OnePlus นั้นห่างหายจากตลาดประเทศไทยไปสักพักแล้วครับ โดยเฉพาะกับรุ่นท็อปสุดของค่ายอย่าง OnePlus Number Series ที่ตอนนี้ก็ได้เดินทางมาถึงรุ่นที่ 13 แล้ว โดยในประเทศจีนก็เพิ่งจะเปิดตัวกันไปไม่นานนี้เอง และเราก็ได้จัดเครื่องที่วางขายในประเทศจีน มารีวิวให้ได้ชมกันแบบไว ๆ ก่อนเลย !

ของที่ให้มาในกล่อง

  • ตัวเครื่อง OnePlus 13
  • เคสสิลิโคนแบบด้าน
  • หัวชาร์จ 100W SUPERVOOC
  • สายชาร์จ USB-A to USB-C
  • คู่มือและเอกสารรับประกัน

ดีไซน์รอบตัวเครื่อง

ดีไซน์ของ OnePlus 13 นั้น มีดีไซน์ที่ได้อัปเกรดจากใน OnePlus 12 มาอยู่พอสมควร โดยฝาหลังได้มีการตัดเอากรอบสี่เหลี่ยมที่อยู่ใกล้ ๆ กันกับกล้องถ่ายภาพ ที่ปกติจะเลยไปถึง Alert Slider นั้นได้เอาออกไปแล้ว ทำให้กรอบของกล้องถ่ายภาพนั้นเลยมาพร้อมกับกรอบกล้องแบบวงกลมฝั่งซ้ายของตัวเครื่องนั้นเอง และได้เพิ่มขีดผ่าจากกล้อง ออกไปสุดด้านขวามืออีกที ซึ่งโดยรวม ๆ แล้วก็ยังเป็นดีไซน์ที่ไม่ได้ทิ้งห่างจาก OnePlus 12 และ 11 มากนัก

โดยดีไซน์ส่วนอื่น ๆ ก็ไม่ได้แตกต่างจากเดิมมาก ยังคงมีปุ่ม Alert Slider ที่สามารถปรับโหมดของเสียงมาให้ใช้อยู่ โดยวางไว้ด้านซ้ายบน, วางปุ่มเครื่องไว้ด้านขวาบน, พอร์ตต่าง ๆ และช่องใส่ซิมไว้ด้านล่าง และ IR Blaster, ไมโครโฟนต่าง ๆ ไว้ด้านบนของตัวเครื่อง

Alert Slider ของ OnePlus 13

ที่แปลกออกไปคือในปีนี้ OnePlus ไม่ได้มีการวางจำหน่ายตัวเครื่องในสีเขียวแล้ว โดยได้เปิดตัวออกมา 3 สีด้วยกัน คือสีน้ำเงินที่ใช้วัสดุฝาหลังเป็นหนังที่รีวิวอยู่นี้ เรียกว่าสี Blue Moment, สีดำ Obsidian Secret Realm ซึ่งเป็นกระจกขัดด้าน พร้อมกับทำลายคล้ายกับหินอ่อน และสีขาว White Dew Morning Dawn ซึ่งเป็นสีขาวขัดด้านที่ไม่ได้มีลวดลายอะไรเพิ่มเติม

สเปคภายในเครื่อง

OnePlus 13 คือหนึ่งในสมาร์ตโฟนรุ่นแรก ๆ ที่ได้ใช้ชิปเซตเรือธงของปี 2025 อย่าง Qualcomm Snapdragon 8 Elite ซึ่งเพิ่มความแรงมากกว่าเดิมด้วย CPU Oryon แบบที่เห็นใน Snapdragon X Elite แต่เป็นรุ่นที่ 2 โดยมาพร้อมกับแรมขนาด 16GB และหหน่วยความจำ 512GB เช่นเดียวกัน

สเปคภายในของ OnePlus 13

  • จอภาพ OLED ขนาด 6.82 นิ้ว
    • ความละเอียด QHD+
    • อัตรารีเฟรช 1 – 120Hz
    • ความสว่างทั่วไป 800 นิต
    • ความสว่างกลางแจ้ง 1600 นิต
    • ความสว่างสูงสุด 4500 นิต
    • ความลึกสี 10-bit
    • ขอบเขตสี DCI-P3
  • ชิปเซต Qualcomm Snapdragon 8 Elite
  • หน่วยความจำ 12GB / 16GB / 24GB (LPDDR5x)
  • สตอเรจ 256GB / 512GB / 1TB (UFS 4.0)
  • กล้องหลัง
    • กล้องหลัก 50MP (𝑓/1.6), ขนาด 1/1.4 นิ้ว, กันสั่น OIS
    • กล้องอัลตราไวด์ 50MP (𝑓/2.0), มุมกว้าง 120 องศา, โฟกัสใกล้สุด 3.5 ซม.
    • กล้องเทเลแบบปริทรรศน์ 50MP (𝑓/2.6), ขนาด 1/1.95, ซูมออปติคัล 3 เท่า, ซูมดิจิทัล 120 เท่า, กันสั่น OIS
    • แฟลชทูโทน
    • เซนเซอร์จับการกะพริบ
  • กล้องหน้า 32MP (𝑓/2.4)
  • ลำโพงสเตอรีโอ
  • เครือข่าย 5G
  • การเชื่อมต่อ
    • Wi-Fi 7
    • Bluetooth 5.4
    • NFC
    • USB 3.2 Gen 1
  • แบตเตอรี่ 6000mAh
    • ชาร์จไว 100W
    • ชาร์จไร้สาย 50W
  • เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ (อัลตราโซนิก)
  • ทนน้ำทนฝุ่น IP68 / 69
  • ระบบปฏิบัติการ ColorOS 15
  • ขนาด 162.9 x 76.5 x 8.5 มม.
  • น้ำหนัก 210 – 213 กรัม (ขึ้นอยู่กับสีตัวเครื่อง)

ซึ่งจากที่ได้ทดสอบประสิทธิภาพมานั้น OnePlus 13 สามารถทำคะแนน Geekbanch 6.3.0 ได้คะแนน Single Core ที่ 3,174 คะแนน และ Multi Core ที่ 9,685 คะแนน ในขณะที่ 3DMark Wild Life Extreme ทำคะแนนได้ที่ 5,242 คะแนน และ AnTuTu Benchmark ทำคะแนนไปได้สูงถึง 2,753,720 คะแนนเลยทีเดียว

ซึ่งจากการทดสอบประสิทธิภาพมานั้น ถือว่า OnePlus 13 ทำคะแนนออกมไาด้ค่อนข้างดีกว่า Xiaomi 15 Pro ที่ออกมาไล่เรี่ยกันอยู่พอสมควรเลย ซึ่ง OnePlus เองก็เคลมว่า OnePlus 13 มีระบบระบายความร้อนขนาดใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ 9,925 ตร.มม. และยังมีฟีเจอร์การเล่นเกมอื่น ๆ เพิ่มเข้ามาอีกไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งก็เป็นไปตามข่าวที่ว่า OnePlus 13 นั้นมีคะแนนสูงเป็นอันดับ 1 ใน AnTuTu ของเดือนตุลาคม แม้จากการทดสอบจริง ตัวเครื่องจะไม่ได้มีคะแนนที่สูงมากเท่าตามในชาร์ตก็ตาม

กล้องถ่ายภาพ

OnePlus 13 นั้นให้กล้องถ่ายภาพด้านหลังมาด้วยกัน 3 ตัวด้วยกัน โดยให้กล้องถ่ายภาพหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล (𝑓/1.6), เซนเซอร์ Sony LYT-808 ขนาด 1/1.4 นิ้ว มีการกันสั่น OIS, กล้องถ่ายภาพมุมกว้างมากความละเอียด 50 ล้านพิกเซล (𝑓/2.0), มุมกว้าง 120 องศา, โฟกัสใกล้สุด 3.5 ซม. เซนเซอร์ Samsung ISOCELL JN5 และกล้องถ่ายภาพซูม Periscope ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล (𝑓/2.6), เซนเซอร์ Sony IMX882 ขนาด 1/1.95, ซูมออปติคัล 3 เท่า, ซูมดิจิทัล 120 เท่า มีการกันสั่นด้วย OIS ในตัวด้วย

ซึ่งกล้องถ่ายภาพของ OnePlus 13 นั้น ได้มีการร่วมมือกับ Hasselblad ในการร่วมกันทำซอฟต์แวร์ของกล้องถ่ายภาพ โดยได้เพิ่ม Hasselblad Master Mode แบบเดียวกับเรือธงของ OPPO พร้อมฟีเจอร์ช่วยขยายภาพ แก้ไขภาพเบลอ และตัดเงาสะท้อนในภาพ ด้วย AI ได้ด้วย ซึ่งภาพที่ถ่ายออกมาได้นั้น ออกมาในโทนที่เน้นความเรียล และมีความติดเหลืองอยู่พอสมควร แต่ก็ถือว่าทำสีออกมาได้สวยงามเลยทีเดียว เพียงแต่ว่า กล้องถ่ายภาพซูมนั้นถือว่าจับโฟกัสวัตถุที่อยู่ใกล้ได้ค่อนข้างยากครับ การจะถ่ายภาพซูมให้ออกมาชัดได้นั้น ต้องมีการเล็งและถ่ายในระยะที่ค่อนข้างห่างออกจากตัววัตถุพอสมควร หรือไม่ก็ต้องครอปภาพและถ่ายที่ระยะ 6x ซึ่งใช้การซูมครอปกล้องถ่ายภาพซูมเข้าไปแทน

ภาพถ่ายเพิ่มเติมสามารถดูได้จากคลิปวิดีโอรีวิวด้านล่างได้เลย !

OxygenOS ที่ค่อย ๆ หายไป

นับตั้งแต่ช่วง OxygenOS 12 เป็นต้นมา ความเป็น OxygenOS ที่เรียกได้ว่าเป็นซอฟต์แวร์ที่ OnePlus ได้พัฒนาขึ้นมาเพื่อ Android ที่มีความเสถียร และใช้งานได้ดีมากยิ่งขึ้นก็ค่อย ๆ มีความคล้ายคลึงกับ ColorOS ที่เป็นของ OPPO มากยิ่งขึ้นจากการที่ทีมซอฟต์แวร์ของ OnePlus ได้ถูกดึงไปเพื่อพัฒนา ColorOS ต่อ ทำให้ OxygenOS ของ OnePlus นั้นได้ผสมผสานความเป็น ColorOS ทั้งในด้านฟีเจอร์ หน้าตา และความสามารถ ที่ทำให้มีความคล้ายคลึงจนเกือบจะเหมือนกันเลยก็ว่าได้ ซึ่งสมาร์ทโฟน OnePlus ที่วางจำหน่ายในประเทศจีนนั้น ก็ได้ใช้ซอฟต์แวร์เป็น ColorOS เลย (ไม่ใช่ OxygenOS) แต่ก็ยังมีการใส่ลูกเล่นเลข 1 สีแดงในแบบฉบับของ OnePlus อยู่

OnePlus ที่ใช้ OxygenOS ในยุคปัจจุบันเลยมีความคล้ายคลึงกับ ColorOS มาก และยังมีฟีเจอร์ที่เหมือนกันอีกไม่น้อย เช่น Art+ ที่ใช้ปรับแต่งธีมของหน้าจอของมือถือของเรา แต่ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะเรียกว่าอย่างไรก็ตาม แต่ ColorOS/OxygenOS ของ OnePlus นั้นก็ยังคงมีทั้งความสวยงาม และความเสถียรของตัวซอฟต์แวร์ที่ดีทั้งคู่อยู่ดี

ถ้ายังจุใจไม่พอ

ถ้าเกิดว่ารายละเอียดในบทความรีวิวนี้ยังจุใจไม่มากพอ เรามีคลิป (เกือบจะเป็น) รีวิว OnePlus 13 เครื่องนี้ให้ได้ชมกันผ่าน YouTube อีกด้วยนะ ใครที่สนใจสามารถดูได้ทางนี้เลย มีภาพถ่ายจากในเครื่องเพิ่มเติม แถมยังมีการทดสอบเล่นเกมจริง ๆ ให้ได้ชมกันอีกด้วยนะ

สรุปส่งท้าย

OnePlus 13 เป็นสมาร์ตโฟนที่ค่อนข้างเก่งในด้านการเป็นสมาร์ตโฟนสายนักฆ่าเรือธงอยู่ครับ ด้วยสเปกที่จัดเต็มมาในหลายๆ ส่วน รวมไปถึงความสามารถในการเล่นเกมที่ทำได้ดีมากเลยทีเดียว เพียงแต่ว่าด้านกล้องถ่ายภาพอาจจะยังมีจุดสังเกตอยู่บ้างเล็กน้อย ที่อาจจะยังต้องมีการปรับปรุง หรือปรับตัว หรืออาจจะต้องมีการอัปเดตซอฟต์แวร์เพื่อเข้ามาแก้ตรงจุดนี้โดยเฉพาะอีกครั้งหนึ่งด้วย ซึ่งคาดว่ารุ่นที่ทำมาขายในระดับโลกจะสามารถทำคุณภาพของกล้องถ่ายภาพได้ดียิ่งกว่านี้อีกแน่นอนเลย

OnePlus 13 วางจำหน่ายในประเทศจีนที่ 3 ความจุด้วยกัน โดย

  • แรม 12GB + 512GB ราคา 4,899 หยวน (23,416 บาท)
  • แรม 16GB + 512GB ราคา 5,299 หยวน (25,328 บาท)
  • แรม 16GB + 1TB ราคา 5,999 หยวน (28,674 บาท)