ตามที่เราเคยได้ผ่านตามาบ้าง กับข่าวตามจับโจรขโมย iPhone ด้วยระบบ Find my iPhone ซึ่งระบบ iOS นั้นขึ้นชื่อในด้านความปลอดภัยจากการเข้ารหัสเครื่องมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงจะเป็นแค่การใส่เลขรหัส 4 ตัว, 6 ตัว หรือจะให้มีตัวอักษรผสมด้วย เพื่อปลดล็อค แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเดาถูกกันง่ายๆ เพราะถ้าใส่รหัสผิดในแต่ละครั้ง เครื่องก็จะทำการหน่วงเวลาในการใส่รหัสครั้งต่อไป และเวลาจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถ้ายังใส่รหัสผิดอยู่ ซึ่งโจรส่วนมากที่ขโมย iPhone ไปก็แทบจะไม่มีทางเข้าใช้เครื่องได้เลยถ้าไม่ได้มีฝีมือแฮ็คระดับเทพ หรือไม่ก็อาจจะชำแหละเครื่องขายเป็นอะไหล่ไป

นอกจากนี้ iPhone ยังสามารถตามหาตำแหน่งของเครื่องด้วย GPS ได้อีก ทำให้โจรที่ไม่ค่อยมีความรู้ทางด้านเทคโนโลยีโดนตามจับได้พร้อมของกลาง ไปนอนเล่นในคุกกันหลายรายอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ใช่ในเคสนี้…

 

จากกระทู้ pantip.com “อุทาหรณ์หลัง iPhone 7+ หาย… เปิดทั้ง Lost Mode และ Passcode ก็เอาไม่อยู่…”

ซึ่งเพื่อนของเจ้าของกระทู้ดังกล่าวได้โดนล้วง iPhone 7+ ไปเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2559 บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าย่านราชประสงค์ และสุดท้าย iPhone 7+ เครื่องดังกล่าวก็โดนโจรเจาะระบบได้เป็นที่เรียบร้อยซึ่งยังไม่รู้ว่าใช้วิธีไหน (แต่โชคยังดีที่ไม่ได้รหัส iCloud ไปด้วย) และ Location ล่าสุดของ iPhone เครื่องนี้ก็ไปอยู่ที่ Houston, Texas USA (ซึ่งอาจไม่ใช่ Location จริง) เนื่องจากมีการพยายามที่จะเข้าถึง Account ของเจ้าของเครื่อง เลยมี Pop up เด้งขึ้นมาขออนุญาต และแสดง Location ปัจจุบันของเครื่อง

 

Droidsans จึงขอแนะนำข้อควรปฏิบัติต่างๆ โดยสรุปตามข้อมูลในกระทู้ดังกล่าว ก่อนที่ iPhone ของท่านจะหาย และข้อควรปฏิบัติหลังจากที่ iPhone หายไปแล้ว

 

ข้อควรปฏิบัติก่อนที่ iPhone ของท่านจะหาย (หรือโดนขโมย)

 1. ควรตั้งรหัสปลดล็อคแบบมีตัวอักษร เพราะจะทำให้การถอดรหัสใช้เวลามากขึ้น และถ่วงเวลาโจรได้นานขึ้น อาจจะดูยุ่งยาก แต่เพื่อความปลอดภัยในข้อมูลของคุณนะจ๊ะ

 

2. อัพเดท iOS ให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดเสมอ เพราะการอัพเดทจะช่วยอุดช่องโหว่ต่างๆ ของระบบได้ดีกว่าเวอร์ชั่นเก่าๆ

 

3. เปิด GPS ไว้ตลอด เพื่อให้สามารถระบุตำแหน่งของเครื่องได้ (เปลืองแบตขึ้นมานิดนึง แต่เพื่อความปลอดภัย)

 

4. เปิดระบบ Find my iPhone และอย่าลืมเลือก Send Last Location เอาไว้ด้วย

 

5. สุดท้าย อย่าเก็บข้อมูลสำคัญๆ ไว้ในเครื่อง เช่น หมายเลขบัญชี, หมายเลขบัตรเครดิต, รหัสเข้าไอ้นู่นไอ้นี่ ฯลฯ

 

 

และถ้าวันดีคืนร้าย พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก iPhone ของเราเกิดหายขึ้นมาไม่ว่าจะลืม, โดนล้วง, ทำตก ฯลฯ

 

ข้อควรปฏิบัติเมื่อ iPhone ของท่านหาย (หรือโดนขโมย)

 1. ในกรณีที่โดนฉก โดนล้วง แล้วรู้ตัว แต่หันมาก็มองไม่เห็นคนฉกแล้ว อย่าพึ่งรีบโทรเข้าเครื่องตัวเองเพราะคุณจะไม่ได้ยินเสียงเรียกเข้าหรอก โจรมันจะได้ยินก่อน แล้วทีนี้มันก็จะรีบปิดเครื่องเลย

 

2. หาทางเข้า Find my iPhone ให้เร็วที่สุด ไม่ว่าจะใช้เครื่องของเพื่อน หรือของใครก็ตามที่อยู่ใกล้ๆ และเค้าอนุญาตให้ใช้

 

3. ถ้ารู้ตำแหน่งของเครื่องแล้ว อย่าพึ่งวู่วามตามไปจัดการโจรด้วยตัวเองถ้าคุณไม่เก่งเท่า John Wick เนื่องจากโจรพวกนี้อาจไม่ได้ทำงานตัวคนเดียวและอาจทำให้คุณเสียมากกว่าโทรศัพท์ 1 เครื่อง ควรแจ้งตำรวจแล้วไปด้วยกันจะดีกว่า

 

4. แจ้งตำรวจโดยเร็วที่สุดเพื่อลงบันทึกประจำวัน และเจ้าหน้าที่ตำรวจอาจช่วยแกะรอยจากสถานที่ที่โดนขโมยว่าโจรจะมุ่งหน้าไปทางไหนได้ และถ้าพบว่าเครื่องของเราถูกขายต่อก็อาจมีโอกาสได้เครื่องคืน แล้วยังสามารถเอาผิดกับคนขาย และคนรับซื้อได้อีกด้วย

 

5. แจ้งผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ระงับสัญญาณโทรศัพท์ ป้องกันการใช้เบอร์ของเรา

 

 

6. อย่าหลงเชื่อ SMS หรือ E-Mail ที่ส่งเข้ามาหลอกว่าเจอ iPhone แล้ว ให้กดลิ้งค์เพื่อเข้าไปดูตำแหน่งของเครื่อง พอกดเข้าไปก็จะให้เราใส่รหัส Apple ID ซึ่งถ้าใส่เข้าไปก็เสร็จโจรกันเลยเพราะเป็นลิ้งค์ปลอมที่โจรทำไว้เพื่อหลอกเอารหัส ทางที่ดีควร log-in ผ่าน iCloud.com เอาเองจะปลอดภัยกว่า

 

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ไม่ได้ช่วยให้การตามหาโทรศัพท์ที่โดนขโมยได้อย่าง 100% แต่ก็อาจช่วยให้มีโอกาสในการได้โทรศัพท์คืนมากขึ้น เพราะโจรสมัยนี้ก็ไม่ใช่ฝีมือกระจอกๆ ต่อให้เรามีระบบป้องกันดีแค่ไหน โจรพวกนี้ก็จะพยายามสรรหาวิธีเพื่อปลดล็อคเครื่องของเราให้ได้ ทางป้องกันที่ดีที่สุดคือระวังตัวเอง เก็บโทรศัพท์ให้มิดชิดเวลาอยู่ในฝูงชน มีสติและรอบคอบตลอดเวลา ไม่ลืมโทรศัพท์ไว้ที่นั่นที่นี่ จะได้ไม่ต้องมาปวดหัวคอยตามหาโจร จะดีที่สุดจ้า

 

ที่มา : Pantip