ตอนนี้ชื่อมือถือ OnePlus One กำลังแพร่หลายและเป็นที่รู้จักในวงกว้าง เพราะความคุ้มค่าในเรื่องราคาแสนถูกแต่ได้สเปกระดับเรือธงที่ใครๆก็ฝันหา ซึ่งนอกจากเรื่องความคุ้มค่าแล้ว สิ่งหนึ่งที่ถือเป็น talk of the town ในวงการมือถือขณะนี้คือแคมเปญจน์ Smash The Past ที่ให้คนมาทุบมือถือเครื่องเก่าโชว์เพื่อได้รับสิทธิ์ซื้อ OnePlus One ในราคาเพียง 1 ดอลล่าห์หรือ 35 บาทเท่านั้น ซึ่งเป็นแผนการตลาดที่ดูจะได้ผลสำหรับการทำให้เป็นที่รู้จัก แต่ดูเหมือนว่ามันกำลังจะเป็นดาบสองคมกลับมาทิ่มแทง OnePlus เพราะกลายเป็น “ทำให้เป็นที่รู้จักในทางลบ” ไปซะแล้ว
เรื่องมันเกิดขึ้นเพราะปัญหาคลาสสิกของนิสัยคนทั่วๆไปที่ “ไม่ชอบอ่าน” รายละเอียดการแข่งขันให้ถี่ถ้วน ซึ่งเราพบเห็นได้ทั่วไปตามหน้า Facebook page ที่มีการจัดแข่งขันชิงรางวัลอะไรสักอย่าง กฎการแข่งขันแคมเปญจน์นี้ระบุว่า OnePlus จะเลือกผู้โชคดี 100 คนก่อนจากนั้นจึงจะบอกให้ผู้โชคดีโชว์การทำลายมือถือของพวกเค้า แต่หลายคนที่ไม่อ่านกฎกติกาและ “ไม่ยั้งคิด” ก็จัดการทำลายมือถือของตัวเองและ upload วิดีโอขึ้น Youtube เพื่อโชว์ว่าพวกเค้าเข้าร่วมการแข่งขันด้วยคน แต่สิ่งที่หลายคนเป็นห่วงมากกว่าคือ อันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากการกระทำเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็น เศษกระจกกระเด็นเข้าตา, นิ้วแหก หรือ โดนแบตเตอรี่ระเบิดใส่ และหากมีการฟ้องร้องแน่นอนว่า OnePlus ต้องตกเป็นจำเลยอย่างไม่ต้องสงสัย ตัวอย่างวิดีโอด้านล่าง
อย่างไรก็ตาม จากเสียงตอบรับมากมายในทางลบต่อแคมเปญจน์นี้ทำให้ OnePlus ตัดสินใจ “ถอย” โดยการเปลี่ยนเงื่อนไขสำหรับผู้ชนะ 100 คนที่ได้รับเลือกจาก OnePlus ให้ทำการบริจาคมือถือของพวกเค้าแทนการทำลายมันทิ้ง โดยมือถือจะถูกบริจาคให้กับ Medic Mobile องค์กรที่รับบริจาคมือถือเพื่อนำไปให้กับเจ้าหน้าที่ด้านอนามัยที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ยากจนทั่วโลกได้ใช้มันเป็นเครื่องมือในการทำงานของพวกเค้า คราวนี้ต่อให้ไม่มีคนอ่านก็ไม่เสียหายแถมกลายเป็นเรื่องดีที่น่าจะต้องทำกันเลยนะครับ
ทาง OnePlus สรุปยอดผู้ที่สมัครร่วมแคมเปญจน์ทั้งหมด 140,000 คนและผู้โชคดี 100 คนจะได้รับการติดต่อจาก OnePlus เริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ที่มา: OnePlus และ PhoneArena
แล้วพวกที่ทุบไปแล้วคือทุบฟรี???
ว่าแต่ที่จริงน่าใช้วิธีนี้นานแล้วนะ ไอเดียดีจากหลังตีนเป็นหน้าผากเลย
เค้ายังไม่ได้ให้ทุบเลยแจ้ เค้าบอกให้รอ การติดต่อกลับ ถึงจะเริ่มอัดวิดีโอการทุบได้
อ่านข่าวดีๆสิครับ คือมันมีพวกอ่านไม่ละเอียดทุบไปก่อนแล้ว พวกนี้แหละทุบฟรี แต่ถ้าเปลี่ยนกติกาเป็นให้บริจาคมือถือ ต่อให้อ่านไม่ละเอียดแล้วเอาไปบริจาคโดยที่ไม่รออีเมลตอบกลับ มันก็เกิดประโยชน์กว่าการทุบทิ้ง
เรื่องมันเกิดขึ้นเพราะปัญหาคลาสสิกของนิสัยคนทั่วๆไปที่ "ไม่ชอบอ่าน"
นี่คือหนึ่งในคนประเภทนี้
ฮาา
ว่าแล้ว แคมเปญจน์นี้ต้องไม่รุ่ง
เสียของเปล่าๆ
ต่างประเทศก็มีพวกอ่านหนังสือไม่เกิน 7 บรรทัดเหมือนกันแฮะ…
ของแบบนี้ต้องอ่าน 10 เที่ยว โดยเฉพาะโปรลดครึ่งราคาที่บ้านเรา 555
+1
+10
(ฮา)
x 100
ฝรั่งก็มีเกรียนครับ ผมบอกแล้ว 555+
Campaign เพิ่มขยะ Electronic ให้โลกน่ะครับ ยิ่งเยอะๆ อยู่
เกือบลงฆ้อนแล้ว ^^
ถึงอ่านและเข้าใจเงื่อนไขตามที่เค้ากำหนดมาแล้วมันก็ไม่สร้างสรรค์อยู่ดีครับ เพราะเหมือนเป็นกันทำลายแบรนด์นั้นไปด้วย คิดอย่างไรก็ติดลบครับ จะไม่อคติเลย ถ้าแน่จริงเอาโทรศัพท์อะไรที่เก่าแล้วเป็นพวกแอนดรอยด์ หรืออะไรก็ได้ที่ไม่ได้ใช้งานแล้วมาทุบสิครับ ไม่ใช่เอาแต่พวกระดับไฮเอนด์ที่เพิ่งออกไปไม่กี่วัน กี่เดือน
แต่ต้องยอมรับนะว่าการโปรโมททุบเครื่องทิ้งก็กลายเป็นข่าว Talk of the town เลย ถ้าเกิดว่าเอาเครื่องเก่าไปบริจาคคิดว่ามีคนสนใจมากเท่าทุบเครื่องเก่าทิ้งรึป่าว คนที่ผิดไม่ใช่บริษัทหรือคนออกแคมเปญ เเต่เป็นพวกฟังไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียด มากกว่าที่พลาดเอง ผมว่ายังไงความคิดเค้าก็ดีนะ เพิ่งก่อตั้งบริษัท แต่ไม่กี่วันคนรู้จักเกือบทั้งโลก แม้การทุบจะเป็นการสร้างขยะก็ตาม ขนาดในไทยเองก็ยังอยากร่วมกิจกรรม จริงมั้ย??
ยังไงถึงฟังได้ศัพท์ ผมก็คิดว่ามันไม่สร้างสรรค์อยู่ดีครับ เพราะรายชื่อโทรศัพท์ที่เข้าทุบมันก็เป็นตัวที่เพิ่งออกไม่กี่วัน ไม่กี่เดือน เหมือนสร้างความเสียดายให้กับแบรนด์นั้นแบบนัยๆและครับ
จริงๆแล้วก็อาจเป็นเพียงแค่แผนโปรโมท….ที่วางแผนไว้แล้ว
จริงๆแล้วก็อาจเป็นเพียงแค่แผนโปรโมท….ที่วางแผนไว้แล้ว
คลิปที่สองนี้เนียนๆเลยนะ iPhone 3 มีเสาอากาศ
คิดว่าเขาตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกแล้วแหละ แผนการตลาดธรรมดา
กระแสที่ 1 คือประกาศให้คนทุบเครื่องเพื่อให้คนสนใจ
กระแสที่ 2 คือคนโวยวายแล้วเปลี่ยนมาเป็นบริจาคแทนเพื่อให้ภาพลักษณ์ดีขึ้น
ถ้าเขาประกาศตั้งแต่แรกว่าให้บริจาคเพื่อได้สิทธิ์ก็ไม่เกิดกระแสนะสิครับ ^ ^
อย่างน้อยก็สร้างกระแสได้ดีเลยทีเดียวแทบไม่ต้องลงทุนอะไร สื่อประโคมซะเต็มที่ทั่วโลก คุ้มครับ
Samsung ใช้งบโฆษณาเฉพาะใน US 600 ล้าน $ ต่อปี 1+ ใช้มือถือไม่กี่เครื่อง ต่อให้ทุบมือถือทิ้งจริง มูลค่าความสูญเสียทรัพยากรก็ต่ำกว่าการโฆษณาวิธีอื่นๆนะ 🙂
ถ้าจะมองว่ามันก่อให้เกิดขยะอิเล็กทรอนิกส์ไม่กี่เครื่อง
แต่ผมมองว่าโลกสูญเสียทรัพยากรน้อยกว่าการโฆษณาโดยวิธีอื่นตั้งเยอะ ออกบูธ ทำแบคดรอป มอคอัพ ออกอากาศทางโทรทัศน์ วิทยุ ตู้เย็น ใบปลิวต่างๆ ป้ายไฟตามถนน สิ่งเหล่านี้ใช้ทรัพยากรโลกสูงกว่ามากมายนะถ้ามองกันจริงๆ
Porotz ลึกล้ำมาก ๆ ชอบ
ตอนแรกว่าจะเอา Hero เครื่องที่ผมใช้ไปทุบกับเค้าด้วย พอดีอ่านหนังสือเกิน 7 บรรทัด ไม่อยู่ในกติกา
อยากได้ One + ด้วยอีกคน หวังว่าเครื่องหิ้วจากฮ่องกงคงไม่แพงโหดนะครับ
เข้าใจอย่างนี้ก่อน
เมื่องนอก ธุรกิจ มันคือการแข่งขันนะครับ คำว่ามารยาทเป็นรองครับ (ช่วยเค้าเราก็อยู่ไม่ได้ เค้าก็คิดอย่างนี้) เพราะฉะนั้นการตลาดในเชิงทำลาย มันก็เลยออกมาเล่นกันได้ เหมือนไม่ได้ผิดอะไร แล้วแบรนด์อื่นๆ เค้าเดือดร้อนไหม ไม่หรอกเพราะคุณทุบเอง แบรนด์ขายไปแล้วไม่เดือดร้อนครับ
ทีนี้ว่ากันต่อ ทำไม มันถึงได้กลายเป็นประเด็นที่เผ็ดร้อน
ไม่ได้บอกว่า OnePlus ไม่ผิดนะครับ อย่างน้อยก็ต้องรับไปครึ่งหนึ่ง อย่าไปบอกว่าความคิดเค้าไม่สร้างสรรค์ครับ เพราะมันเป็นการตลาดเชิงทำลายอยู่แล้ว ความคิดนี้มันไม่มีผิดมีถูกหรอก(คนทุบเค้าก็สมัครใจจะทุบเองนะ ไม่ได้ไปบังคับ เอาปืนจี้หัวว่า "มึ…จะต้องทุบ!" แบบนี้ซะหน่อย) แค่วิธีการมันอาจจะรับไม่ได้สำหรับบางคน แต่จริงๆแล้วการตลาดตรงนี้มันเป็น Impact อย่างแรงเข้าไปในสมองคุณเลย อยากได้ถูก ต้องทุบ ซึ่งมันแรง คนจำง่าย แล้วมันก็พิสูจน์แล้วว่าได้ผล ไม่ว่าจะในแง่ลบหรือแง่บวก เรียกว่า คนติดตาม OnePlus เพิ่มขึ้นในเวลาไม่กี่วัน (ผมเองก็คนหนึ่ง ซึ่งไม่ได้คิดจะทุบนะ แต่จะตามดูว่า มันจะกล้าทุบกันจริงๆ หรือเปล่า) แต่สุดท้าย Campaign นี้ออกมาไม่ทันไร ก็กลายเป็นหมันซะงั้น
ประเด็นนี้ ต้องยกให้พวกเกรียนที่ไม่อ่านให้ดีครับ จัดว่าเป็นความชอบเลยนะ ยอมสละเครื่องตัวเองเพื่อให้กติกามันเปลี่ยนไปในทางสร้างสรรค์ขึ้นมาด้วย (ไม่มีใครซื้อให้สินะ เรียกว่าซวยไป)
การตลาดเชิงทำลาย ฝรั่งเค้าเล่นกันเป็นปกติครับ เพราะเขาเล่นได้ ไม่มานั่งเกี่ยงเรื่องมารยาทหรอก เพราะเขาแข่งขันกัน เอ็นดูเขา เอ็นเราขาด เป็นเรื่องปกติสำหรับบ้านเขา
แต่จะว่าไปเมื่องไทยไม่ต้องไปเอาเยี่ยงอย่างหรอกครับ หุหุ