สถานการณ์การ์ดจอ NVIDIA RTX 50 Series โดยเฉพาะรุ่นระดับไฮเอนด์อย่าง RTX 5090 ยังคงเลวร้าย ไม่เพียงแต่ผู้บริโภคทั่วไปที่ต้องเผชิญกับราคาสูงลิ่ว แต่แม้แต่แบรนด์คอมประกอบเองก็โดนผลกระทบไปเต็มๆ ล่าสุด Jese Martinez CEO ของ PowerGPU ออกมาระบายว่า บริษัทของเขาต้องจ่ายราคาการ์ดจอที่สูงเกินจริงจากเหล่าผู้จัดจำหน่าย (Distributor) และไม่ได้เป็นฝ่ายโก่งราคาอย่างที่หลายคนเข้าใจ

owerGPU เป็นหนึ่งใน System Integrator แบรนด์คอมประกอบที่เน้นตลาดไฮเอนด์ในสหรัฐฯ เชี่ยวชาญด้าน PC สำหรับเกมเมอร์ สตรีมเมอร์ และมืออาชีพด้านงานสร้างสรรค์ ลูกค้าของพวกเขามักเป็นกลุ่มที่ต้องการพีซีที่ทรงพลังและมีการคัดเลือกชิ้นส่วนอย่างพิถีพิถัน ไม่ใช่แค่คอมพิวเตอร์ที่ขายตามร้านทั่วไป ถ้าเปรียบเทียบกับบ้านเราก็เป็นร้านที่ขายคอมประกอบแบบ Hi-End ที่มีการทดสอบเครื่อง ปรับตั้งค่าให้รีดพลังานออกมาได้เต็มที่ก่อนที่จะส่งเครื่องให้ลูกค้า

โดยปกติแล้วบริษัทจะสามารถเข้าถึงสินค้าผ่านช่องทางเฉพาะได้ แต่รอบนี้กลับต้องรอถึง 2-3 สัปดาห์กว่าจะได้ RTX 5090 ชุดแรก และถึงแม้จะได้ของมา ก็มีจำนวนจำกัดมาก RTX 5090 ได้มาเพียง 1 ตัวเท่านั้น เทียบกับการ์ดจอของ AMD ที่ได้ RX 9070 มาถึง 70 ตัว นอกจากนี้ ราคาที่พวกเขาได้มานั้นสูงมาก อยู่ในช่วง $3,050 – $3,100 ต่อใบ ซึ่งเป็นราคาที่ถูกบวกมาแล้วจากช่องทางจัดจำหน่าย

“เราไม่ได้โก่งราคาเลย ของที่เราซื้อมาก็แพงอยู่แล้ว” Martinez กล่าว พร้อมเสริมว่า “เห็นราคาพวกนี้แล้วรู้สึกสะอิดสะเอียนจริงๆ”

ปัญหานี้สะท้อนถึงความล้มเหลวของ NVIDIA ในการจัดการห่วงโซ่อุปทาน แม้ว่าบริษัทจะอ้างว่าส่งมอบ GPU Blackwell มากกว่า RTX 40 Series ถึงสองเท่า แต่ความเป็นจริงคือสินค้าไม่ได้ถึงมือผู้บริโภคอย่างที่ควรเป็น แถมยังเปิดโอกาสให้พ่อค้ากักตุนมาปั่นราคาอีกด้วย

ในขณะที่ NVIDIA ยังไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ในเร็วๆ นี้ ผู้บริโภคจึงควรหลีกเลี่ยงการ์ดจอ RTX 50 Series ที่มีราคาสูงเกินจริง และอาจต้องรออีกเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น

ที่มา : Wccftech X