หลังเปิดตัวมือถือซื้อยากอย่าง OnePlus One ไปได้สักพักตอนนี้ก็เริ่มมีข่าวลือออกมาว่าค่ายน้องใหม่อยากจะมาลองลงมาแจมตลาด wearable device กับเขาบ้างแล้วเมื่อมีคนไปเจอภาพของ “OneWatch” ว่าที่นาฬิกาอัจฉริยะของทางค่ายโผล่บนหน้าเพจที่ยังไม่เผยแพร่ของ OnePlus เอง!
ถึงแม้ว่าตลาดของ Tablet นั้นจะเริ่มทรงๆ และค่อยๆ กระดึ๊บๆ เติบโตไปอย่างช้าๆ ในช่วงปีที่ผ่านมา แต่การแข่งขันในตลาดก็ยังคงร้อนแรงอยู่ ซึ่งในตอนนี้ผู้นำตลาดก้คงหนีไม่พ้น iPad จากทางฝั่ง Apple ที่ว่ากันว่าตอบโจทย์การใช้งาน Tablet ได้ดีที่สุด ส่วน Android Tablet นั้นก็มาได้ในเรื่องของราคาที่ถูกกว่าและการใช้งานเป็นโทรศัทพ์ได้ในตัว ทางฝั่ง Windows นั้นก็ใช้จุดแข็งของตัวเองในเรื่องของ OS ที่ทำงานได้เหมือนกับบน Desktop PCแล้วแบบนี้หากเราจะซื้อ Tablet มาใช้งานสักเครื่อง จะเลือกของค่ายไหนดี เสาร์ที่ 2 สิงหาคมนี้มาคุยกัน 3 ทุ่มครึ่ง
หน้าจอ - ส่วนสำคัญที่สุดในการติดต่อระหว่างคนและอุปกรณ์พกพา ไม่ว่าจะสมาร์ทโฟนหรือว่าแท็บเล็ตก็ตาม ถ้าขาดสิ่งๆนี้ไปแล้วก็แทบจะทำให้เราใช้งานเจ้าอุปกรณ์อัจฉริยะของเราไปไม่ได้เลย แต่ว่าในปัจจุบันอุปกรณ์ต่างๆมีการเลือกใช้หน้าจอที่แตกต่างกัน ซึ่งโดยปกติเรามักจะพิจารณาคุณภาพของหน้าจอจากเพียงความละเอียด และความสดของสีเท่านั้น แต่ว่าในความเป็นจริงแล้วยังมีรายละเอียดอื่นๆที่น่าสนใจที่ควรต้องนำเอามาพิจารณาด้วย ซึ่งวันนี้เดี๋ยวผมจะมารวบรวมให้ได้ทราบกัน[แก้ไขเพิ่มเติม 3/8/14] เรื่องของความกว้างของเฉดสี - ขอบคุณ mobilebomb สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเราสามารถบ่งชี้คุณภาพของหน้าจอได้จากคุณสมบัติดังต่อไปนี้
BeeTalk Club ฟังก์ชั่นใหม่จาก BeeTalk ให้คุณค้นหากลุ่มหรือคลับที่ใช่ ซึ่งอาจจะอยู่ใกล้ๆ ตัวคุณ ^ ^หลายคนคงอาจจะคุ้นเคยกับ BeeTalk แอพแชทสุดฮิทที่ครองความนิยมด้วยยอดดาวน์โหลดติดอันดับสูงสุดในทั้ง App Store และ Google Play เพราะแตกต่างจากแอพแชทอื่นๆ ทั่วไปด้วยลูกเล่นเช่น “Look Around” ที่สามารถใช้เพื่อค้นหาผู้ใช้ในละแวกใกล้เคียง และฟังก์ชั่น “Shake” หาเพื่อนใหม่ ที่ทําให้เราสามารถเห็นว่ามีใครอีกกําลังเขย่าๆ มือถือไปพร้อมกับเรา ส่วนตัวแชทเองก็มีโหมดกระซิบ หรือ “Whisper” ที่ทําให้ข้อความที่ส่งหายไปโดยอัตโนมัติตามช่วงเวลาที่กําหนดเมื่อผู้รับได้เปิดอ่านแล้ว ถือได้ว่าเป็นแอพแชทที่พกพาความแปลกใหม่และน่าสนใจมาเต็มเปี่ยม
ลดกันกระหน่ำอย่างต่อเนื่องกับเทศกาล Play more for less สนุกมากกว่าแต่จ่ายน้อยลง สัปดาห์ที่ 2 มีรายชื่อเกมส์ที่เข้าร่วมรายการตามนี้เลย
Remote Device Access หรือเรียกสั้นๆว่า RDA ซึ่งเป็นบริการจาก Nokia เพื่อให้นักพัฒนาสามารถทดสอบแอพบนเครื่องจริงๆผ่านอินเตอร์เน็ตได้ โดยทาง Nokia ได้จัดเตรียมเครื่องจริงๆไว้ให้นักพัฒนาสามารถเข้าใช้งานผ่านอินเตอร์เน็ตได้ ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งแอพ แล้วทดสอบใช้งานว่ามีปัญหาหรือไม่ หรือจะลองกดใช้งานเมนูต่างๆในเครื่องก็ได้ ล่าสุดได้มีการแจ้งว่าจะปิดให้บริการในวันที่ 12 สิงหาคมนี้ซะงั้น (วันแม่พอดิบพอดี) ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ใช้บริการนี้เป็นบางครั้งบางคราว (ล่าสุดก็ตอนที่พรีวิวเจ้า Nokia X2 นั่นเอง) หรือว่านี่เป็นผลจากการที่ Microsoft ประกาศจะลอยแพ Nokia X อย่างเป็นทางการ? (จะลอยแพกระทั่งนักพัฒนาด้วยหรือนี่)
Vertu Signature Touch ได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในบ้านเราเป็นที่เรียบร้อย โดยสมาร์ทโฟนแบรนด์หรู Super Premium อย่าง Vertu รุ่นนี้มาพร้อมกับสเปคที่ค่อนข้างจัดเต็ม ซึ่งถือว่าแปลกกว่าหลายๆ ครั้งที่เคยเห็นมา เพราะเวลาแบรนด์หรูๆ ทำสมาร์ทโฟนออกมาขายนั้นมักจะมาแบบง่อยๆ สเปคย้อนหลังไป 1-2 ปี แต่ Vertu Signature Touch มาเต็ม ทั้ง CPU Quad-Core หน้าจอ Full HD, กล้อง 13 ล้านพิกเซล, หน่วยความจำภายใน 64 GB
ช่วงเราได้เห็นข่าวลือเกี่ยวกับมือถือรุ่นใหม่ Motorola หลุดออกมาเรื่อยๆ หลังจากเงียบสักพักเพราะคงจะจัดการเรื่องการเข้าซื้อกิจการของ Lenovo อยู่ พอทุกอย่างเรียบร้อยก็เดินหน้าต่อกันได้ ล่าสุด Motorola ได้รับการอนุมัติการจดทะเบียนชื่อทางการค้าใหม่ว่า "Moto Maxx" ไม่ต้องบอกก็พอเดาได้ว่า น่าจะเป็นมือถือพันธ์ุอึดตามแบบฉบับของ Motorola แน่นอน
ในทีสุดเราก็ได้เห็นภาคต่อของมือถือผีเสื้อ HTC Butterfly กันแล้ว โดย HTC ร่วมกับ KDDI ผู้ให้บริการของญี่ปุ่นเปิดตัว HTC J Butterfly มือถือผีเสื้อรุ่นล่าสุดที่พัฒนาบนพื้นฐานสเปกของ HTC One M8 แต่มีการปรับเปลี่ยนสเปก 3-4 จุด เช่น ตัวเครื่องเป็นพลาสติก, สามารถกันน้ำได้ และกล้อง Duo effect ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล
ยังคงทำสถิติขายหมดเร็วอย่างต่อเนื่อง เมื่อล่าสุด Xiaomi ได้ทำการวางจำหน่าย Mi3 เป็นครั้งที่สองในประเทศอินเดีย และก็ใช้เวลาเพียงแค่ "5 วินาที" ก็ขายหมดเกลี้ยงแล้วข้อมูลนี้ถูกเปิดเผยโดย Flipkart เว็บขายสินค้าออนไลน์รายใหญ่ในอินเดิยซึ่งเปิดให้ลูกค้ามาลงชื่อแสดงความสนใจที่จะซื้อ Xiaomi Mi3 ไว้ล่วงหน้า ซึ่งขายในราคาเครื่องละ 13,999 รูปี (ราวๆ 7,xxx บาท) และมีจำนวนผู้ลงทะเบียนสูงถึง 100,000 คน แต่มีเครื่องจำหน่ายเพียง 10,400 เครื่องเท่านั้นและแน่นอนว่าหลังจากเปิดขายปุ๊บ.. เพียงแค่ 5 วินาทีมันก็หมดเกลี้ยงไปแล้ว หลายคนอาจสงสัยว่าเป็นไปได้อย่างไร ลองมาดูคลิปของ @rajupp ที่อัดเอาไว้ตอนที่เค้ากดซื้อเจ้า Mi3 กันครับ
