ข้อมูลน่าตกใจจาก OpenAI ล่าสุดคือการที่ผู้ใช้งาน ChatGPT กว่า 0.15% จากทั้งหมด 800 ล้านคน ต่างใช้งานหรือพูดคุยกับ AI Chatbot ด้วยข้อความที่เกี่ยวข้องกับความต้องการหรือการวางแผนจบชีวิตตัวเองในแต่ละสัปดาห์

หากคำนวณจากฐานผู้ใช้งาน ChatGPT ที่มีมากถึง 800 ล้านคนต่อสัปดาห์ ก็หมายความว่ามีผู้ใช้งานมากกว่า 1 ล้านคนต่อสัปดาห์ ที่กำลังพูดคุยกับแ AI Chatbot ด้วยหัวข้อดังกล่าวที่ระบุไปก่อนหน้านี้ แสดงให้เห็นถึงบทบาทของ AI ที่กลายเป็นปราการด่านแรก (First Responders) สำหรับคนที่กำลังตกอยู่ในความทุกข์หรือพบเจอเรื่องเลวร้ายมา
สำหรับการเปิดเผยข้อมูลครั้งนี้ OpenAI ได้ระบุถึงขั้นตอนการทำงานของ ChatGPT ที่ได้รับการปรับปรุงหรือพัฒนาด้านความปลอดภัยซึ่งร่วมมือกับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตกว่า 170 คน พร้อมอ้างว่าโมเดลล่าสุดอย่าง GPT-5 สามารถสร้างหรือให้คำชี้แนะที่เป็นประโยชน์ (Desirable Responses) ต่อคำถามเกี่ยวกับสุขภาพจิตได้โอเคกว่ารุ่นก่อนถึง 65%
นอกจากนั้นแล้วในการทดสอบของ OpenAI ที่ลองทดสอบ ChatGPT ด้วยข้อความที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับอัตวิบากกรมโดยเฉพาะ ChatGPT สามารถให้คำตอบหรือการตอบสนองในแง่บวกที่ส่งผลดีกับความปลอดภัยของผู้ใช้งาน (Desired Behaviors) ได้ถึง 91% เมื่อเทียบกับโมเดล GPT-5 เวอร์ชันก่อนหน้าซึ่งทำได้แค่ 77%

โดยที่ OpenAI ยังได้แนะนำเพิ่มเติมว่าระบบควบคุมการใช้งานโดยผู้ปกครอง (Parental Controls) และเครื่องมือคาดการณ์อายุ (Age Prediction Tools) รูปแบบใหม่ จะช่วยให้เด็กๆ หรือผู้ใช้งานที่ยังเป็นเยาวชนปลอดภัยและอยู่ในกรอบการใช้งานที่รัดกุมมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามยังมีอีกประเด็นที่น่ากังวลก็คือ ในปัจจุบัน OpenAI ยังอนุญาตให้ผู้ใช้งานแบบสมัครสมาชิกในแต่ละแพ็คเกจ สามารถเลือกหรือสลับไปใช้ GPT โมเดลรุ่นเก่าที่มีความปลอดภัยน้อยกว่าได้ด้วย (เช่น GPT-4o) จนอาจก่อให้เกิดคำถามถึงมาตรฐานความปลอดภัยที่ไม่เท่ากัน
ที่มา : FindArticles

Comment