สัปดาห์นี้ กูเกิลเปิดตัวมือถือในซีรีส์หลักสามรุ่น คือ Pixel 9, Pixel 9 Pro และ Pixel 9 Pro XL พร้อมอีกหนึ่งมือถือจอพับ Pixel 9 Pro Fold ในแต่ละรุ่นมีการอัปเกรดฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ชุดใหญ่ โดยที่อย่างหลังจะเน้นหนักไปที่ Google AI และฟีเจอร์ด้านการถ่ายภาพเป็นหลัก ทั้งการอัปเดตของเดิมที่มีอยู่แล้วให้ทำงานได้ดีขึ้น และการใส่ของใหม่เข้าไปเพิ่มอีกหลาย ๆ อย่าง หากใครที่ไม่ทันดูเนื้อหาในงาน Made by Google ที่จัดค่อนข้างดึกก็ไม่เป็นไร เพราะ DroidSans สรุปฟีเจอร์เด่น ๆ ทั้งหมดมาให้แล้ว ในบทความนี้

ข้อมูลเบื้องต้น Pixel 9 และ Pixel 9 Pro

เป็นครั้งแรกที่กูเกิลเปิดตัวมือถือเรือธงพร้อมกัน 3 รุ่น โดย Pixel 9 เป็นรุ่นมาตรฐาน หน้าจอ 6.3 นิ้ว ในขณะที่ Pixel 9 Pro อัปเกรดฮาร์ดแวร์ขึ้นมาอีกขั้น (เช่น แรม ความจุ กล้องเทเลโฟโต) ในไซซ์เท่า ๆ กัน ส่วน Pixel 9 Pro XL จะมีหน้าจอที่ใหญ่ที่สุด 6.8 นิ้ว หากเทียบให้เห็นภาพชัดขึ้น คือ

  • Pixel 9 – มาแทน Pixel 8 เดิม
  • Pixel 9 Pro – เหมือนตัวท็อป ในเวอร์ชันบอดี้กะทัดรัด
  • Pixel 9 Pro XL – มาแทน Pixel 8 Pro เดิม

ข้อมูลเบื้องต้น Pixel 9 Pro Fold

ภาคต่อของ Pixel Fold รุ่นนี้ถือเป็นมือถือจอพับเจเนอเรชันที่สองขึ้นกูเกิล แต่มีการปรับแนวทางการตั้งชื่อเป็น Pixel 9 Pro Fold ให้ล้อไปกับซีรีส์หลักที่ออกในปีเดียวกัน เพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจ จุดเปลี่ยนสำคัญคือ การปรับโฉมดีไซน์ใหม่หมด จอนอกเป็นสัดส่วน 20:9 ใกล้เคียงกับมือถือบาร์ไทป์ทั่วไปแล้ว พร้อมแก้จุดอ่อนจากรุ่นเดิม โดยการปรับปรุงกลไกบานพับให้มีความทนทานมากขึ้น แข็งแรงมากขึ้น สามารถกางเรียบสนิท 180 องศา น้ำหนักเบาลง ขนาดบางลง ขณะเดียวกัน จอหลักด้านในก็ไม่มีขอบดำหนา ๆ อย่างที่เคยโดนแซวอีกต่อไป

1. Add Me

ฟีเจอร์เติมคนในภาพถ่าย กรณีถ่ายภาพหมู่ ไม่ต้องมีคนเสียสละเป็นตากล้อง แล้วตัวเองไม่อยู่ในภาพ ไม่ต้องพึ่งพาขาตั้ง ไม่ต้องวานคนอื่นมาช่วยถ่าย หลักการทำงานคือ ให้สองคนสลับกันถ่าย แล้ว AI จะนำภาพทั้ง 2 ช็อต มารวมเป็นภาพหมู่ภาพเดียวให้โดยอัตโนมัติ โดยในขณะถ่ายช็อตที่ 2 กล้องจะมีกรอบพรีวิวให้ดูคร่าว ๆ เพื่อให้เล็งได้ตรงกับเฟรมเดิม

2. Magic Editor

เครื่องมือตกแต่งรูปภาพพลัง AI ที่อัดแน่นไปด้วยความสามารถหลายอย่างในตัว ตัวอย่างฟีเจอร์ที่มีให้ใช้งานบางส่วน เช่น

  • ย้าย ลบ ย่อ หรือขยาย คน และวัตถุในภาพ
  • แนะนำการครอปภาพให้ได้องค์ประกอบ และระนาบ ที่เหมาะสม
  • ขยายภาพให้ใหญ่เกินกว่าที่ถ่ายมาได้ ส่วนที่ถูกขยายออกจะถูกเติมโดยอัตโนมัติ
  • เจนฯ ภาพแยกเป็นส่วน ๆ ได้ เช่น เติมดอกไม้ลงบนพื้นหญ้า หรือเติมบอลลูนบนท้องฟ้า
  • เปลี่ยนลักษณะของท้องฟ้า และมู้ดแอนด์โทนของภาพ
  • แก้ไขภาพที่ถ่ายออกมาเบลอให้ดูคมชัด

3. Real Tone

หลายคนอาจยังไม่ทราบว่า มือถือยุคใหม่ ๆ ที่ใช้กระบวนการถ่ายภาพแบบ computational photography โดยอาศัย AI เข้ามาช่วยประมวลผล นั้นมีข้อสังเกตประการหนึ่งคือ ถ่ายภาพคนผิวเข้มออกมาไม่ดี เช่น มืดหรือสว่างเกินไป สีผิวไม่สมจริง สมดุลสีขาวเพี้ยน เป็นต้น ซึ่งเป็นผลมาจากความลำเอียงของ AI ที่มักถูกเทรนโดยภาพของคนผิวขาวเป็นส่วนใหญ่

เพื่อแก้ปัญหานี้ กูเกิลจึงได้เริ่มสร้างเทคโนโลยี Real Tone ขึ้นมาในปี 2020 โดยมีการร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเทรน AI ให้ทำงานได้เป็นกลางมากขึ้น

นอกจาก Real Tone จะช่วยให้ประมวลผลสีผิวได้เป็นธรรมชาติอย่างเท่าเทียมแล้ว ผลพลอยได้อย่างอื่นที่ตามมาด้วยคือ AI ของกูเกิล รู้จัก ‘หน้าคน’ ได้ดีขึ้น ทำให้ระบบโฟกัสแบบตรวจจับใบหน้าทำงานได้ไวกว่าเดิม แม่นยำกว่าเดิม ลดโอกาสการเบลอแม้ในที่แสงน้อย และช่วยลดการเกิดแฟลร์หากมีแสงตกกระทบที่หน้าเลนส์ หรือกล่าวแบบรวม ๆ คือ ไม่ว่าสีผิวจะเป็นแบบไหน มือถือของกูเกิลก็จะถ่ายออกมาให้ดูดีและสมจริงเสมอ

4. Guided Frame

ฟีเจอร์ช่วยสำหรับช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหาด้านการมองเห็น ให้สามารถถ่ายเซลฟีได้สวยเป๊ะ โดยระบบจะคอยส่งเสียงบอกว่าควรขยับกล้องไปทางไหน เพื่อให้ใบหน้าอยู่ในเฟรม รวมถึงคอยแจ้งเตือนเมื่อแสงรอบข้างน้อยเกินไป ให้ขยับเปลี่ยนมุมใหม่ เดิมที ฟีเจอร์นี้เป็นฟีเจอร์ที่มีอยู่ก่อนแล้ว แต่เป็นส่วนหนึ่งของ TalkBack ส่วนการอัปเดตใหม่ใน Pixel 9 series ทั้ง 3 รุ่น Guided Frame จะถูกย้ายไปฝังรวมกับแอปกล้องหลัก ทำให้เรียกใช้งานได้สะดวกขึ้น

5. Night Sight Panorama และ Night Sight Video

กูเกิลระบุว่า Pixel 9 และ Pixel 9 Pro เป็นมือถือที่ถ่ายภาพพาโนรามาในที่แสงน้อยได้ดีที่สุดเหนือสมาร์ทโฟนทุกรุ่น หลัก ๆ คือ การเพิ่มการรองรับฟีเจอร์ Night Sight เข้ามาเป็นครั้งแรก เช่นเดียวกับการถ่ายวิดีโอ ที่ตอนนี้ก็รองรับ Night Sight แล้วเช่นกัน เป็นผลมาจากการที่ Tensor G4 ทรงพลังมากพอจะประมวลผลภาพแบบฟูลไปป์ไลน์ได้ในระดับเฟรมต่อเฟรม ดังนั้น Pixel 9 series จึงไม่ได้เก่งเฉพาะภาพนิ่งอย่างเดียวอีกต่อไป

6. Super Res Zoom Video

เพิ่มการรองรับ Super Res Zoom ในการถ่ายวิดีโอเป็นครั้งแรก จากที่ก่อนหน้านี้รองรับเฉพาะภาพนิ่ง ช่วยให้การซูมเกินระยะเลนส์ (ซูมดิจิทัล) มีคุณภาพดีขึ้น ทั้งในแง่ของความคมชัดและสีสัน โดย Super Res Zoom Video มีให้ใช้งานบน Pixel 9 Pro และ Pixel 9 Pro XL ซูมได้ไกลสุด 20 เท่า (ถ้าภาพนิ่งปกติ ได้ 30 เท่า)

7. Video Boost

Video Boost เวอร์ชันตีบวก รองรับ HDR+ ทุกช่วงระยะซูมแบบเฟรมต่อเฟรม เช่นเดียวกับ Night Sight Video ประมวลผลไวขึ้นสองเท่า พร้อมความสามารถใหม่ สามารถอัปสเกลวิดีโอให้เป็นความละเอียด 8K ที่ 30 เฟรมต่อวินาทีได้

8. Pixel Studio

เครื่องมือเจนฯ ภาพแบบ text-to-image ที่ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Imagen 3 ในแง่การใช้งาน พื้นฐานแล้วไม่ได้มีอะไรต่างจากเครื่องมือที่มีอยู่ในตลาด แต่กรณีของ Pixel Studio มีความพิเศษคือ ประมวลผลโดยตรงแบบ on-device จากบนอุปกรณ์ได้ทันที และการที่ถูกจับแยกออกมาโดด ๆ ก็น่าจะสะดวกกว่าการเรียกใช้งานผ่าน Gemini หรือแช็ตบอตตัวอื่น

9. Pixel Screenshots

AI จะเรียนรู้และทำความเข้าใจกับภาพสกรีนชอตที่แคปมาควบคู่ไปกับโน้ตสั้น ๆ เราที่เขียนกำกับไว้ จากนั้นจะจัดทำดัชนีข้อมูล และแบ่งหมวดหมู่ให้โดยอัตโนมัติ ประโยชน์คือ สามารถเรียกดู หรือพิมพ์ค้นหาย้อนหลังได้โดยง่าย จากคีย์เวิร์ดหรือประโยคทั่ว ๆ ไป คล้ายกับฟีเจอร์ Recall ของ Microsoft บน Windows 11 และอีกความสามารถคือ หากเป็นภาพที่แคปมาจากหน้าเว็บ Pixel Screenshots จะบันทึกไว้ด้วยว่าภาพนั้น ๆ แคปมาจากเว็บไหน มีชอร์ตคัตให้กดเปิดลิงก์จากในภาพได้ทันที

10. Pixel Weather

ในที่สุดกูเกิลก็ทำแอปพยากรณ์อากาศเป็นของตัวเองแล้ว ใช้ชื่อ Pixel Weather และเพื่อไม่ให้ตกเทรนด์ แอปนี้ก็มีการนำ AI มาประยุกต์กับการทำงานด้วยเหมือนกัน โดย Gemini จะคอยสรุปรายงานสภาพอากาศในประเด็นที่สำคัญ ๆ ของแต่ละวันมาให้ เช่น เตือนว่าฝนจะตกตอนไหน แดดจะแรงสุดตอนกี่โมง พร้อมเตือนว่าอย่าลืมพกร่ม หรือทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้าน อะไรทำนองนี้ เป็นต้น นอกจากนี้ พวกวิดเจ็ตสภาพอากาศก็ได้รับการออกแบบใหม่ยกชุด มีวิดเจ็ตให้เลือกหลากหลายมากขึ้น

11. Satellite SOS

Pixel 9 series ทุกรุ่น เป็นมือถือ Android กลุ่มแรกที่รองรับฟีเจอร์ Satellite SOS หรือการส่งข้อความฉุกเฉินผ่านดาวเทียม เผื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันในสถานที่ที่สัญญาณโทรศัพท์และสัญญาณอินเทอร์เน็ตเข้าไม่ถึง เบื้องต้นรองรับพื้นที่ในโซนสหรัฐฯ โดยจะเปิดให้ใช้งานฟรีในช่วง 2 ปีแรก หลังจากนั้นจะมีค่าใช้จ่าย ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการฯ

12. Call Notes

ฟีเจอร์สรุปเนื้อหาจากการโทร สามารถเรียกดูได้ทั้งแบบที่สรุปเฉพาะประเด็นสำคัญมาแล้ว ใครโทรมา ตอนกี่โมง คุยกันเรื่องอะไร หรือเรียกดูแบบเวอร์ชันเต็ม (ฟูลทรานสคริปต์) ก็ได้เช่นกัน ฟีเจอร์นี้เป็นอีกฟีเจอร์ที่ประมวลผลแบบ on-device เพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน และสามารถเลือกที่จะปิดได้หากไม่ต้องการ

ราคาและการจำหน่าย

มือถือ Pixel 9 series ทุกรุ่นมากับชิปเซต Tensor G4 ในซีรีส์หลัก Pixel 9 และ Pixel 9 Pro มีแรมสูงสุด 16GB ความจุสูงสุด 1TB ราคาเริ่มต้น 799 ดอลลาร์ ส่วน Pixel 9 Pro Fold เคาะราคาเริ่มต้น 1,799 ดอลลาร์ แรมมีขนาดเดียว 16GB สตอเรจเลือกได้ระหว่าง 256GB และ 512GB เปิดให้พรีออร์เดอร์แล้วในประเทศที่วางจำหน่าย (ไม่มีไทย) ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป