OPPO Find X7 และ OPPO Find X7 Ultra 2 มือถือเรือธงประจำปี 2024 เปิดตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยในรอบนี้ทางแบรนด์ก็ได้จัดเต็มเน้นกล้องเป็นพิเศษ โดยรุ่น Ultra ถือเป็นมือถือรุ่นแรกในโลก ที่ให้กล้อง Periscope มาถึง 2 ตัว แถมเซนเซอร์หลักยังใช้เป็นเซนเซอร์ Sony LYTIA 900 เป็นตัวแรกของโลกด้วยเช่นกัน ส่วนราคาเปิดตัวเริ่มต้นที่ราว ๆ 20,000 บาท

เปิดตัว OPPO Find X7

OPPO Find X7 เปิดตัวมาในตัวเครื่องดีไซน์คล้ายเดิม แต่มีการปรับโมดูลกล้องเป็นดีไซน์คล้ายหน้าปัดนาฬิกาเหมือนกับ OPPO Find N3 ตัวเครื่องมีให้เลือกทั้งในรูปแบบดีไซน์หนัง Vegan ตัดกระจกแบบทูโทน และวัสดุกระจกเงาล้วน ตัวเครื่องรองรับมาตรฐานทนละอองน้ำ ทนฝุ่นระดับ IP65

โดยรุ่นนี้มาพร้อมจอแสดงผล LTPO AMOLED โค้ง 3D ขนาดใหญ่ 6.78 นิ้ว รองรับการปรับรีเฟรชเรตอัตโนมัติ 1 – 120Hz ความละเอียด Full HD+ (2780×1264 พิกเซล) สว่างสูงสูด 4,500 nits ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass Victus 2 รองรับการสแกนนิ้วใต้หน้าจอ

ตัวจอการันตีในด้านสีเที่ยงตรงมาตรฐาน Display Mate เกรด A+ รองรับการแสดงควมสว่างภาพแยกเฉพาะจุดอย่าง ProXDR และรองรับการชมคอนเทนต์ในรูปแบบ Dolby Vision, HDR Vivid, HDR10+ และ ZREAL นอกจากนี้ ยังมีค่า PWM Dimming สูงถึง 2160Hz ช่วยให้การจ้องจอในที่มืดได้สบายตา อีกทั้งยังปล่อยสีฟ้าต่ำในระดับฮาร์ดแวร์ และได้มาตรฐานเรื่องจอถนอมสายตาจาก TÜV Rheinland ด้วย

สำหรับประสิทธิภาพในรุ่นนี้ใช้ชิปเรือธงตัวล่าสุด อย่าง MediaTek Dimensity 9300 ที่มากับระบบระบายความร้อน Vapor Chamber วัสดุที่ใช้ในยานอวกาศ ช่วยให้ตัวเครื่องจัดการอุณหภูมิได้เสถียรยิ่งขึ้น ส่วนความจุให้ RAM LPDDR5x + ROM UFS 4.0 ความจุสูงสุดที่ 16GB + 1TB

แบตเตอรี่ในรุ่นนี้ให้มาที่ 5,000 mAh รองรับชาร์จไว SUPERVOOC 100W ผ่านสาย USB-C 2.0 ชาร์จจาก 1 – 100% ใช้เวลาเพียง 26 นาที ส่วนแบตเตอรี่ก็มีความคงทนมาก ๆ ชาร์จได้ 1600 Cycles โดยที่ยังเก็บประจุแบตเตอรี่ได้เกิน 80% อีกทั้งยังรองรับการชาร์จถึงแม้อากาศจะติดลบถึง -20 องศาเซลเซียสด้วย

OPPO Find X7 รุ่นมาตรฐานมากับกล้องหลัง 3 ตัว รองรับ Auto Focus ทุกเลนส์ ประกอบด้วยกล้องหลัก Sony LYT808 50MP ขนาดเซนเซอร์ 1/1.4″ รูรับแสง f/1.6 ที่สามารถเก็บแสงได้ดีกว่าเดิมถึง 50% มีระบบกันสั่น OIS + กล้อง Periscope OmniVision OV64B 64MP ขนาด 1/1.2″ ซูม Optical ได้ที่ระยะ 3x และซูม Digital ได้ที่ระยะสูงสุด 120x มีกันสั่น OIS เช่นกัน

ส่วนกล้อง Ultrawide ในรุ่นนี้ให้เซนเซอร์ Samsung JN1 50MP มุมกว้าง 119 องศาฯ รองรับการถ่ายภาพ Macro ที่ระยะ 3.5 ซม. โดยกล้องหลังนั้นจะได้รับการปรับแต่งซอฟต์แวร์ที่ช่วยปรับสีสัน โทนภาพให้เหมือนกับการถ่ายด้วยกล้อง Hasselblad จริง ๆ อีกทั้งยังรองรับการถ่ายภาพในรูปแบบไฟล์ RAW และรองรับการถ่ายวิดิโอแบบ Dolby Vision HDR ที่ความละเอียด 4K@30FPS ทุกเลนส์

ด้านกล้องเซลฟี่ให้เซนเซอร์ Sony LYT506 ที่ความละเอียด 32MP และรองรับ Auto Focus ซึ่งกล้องเซลฟี่ในรุ่นนี้ยังรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียด 4K@30FPS พร้อมโหมดกันสั่น EIS

ส่วนซอฟต์แวร์ในรุ่นนี้ติดตั้งมากับ ColorOS 14 บนพื้นฐาน Android 14 ที่มากับฟีเจอร์ด้าน Generative AI แบบจัดเต็ม ทั้งฟีเจอร์ตัดสิ่งที่ไม่ต้องการออกจากภาพถ่าย, AI Call Summary ช่วยถอดสคริปต์ สรุปประเด็นการสนทนาผ่านโทรศัพท์ เช่น รายชื่อผู้ติดต่อ, วันเวลานัดหมาย หรือข้อมูลสถานที่ และกิจกรรมที่ต้องทำในแต่ละวัน

นอกจากนี้ OPPO Find X7 Series ยังมี Xiaobu AI Chat Bot ที่สามารถตอบคำถามที่เราสงสัย, Generate รูปภาพตามคำสั่งของเรา, เปลี่ยนรูปภาพของเราให้เป็นภาพติดบัตร และแต่งหน้าสวย ๆ ให้ได้ หรือจะโต้ตอบในลักษณะพูดคุยผ่านเสียงก็ได้

สเปค OPPO Find X7

  • จอภาพ : จอโค้ง 3D LTPO AMOLED ProXDR ขนาด 6.78 นิ้ว
    – ความละเอียด Full HD+ (2780×1264 พิกเซล)
    – สว่างสูงสุด 4,500 nits
    – อัตรารีเฟรช 1 – 120Hz
    – รองรับ Dolby Vision / HDR Vivid / HDR10+ / ZREAL
  • ชิป : Dimensity 9300
  • RAM LPDDR5x : 12GB / 16GB
  • ROM UFS 4.0 : 256GB / 512GB / 1TB
  • กล้อง 3 ตัวระบบ Auto Focus :
    – กล้องหลัก Sony LYT808 ขนาด 1/1.4 นิ้ว 50MP (f/1.6), ระบบกันสั่น OIS
    – กล้องอัลตราไวด์ Samsung JN1 50MP มุมกว้าง 119 องศา (f/2.0), รองรับโหมด Macro
    – กล้อง Periscope OmniVision OV64B 64MP (f/2.6), ระบบกันสั่น OIS ซูมแบบ Optical 3 เท่า / Digital Zoom 120 เท่า
  • กล้องหน้า : 32MP (f/2.4)
  • เสียง : ลำโพงคู่สเตอริโอ
  • แบตเตอรี่ : 5,000 mAh
    – รองรับชาร์จไว 100W
  • การเชื่อมต่อ : 5G / Wi-Fi 7 / Bluetooth 5.4 / NFC / Infrared remote control / USB Type-C 2.0
  • เซนเซอร์ : สแกนนิ้วใต้จอ / Accelerometer / Ambient light / Proximity / Gyro / Compass / Color Spectrum
  • ความทนทาน : IP65
  • ระบบปฏิบัติการ : ColorOS 14 บนพื้นฐาน Android 14
  • ขนาด / น้ำหนัก :
    • รุ่นกระจก 162.7 มม. x 75.4 มม. x 8.7 มม. / 206 กรัม
    • รุ่นหนัง Vegan 162.7 มม. x 75.4 มม x 9.0 มม. / 202 กรัม

เปิดตัว OPPO Find X7 Ultra

OPPO Find X7 Ultra มาในตัวเครื่องดีไซน์เดียวกัน แต่จะเพิ่มสีดำสนิท ที่มีการทำลวดลายฝีเข็มลงไปที่หนังของตัวเครื่อง ทำให้ได้ดีไซน์ที่ดูพรีเมียมขึ้นไปอีก 1 ระดับ พร้อมอัปเกรดมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นเป็น IP68 ไม่กลัวน้ำ แถมระดับกล้องหลังใหม่ทั้งหมด ไปใช้เซนเซอร์ที่เหนือที่สุดในวงการ ณ ตอนนี้

โดยกล้องหลัง 4 ตัว ประกอบไปด้วย กล้องหลัก Sony LYTIA 900 เซนเซอร์ขนาด 1 นิ้ว ตัวล่าสุดที่ใช้เทคโนโลยี Dual Layer Stacked CMOS ที่เป็นการจัดเรียงทรานซิสเตอร์ และโฟโต้ไดโอดแบบแยกชั้นกัน ทำให้เก็บแสงได้ดีกว่าเก่า ถ่ายภาพกลางคืน และที่แสงน้อยได้ดีขึ้น มีระบบกันสั่น OIS โดย OPPO Find X7 Ultra เป็นรุ่นแรกในวงการที่ได้ใช้เซนเซอร์ที่ว่านี้ก่อนใคร

นอกจากนี้ OPPO Find X7 Ultra ยังเป็นมือถือรุ่นแรกของโลก ที่มากับกล้อง Dual Periscope Telephoto โดยจะประกอบไปด้วย กล้อง 50MP ระยะ 3x (65 มม.) ที่ใช้เซนเซอร์ IMX890 ขนาด 1/1.56″ เป็นกล้องซูมตัวหลักที่สามารถรับแสงได้ดีที่สุด เป็นระยะที่เหมาะกับการถ่าย Portrait ส่วนกล้องซูมไกล 50MP จะเป็นเซนเซอร์ IMX858 รองรับการซูม Optical ที่ระยะ 6x (135 มม.) และ Digital ที่ 120x

ส่วนกล้อง Ultrawide ในรุ่นนี้ให้เป็นเซนเซอร์ LYT-600 ความละเอียด 50MP มุมกว้าง 123 องศาฯ รองรับการถ่าย Macro ที่ระยะ 4 ซม. กล้องทั้ง 4 ตัว รองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Dolby Vision HDR ที่ความละเอียด 4K@30FPS ทุกเลนส์เช่นกัน ส่วนกล้องหน้าให้มาที่ความละเอียด 32MP รองรับการถ่ายวิดีโอเซลฟี่สูงสุด 4K@60FPS นอกจากนี้ OPPO Find X7 Ultra ยังมีไฮไลต์เด็ดเรื่องกล้องอย่าง

  • HyperTone Image Engine : ระบบ AI ด้านภาพถ่าย ที่ช่วยคำนวณเรื่องโทนของภาพถ่ายให้ดูธรรมชาติ โดยที่ลดทอนคุณภาพของภาพถ่ายให้น้อยที่สุด
  • Uninterrupted Zoom: ซูมได้ลื่นไหล ครอบคลุมตั้งแต่ระยะ 35 – 270 มม.
  • RAW MAX : ถ่ายภาพไฟล์ RAW ได้ในคุณภาพที่สูงขึ้น สามารถปรับ Contrast และ Saturation ได้มากกว่าเดิม เหมาะสำหรับช่างภาพมืออาชีพ ที่ต้องการนำภาพไปแต่งต่อหลังถ่ายภายหลัง
  • Hasselblad Portrait Mode : โหมด Portrait ถ่ายภาพคนสวย สามารถเลือกปรับโหมด Focal Length ที่ออกแบบโดย Hasselblad ได้ 4 ระดับ เพื่อสร้างเอฟเฟกต์โบเก้สวย ๆ
  • Hasselblad Master Mode : ปรับจูนสีต่าง ๆ ของภาพถ่ายให้เหมือนภาพที่ถ่ายจากกล้อง Hasselblad จริง ๆ

โดยรุ่นนี้มาพร้อมจอแสดงผล LTPO AMOLED โค้ง 3D ขนาดใหญ่กว่าที่ 6.82 นิ้ว รองรับการปรับรีเฟรชเรตอัตโนมัติ 1 – 120Hz ความละเอียดสูงระดับ QHD+ (3168×1440 พิกเซล) สว่างสูงสูด 4,500 nits ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass Victus 2 รองรับการสแกนนิ้วใต้หน้าจอ

ตัวจอการันตีในด้านสีเที่ยงตรงมาตรฐาน Display Mate เกรด A+ รองรับการแสดงควมสว่างภาพแยกเฉพาะจุด อย่าง ProXDR และรองรับการรัมคอนเทนต์ในรูปแบบ Dolby Vision, HDR Vivid, HDR10+ และ ZREAL ซึ่งสเปคจออื่น ๆ ยังคงคล้ายกัน ไม่ต่างกันมาก

ส่วนชิปประมวลผลในรุ่นนี้จะใช้เป็น Snapdragon 8 Gen 3 มีระบายความร้อน Vapor Chamber วัสดุที่ใช้ในยานอวกาศขนาด 7930 ตารางมิลลิเมตร ใหญ่กว่าปกติถึง 2 เท่า ส่วนความจุให้ RAM LPDDR5x + ROM UFS 4.0 ความจุสูงสุดที่ 16GB + 512GB ส่วนแบตเตอรี่ให้มาที่ 5,000 mAh ชาร์จไว 100W เท่ากัน แต่จะรองรับชาร์จไร้สาย 50W ด้วย

อีกหนึ่งสิ่งที่เพิ่มเข้ามาในรุ่นนี้ คือมอเตอร์การสั่นแบบ Bionic Super-Vibration ขนาด 602 มม. ที่สั่นได้แรง และมีมิติในทุก ๆ การสัมผัส และได้ USB-C 3.2 ถ่ายโอนข้อมูลไว อีกทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อดาวเทียม สามารถโทรผ่านเสียง ส่งข้อความ หรือส่งตำแหน่งที่ตั้งในกรณีฉุกเฉินได้ด้วย

สเปค OPPO Find X7 Ultra

  • จอภาพ : จอโค้ง 3D LTPO AMOLED ProXDR ขนาด 6.82 นิ้ว
    – ความละเอียด QHD+ (3168×1440 พิกเซล)
    – สว่างสูงสุด 4,500 nits
    – อัตรารีเฟรช 1 – 120Hz
    – รองรับ Dolby Vision / HDR Vivid / HDR10+ / ZREAL
  • ชิป : Snapdragon 8 Gen 3
  • RAM LPDDR5x : 12GB / 16GB
  • ROM UFS 4.0 : 256GB / 512GB
  • กล้อง 4 ตัวระบบ Auto Focus :
    – กล้องหลัก Sony LYT-900 ขนาด 1 นิ้ว 50MP (f/1.8), ระบบกันสั่น OIS
    – กล้องอัลตราไวด์ Sony LYT-600 50MP มุมกว้าง 123 องศา (f/2.0), รองรับโหมด Macro 4 ซม.
    – กล้อง Periscope Telephoto IMX890 50MP (f/2.6), ระบบกันสั่น OIS ซูมแบบ Optical 3 เท่า
    – กล้อง Periscope Super Telephoto IMX858 50MP (f/4.3), ระบบกันสั่น OIS ซูมแบบ Optical 6 เท่า Digital 120 เท่า
  • กล้องหน้า : 32MP (f/2.4)
  • เสียง : ลำโพงคู่สเตอริโอ
  • แบตเตอรี่ : 5,000 mAh
    – รองรับชาร์จไว 100W
  • การเชื่อมต่อ : 5G / Wi-Fi 7 / Bluetooth 5.4 / NFC / Infrared remote control / USB Type-C 3.2 / รองรับการเชื่อมต่อดาวเทียม
  • เซนเซอร์ : สแกนนิ้วใต้จอ / Accelerometer / Ambient light / Proximity / Gyro / Compass / Color Spectrum
  • ความทนทาน : IP68
  • ระบบปฏิบัติการ : ColorOS 14 บนพื้นฐาน Android 14
  • ขนาด / น้ำหนัก : รุ่นกระจก 164.3 มม. x 76.2 มม. x 9.5 มม. / 221 กรัม

ราคา และการวางจำหน่าย

ราคา และรุ่นความจุ OPPO Find X7

OPPO Find X7 รุ่นมาตรฐานจะมีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีน้ำเงิน-ขาว The Sea and the Sky และ สีน้ำตาล-ขาว Desert Silver Moon ที่ใช้วัสดุแบบทูโทน ส่วนรุ่นกระจกล้วนจะมีสีม่วง Smoky Purple และ สีดำ Starry Sky Black และจะมีให้เลือก 4 รุ่นความจุดังนี้

  • 12GB + 256GB ราคา 3,999 หยวน หรือประมาณ 20,000 บาท
  • 16GB + 256GB ราคา 4,299 หยวน หรือประมาณ 21,500 บาท
  • 16GB + 512GB (เฉพาะรุ่นสีทูโทน) ราคา 4,599 หยวน หรือประมาณ 23,000 บาท
  • 16GB + 1TB (เฉพาะรุ่นสีทูโทน) ราคา 4,999 หยวน หรือประมาณ 25,000 บาท

ราคา และรุ่นความจุ OPPO Find X7 Ultra

สำหรับ OPPO Find X7 Ultra จะมีให้เลือกทั้งหมด 3 สีทูโทน ได้แก่ สีน้ำเงิน-ขาว The Sea and the Sky และสีน้ำตาล-ขาว Desert Silver Moon ความพิเศษของรุ่นนี้จะอยู่ที่สีดำ Pine Shadow ที่ใช้เป็นกระจกด้าน ตัดกับหนัง Vegan ที่มีการเย็บลวดลายฝีเข็มเสริมความ Ultra แบบขั้นสุด ส่วนรุ่นความจุจะมีให้เลือก 3 รุ่น ดังนี้

  • 12GB + 256GB ราคา 5,999 หยวน หรือประมาณ 30,000 บาท
  • 16GB + 256GB ราคา 6,499 หยวน หรือประมาณ 32,500 บาท
  • 16GB + 512GB ราคา 6,999 หยวน หรือประมาณ 35,000 บาท

OPPO Find X7 และ OPPO Find X7 Ultra เปิดให้สั่งจองที่ประเทศจีนแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทั้งนี้ ยังไม่มีข้อมูลว่ารุ่นดังกล่าวจะกลับมาทำตลาดโลก และในไทยด้วยรึเปล่า สำหรับใครที่เป็นแฟน ๆ OPPO ต้องรอติดตามให้ดี

ที่มา: OPPO China