เปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับ OPPO Reno7 5G และ Reno7 Pro 5G มาพร้อมกับหน้าจอ AMOLED รีเฟรชเรท 90Hz ด้วยกันทั้งคู่ เลือกใช้ชิปเซ็ต Dimensity จาก MediaTek แบตเตอรี่ 4500 mAh รองรับชาร์จไว 65W SuperVOOC ชาร์จครึ่งชั่วโมงเต็ม 100% แต่มีขนาดความบางและน้ำหนักเบา โดยจะเคาะราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 16,990 บาท
OPPO Reno7 5G
จุดเด่นของ OPPO Reno7 5G อยู่ที่การถ่ายภาพ โดย OPPO เคลมว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนี้สามารถถ่าย Portrait Mode ได้แบบ DSLR-Like หรือเหมือนกับกล้องใหญ่เลยทีเดียว เบลอฉากหลังเป็นธรรมชาติ สามารถปรับรูรับแสงได้มากถึง 25 ระดับ เพื่อความสวยและความเนียนของภาพถ่าย
นอกจากจะรองรับการถ่าย Portait Mode แบบ DSLR-Like แล้ว OPPO Reno7 5G ยังมาพร้อมกับความสามารถในการถ่ายวิดีโอแบบ Bokeh Flare Portrait Video หรือการถ่ายวิดีโอโหมดโบเก้เบลอฉากหลัง รองรับทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง
OPPO Reno7 5G มาพร้อมกับหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว รองรับรีเฟรชเรทสูงสุด 90Hz บนสัดส่วน 20:9 ผ่านการรับรองสามารถรับชม Netflix และ Amazon Prime Video ได้ที่ความละเอียด HD นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Eye-Care ช่วยกรองแสงสีฟ้า เพื่อช่วยลดความล้าของสายตาอีกด้วย
ตัวเครื่องของ OPPO Reno7 5G มีความบางเพียง 7.81 มม. และน้ำหนักแค่ 173 กรัม แม้ว่าจะใส่แบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh มาให้ โดย OPPO Reno7 5G จะรองรับระบบชาร์จไว 65W SuperVOOC ชาร์จเพียง 31 นาที ได้แบตเต็ม 100%
OPPO Reno7 5G ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Dimensity 900 จาก MediaTek ผลิตบนสถาปัตยกรรม 6 นาโนเมตร รองรับ 5G, WiFi 6 และฟีเจอร์ HyperBoost มี AI Frame Rate Stabilizer เข้ามาช่วยให้เฟรมเรทนิ่ง ไม่แกว่ง และมีระบบระบายความร้อนโบราซอนคุณภาพระดับยานอวกาศ
OPPO Reno7 Pro 5G
จุดเด่นของ OPPO Reno7 Pro 5G ก็อยู่ที่การถ่ายภาพเช่นเดียวกัน เซ็นเซอร์หลักกล้องหลังใช้เป็น Sony IMX766 ความละเอียด 50MP และกล้องหน้าความละเอียด 32MP ใช้เป็นเซ็นเซอร์ IMX709 จาก Sony
OPPO Reno7 Pro 5G สามารถถ่าย Portrait Mode ได้แบบ DSLR-Like เหมือนกับ Reno7 5G รุ่นธรรมดา พร้อมปรับรูรับแสงได้มากถึง 25 ระดับเช่นเดียวกัน อีกทั้งยังมีโหมด Bokeh Flare Portrait Video เหมือนกันอีกด้วย
หน้าจอของ OPPO Reno7 Pro 5G ใช้เป็น AMOLED ขนาด 6.5 นิ้ว ใหญ่กว่า Reno7 5G เล็กน้อย รีเฟรชเรท 90Hz บนสัดส่วน 20:9 มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องที่ 92.8% และรองรับการแสดงผลแบบ HDR10+
OPPO Reno7 Pro 5G ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Dimensity 1200-MAX ที่ผลิตบนสถาปัตยกรรมขนาด 6 นาโนเมตร รองรับการใช้งาน 5G มีหน่วยความจำขนาด 256GB และ RAM ความจุ 12GB ที่สามารถยืม ROM มาเพิ่มได้อีก 7GB เป็น 19GB
แบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh รองรับระบบชาร์จไว 65W SuperVOOC ชาร์จเต็ม 100% เพียง 31 นาที และแม้ว่าจะอัดแบตมาให้ขนาดนั้น ตัวเครื่องของ OPPO Reno7 Pro 5G มีความบางเพียง 7.45 มม. และมีน้ำหนักเบา 180 กรัม
ตารางเปรียบเทียบสเปค OPPO Reno7 5G กับ Reno7 Pro 5G
OPPO Reno7 5G | OPPO Reno7 Pro 5G | |
หน้าจอ | AMOLED 6.4″ FHD+ 90Hz | AMOLED 6.5″ FHD+ 90Hz |
ชิปเซ็ต | Dimensity 900 | Dimensity 1200-MAX |
RAM | 8GB (LPDDR4X) | 12GB (LPDDR4X) |
ROM | 256GB (UFS 2.2) ใส่ microSD Card เพิ่มได้ | 256GB (UFS 3.1) |
กล้องหลัง | 3 ตัว เซ็นเซอร์หลัก 64MP + Ultra-Wide + Macro | 4 ตัว เซ็นเซอร์หลัก 50MP + Ultra-Wide 8MP + Macro 2MP + Color Temperature Sensor |
กล้องหน้า | 32MP | |
เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ | ใต้หน้าจอ | |
การเชื่อมต่อ | WiFi 6 | Bluetooth 5.2 | |
แบตเตอรี่ | 4500 mAh | |
ระบบชาร์จไว | 65W SuperVOOC | |
ระบบปฏิบัติการ | ColorOS 12 บนพื้นฐาน Android 11 | |
น้ำหนัก | 173 กรัม | 180 กรัม |
ราคาและวันวางจำหน่าย
OPPO จะเริ่มวางจำหน่าย Reno7 5G และ Reno7 Pro 5G อย่างเป็นทางการในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ โดยจะเคาะราคาแบ่งตามรุ่นดังนี้
- OPPO Reno7 5G ราคา 16,990 บาท
- OPPO Reno7 Pro 5G ราคา 22,990 บาท
โดยหากซื้อ OPPO Reno7 5G และ Reno7 Pro 5G พ่วงแพ็กเกจกับ AIS, dtac หรือ truemove H จะเหลือเพียงเริ่มต้นเครื่องละ 6,990 บาทเท่านั้น
OPPO Reno7 Pro 5G เอาอะไรมาสู้กับ S21 fe ได้มั่งละนี้
เอาแค่ ColorOS 12 บนพื้นฐาน Android 11 เจอ S21 fe บนพื้นฐาน Android 12 ได้ไปต่อถึง Android 16 แค่จุดนี้ก็ต่างกันเยอะละ