่างๆของ Google มากขึ้นแน่นอน
ลมเปลี่ยนทิศ เรือก็ต้องแต่งใบรับทิศทางลม
ผมว่าถ้าแต่ละเจ้าวางแผนการตลาดดีๆ คงไม่คิดไปชนกับยักษ์ใหญ่แบบตรงๆ เป็นแน่ครับ 🙂
ขายได้ 20000 เครื่องในสัปดาห์แรก?
ระบบเค้ายังไม่พร้อม
ยังไม่พร้อมนี่คือในด้านไหนอ่ะคับ
ความเป็นโทรศัพท์ ความสะดวกในการพัฒนา การตลาด ความชัดเจนของอนาคต ฯลฯ
การผลิต การขนส่ง การสั่งของ ทำนองนี้ก๊ะ
เปรียบเทียบยอดขาย 4 รุ่น