OPPO Reno12 5G และ OPPO Reno12 Pro 5G เปิดตัวอย่างเป็นทางการในดีไซน์ใหม่แบบหมดจด ด้วยการปรับดีไซน์ขอบเฟรม ฝาหลัง และโมดูลกล้องให้มาในรูปแบบสี่เหลี่ยมตรงตามเทรนด์ปี 2024 มาพร้อมกับไฮไลต์เด็ดอย่างกระจกจอแสดงผลที่เปลี่ยนมาใช้จอโค้ง 4 ด้านเท่าขอบมนเหมือนหยดน้ำ กับสเปคกล้องที่ถ่ายสวยเหมือนเดิม และมีลุ้นเปิดตัวในไทยด้วย เร็ว ๆ นี้

เปิดตัว OPPO Reno12 5G

OPPO Reno12 5G เปิดตัวมากับดีไซน์ตัวเครื่องที่ชวนให้นึกถึงเมื่อตอน OPPO Reno 6 Series มีความเป็นสี่เหลี่ยมตรง ลดความโค้งจากรุ่นก่อน พร้อมเปลี่ยนฐานโมดูลกล้องเป็นสี่เหลี่ยม รองรับมาตรฐานทนน้ำ IP65 ส่วนฝาหลังมีการเล่นลวดลายกึ่ง 3D ที่มีให้เลือกทั้งลายคลื่นน้ำ และลายดอกไม้ ด้านขอบเฟรมมาในพื้นผิวเงางามดูหรูหรา แถมยังบางเพียง 7.25 มม. และเบา 179 กรัมเท่านั้น

จุดที่เปลี่ยนไปที่สุดของรุ่นนี้คือจอแสดงผลที่เปลี่ยนไปใช้กระจก Gorilla Glass แบบ 3D Contour Quad Curved Screen ซึ่งถึงจะมีความโค้งอยู่บ้าง แต่ก็โค้งเท่ากันถึง 4 มุมเหมือนมือถือเรือธงหลาย ๆ รุ่นที่เปิดตัวมาในปีนี้ นอกจากกระจกจะดูดีแล้วรุ่นนี้แล้วพาเนลก็ยังเทียบชั้นเรือธงไม่แพ้กัน

OPPO Reno12 5G มากับจอ AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ (2412×1080 พิกเซล) สว่างสูงสุด 1,200 nits รีเฟรชเรตลื่นไหล 120Hz รองรับการแสดงผล ProXDR ดันความสว่างเฉพาะจุด เพื่อให้ภาพสมจริงเหมือนตาเห็น แถมยังรองรับการแสดงผล HDR10+ และมีค่า PWM dimming สูงสุดที่ 2160Hz ช่วยลดอาการตาล้าหากใช้จอในที่แสงน้อย มีโหมด Rain Touch สัมผัสจอได้แม้มือเปียกด้วย

ขึ้นชื่อว่าเป็น Reno Series เรื่องกล้องก็ยังคงงามเหมือนเดิม โดยกล้องหลังมีทั้งหมด 3 ตัว ประกอบไปด้วยกล้องหลัก 50MP เซนเซอร์ Sony LYT-600 พร้อมกันสั่น OIS + กล้อง Portrait Telephoto 50MP ซูม Optical 2x และ Digital 20x + กล้อง Ultrawide 8MP มุมกว้าง 112 องศา ส่วนกล้องหน้าให้มาจัดเต็ม 50MP รองรับ Auto Focus รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K@60FPS ได้ทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง

รุ่นนี้มาพร้อมกับฟีเจอร์ AI อย่าง AI Closed Eye Repair ที่สามารถช่วยแก้ดวงตาในขณะที่มีคนเผลอหลับตา ให้ลืมตาขึ้นไปแบบเนียน ๆ สูงสุดถึง 20 คนในภาพ มี AI Elimination ลบวัตถุส่วนเกินในภาพเพียงแค่คลิกเดียว และมี AI Cutout ถึงวัตถุออกจากภาพให้เป็นสติกเกอร์ไร้พื้นหลังได้ง่าย ๆ

นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ AI Recording Summary ช่วยถอดสคริปต์ สรุปเนื้อหาจากเสียงที่อัดมา English Teacher AI ช่วยฝึกภาษาอังกฤษทั้งการพูด ฝึกจำคำศัพท์ และช่วยแนะนำการเขียน อีกทั้งยังมี AI Document Scanning สแกนเอกสารง่าย ๆ เซฟไฟล์เป็น PDF สะดวก สามารถสแกนสูตรคณิตศาสตร์ได้

ส่วนด้านประสิทธิภาพนั้น รุ่นนี้มากับชิปเซตตัวใหม่ MediaTek Dimensity 8250 Star Speed ​​Edition ที่มีการปรับ NPU ให้ดีขึ้นจากรุ่นเดิมนิดหน่อย และมีการปรับ Optimized ร่วมกับ OPPO เพื่อรีดประสิทธิภาพให้ดีขึ้น ประกบคู่มากับหน่วยความจำ RAM LPDDR5x + ROM UFS 3.1 ความจุสูงสุด 16GB + 512GB รองรับการเล่น King of Glory (ROV เซิร์ฟเวอร์จีน) ได้ที่เฟรมเรตสูงสุด 120FPS ให้แบตเตอรี่มาที่ 5,000 mAh รองรับชาร์จไวสูงสุด 80W ผ่านพอร์ต USB-C

สเปค OPPO Reno12 5G

  • จอภาพ : AMOLED 3D Contour Quad Curved Screen ขนาด 6.7 นิ้ว
    • ความละเอียด Full HD+ (2412×1080 พิกเซล)
    • สว่างสูงสุด 1,200 นิต
    • อัตรารีเฟรช 120Hz
    • รองรับ ProXDR, HDR10+
  • ชิปเซต : Dimensity 8250 Star Speed ​​Edition
  • RAM LPDDR5x: 12GB / 16GB
  • ROM UFS 3.1: 256GB / 512GB
  • กล้องหลัง :
    • กล้องหลัก LYT-600 50MP (f/1.8), กันสั่น OIS
    • กล้องอัลตราไวด์ 8MP (f/2.2), มุมกว้าง 112 องศา
    • กล้องเทเลโฟโต 50MP (f/2.0), ซูม Optical 2x / Digital 20x
  • กล้องหน้า : 50MP (f/2.0) รองรับ AutoFocus
  • ระบบเสียง : ไม่ระบุ
  • แบตเตอรี่ : 5,000 mAh
    • รองรับชาร์จไว 80W
  • การเชื่อมต่อ
    • 5G
    • Wi-Fi 6
    • Bluetooth 5.4
    • NFC
  • พอร์ต
    • USB-C 2.0
  • เซนเซอร์ : สแกนลายนิ้วมือใต้จอ, accelerometer, gyro, proximity, compass, IR Blaster
  • ความทนทาน : IP65
  • ระบบปฏิบัติการ : ColorOS 14.1 พื้นฐาน Android 14
  • ขนาด : 161.4 x 74.8 x 7.25 – 7.30 มม. (ขึ้นอยู่กับรุ่นสีที่เลือก)
  • น้ำหนัก: 179 กรัม

เปิดตัว OPPO Reno12 Pro 5G

OPPO Reno12 Pro 5G เปิดตัวมากับสเปคที่คล้ายกับรุ่นมาตรฐานเกือบทุกอย่าง แต่มากับขนาดตัวเครื่องที่หนาขึ้น และหนักขึ้นเล็กน้อย เพราะได้เพิ่มในส่วนของมอเตอร์การสั่นแบบ 4D X-axis linear motor เข้ามา และมีการเปลี่ยนเซนเซอร์หลักไปใช้ IMX890 50MP ที่ขนาดเซนเซอร์ใหญ่ขึ้น และมักจะเป็นเซนเซอร์ที่ถูกใช้ในมือถือเรือธงหลาย ๆ รุ่น

อีกหนึ่งจุดที่เปลี่ยนไปคือเรื่องของชิปเซตประมวลผลที่ได้ใช้ชิปอดีตเรือธงอย่าง Dimensity 9200+ Star Speed ​​Edition ที่มีการปรับ Optimized ให้เข้ากับรุ่นนี้โดยเฉพาะ ประกบคู่มากับหน่วยความจำ RAM LPDDR5x + ROM UFS 3.1 ความจุสูงสุด 16GB + 512GB

สเปค OPPO Reno12 Pro 5G

  • จอภาพ : AMOLED 3D Contour Quad Curved Screen ขนาด 6.7 นิ้ว
    • ความละเอียด Full HD+ (2412×1080 พิกเซล)
    • สว่างสูงสุด 1,200 นิต
    • อัตรารีเฟรช 120Hz
    • รองรับ ProXDR, HDR10+
  • ชิปเซต : Dimensity 9200+ Star Speed ​​Edition
  • RAM LPDDR5x: 12GB / 16GB
  • ROM UFS 3.1: 256GB / 512GB
  • กล้องหลัง :
    • กล้องหลัก IMX890 50MP (f/1.8), กันสั่น OIS
    • กล้องอัลตราไวด์ 8MP (f/2.2), มุมกว้าง 112 องศา
    • กล้องเทเลโฟโต 50MP (f/2.0), ซูม Optical 2x / Digital 20x
  • กล้องหน้า : 50MP (f/2.0) รองรับ AutoFocus
  • ระบบเสียง : ไม่ระบุ
  • แบตเตอรี่ : 5,000 mAh
    • รองรับชาร์จไว 80W
  • การเชื่อมต่อ
    • 5G
    • Wi-Fi 6
    • Bluetooth 5.4
    • NFC
  • พอร์ต
    • USB-C 2.0
  • เซนเซอร์ : สแกนลายนิ้วมือใต้จอ, accelerometer, gyro, proximity, compass, IR Blaster
  • ความทนทาน : IP65
  • ระบบปฏิบัติการ : ColorOS 14.1 พื้นฐาน Android 14
  • ขนาด : 161.4 x 74.8 x 7.55 – 7.6 มม. (ขึ้นอยู่กับรุ่นสีที่เลือก)
  • น้ำหนัก: 183 – 184 กรัม (ขึ้นอยู่กับรุ่นสีที่เลือก)

ราคา และการวางจำหน่าย

OPPO Reno12 5G Series เปิดให้สั่งจองอย่างเป็นทางการแล้วที่ประเทศจีน โดยจะเริ่มจัดส่งตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2024 เป็นต้นไป ส่วนราคา รุ่นความจุ และสีที่วางจำหน่ายมีดังนี้

ราคา OPPO Reno12 5G

สีที่วางจำหน่าย: สีเงิน Millenium Silver, สีชมพูกลีบดอกไม้ Pastel Peach, สีดำ-ม่วง Ebony Black

  • 12GB + 256GB ราคา 2,699 หยวน หรือราว ๆ 13,700 บาท
  • 12GB + 512GB ราคา 2,999 หยวน หรือราว ๆ 15,200 บาท
  • 16GB + 256GB ราคา 2,999 หยวน หรือราว ๆ 15,200 บาท
  • 16GB + 512GB ราคา 3,199 หยวน หรือราว ๆ 16,200 บาท

ราคา OPPO Reno12 Pro 5G

สีที่วางจำหน่าย: สีม่วง Silver Magic Purple, สีทองแดง Champagne Gold, สีดำ-ม่วง Ebony Black

  • 12GB + 256 GB ราคา 3,399 หยวน หรือราว ๆ 17,200 บาท
  • 16GB + 256GB ราคา 3,699 หยวน หรือราว ๆ 18,700 บาท
  • 16GB + 512GB ราคา 3,999 หยวน หรือราว ๆ 20,200 บาท

ในไทยตอนนี้มีข้อมูลตัวเครื่องทั้งสองรุ่นปรากฏอยู่บนฐานข้อมูลของ กสทช. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าน่าจะมีการเปิดตัวตามมาอีกทีในเร็ว ๆ นี้ แต่ปกติแล้วเครื่องที่วางจำหน่ายทั่วโลกนั้น จะมีสเปคที่แตกต่างจากรุ่นที่ขายในจีนพอสมควร ยังไงต้องรอดูกันอีกทีหลังเปิดตัว Global แล้วนะ

ที่มา: OPPO ประเทศจีน