หากใครที่กำลังมองหาหูฟังไร้สายแบบ True Wireless สำหรับออกกำลังกาย ที่สามารถทนน้ำ ทนเหงื่อ ทนฝุ่น ได้ และยังอยากได้คุณภาพเสียงดีๆ ด้วยแล้ว…วันนี้เรามี Plantronics BackBeat Pro 5100 ซึ่งเป็นหูฟัง True Wireless ระดับท็อปของแบรนด์มาแนะนำกันครับ
วัสดุและดีไซน์
Plantronics BackBeat Pro 5100 เป็นหูฟังบลูทูธแบบ True Wireless ซึ่งไม่มีสายอะไรมาเกะกะวุ่นวายเลย เพราะมันมีแค่ตัวหูฟัง 2 ข้าง เท่านั้นเอง โดยตัวหูฟังมีรูปร่างหน้าตาที่ออกแนวสปอร์ต ดูบึกบึนแข็งแรง ด้วยสีเทาเข้มออกดำๆ วัสดุเป็นพลาสติกแบบด้าน ที่ดูคล้ายๆ กับโลหะ งานประกอบดูแข็งแรงสมราคา และวัสดุก็ดูดีไม่ก๊อกแก๊กงอกง่อยราคาถูก
ข้างใต้หูฟังมีตัวอักษร R – L ขนาดใหญ่ บอกชัดเจนว่าข้างไหนซ้ายข้างไหนขวา ไม่เหมือนหูฟังบางรุ่นที่ไม่รู้จะชอบทำตัวอักษร R – L เล็กๆ แล้วไปซ่อนอยู่ตามซอกหลืบทำไม (ต้องหมุนดูจนรอบกว่าจะรู้ว่าข้างไหนเป็นข้างไหน)
เคสสำหรับชาร์จก็เป็นพลาสติกด้านสีดำสนิททั้งตัวเช่นกัน มีโลโก้ PLT อยู่ด้านบนฝา
ฝาเคสใช้ระบบล็อกด้วยสลักที่พอกดปุ่มปุ๊บ ฝาก็จะเด้งขึ้นมาปั๊บ
ใส่หูแล้วแน่นดีรึเปล่า?
Plantronics BackBeat Pro 5100 เป็นหูฟังที่เหมาะทั้งการใช้ในชีวิตประจำวัน เช่นการฟังเพลงอยู่บ้าน, ระหว่างเดินทาง, ระหว่างทำงาน เพราะรูปร่างหน้าตาที่ดูเรียบง่าย ไม่ได้ออกเป็นแนวสปอร์ตจ๋าเกินไป เพราะมันไม่ได้มีตะขอสำหรับเกี่ยวใบหูมาให้ด้วย แต่ถึงยังงั้นมันก็ยังใช้งานตอนออกกำลังได้ดีเลยทีเดียว เพราะน้ำหนักที่ค่อนข้างเบาและจุกหูฟังแบบพิเศษที่ติดแน่นแม้ไม่มีที่เกี่ยวหู จากที่ทดสอบด้วยการวิ่ง, ปั่นจักรยาน, ตีแบด หรือสะบัดหัว ก็ไม่มีหลุด
นอกจากนี้ Plantronics BackBeat Pro 5100 ยังได้รับมาตรฐานกันน้ำ (จืด) และกันความชื้นระดับ IPX4 ทำให้หมดห่วงไปได้เลย ว่าเหงื่อจะออกมากขนาดไหน หรือจะวิ่งกลางสายฝน หูฟังรุ่นนี้ก็ไม่พัง
การเชื่อมต่ออุปกรณ์
วิธีการเชื่อมต่อหูฟัง Plantronics BackBeat Pro 5100 เข้ากับอุปกรณ์ก็ง่ายๆ แค่กดปุ่มที่หูฟังด้านขวาค้างไว้ (หูฟังต้องปิดอยู่ก่อน) จะได้ยินเสียงว่า Pairing และมีไฟสีขาวแดงกระพริบขึ้นมา ก็กดค้นหาอุปกรณ์จากมือถือ ถ้าเจอ PLT BBPRO5100 ก็กดเชื่อมต่อได้เลย (**หูฟังรุ่นนี้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้แค่ครั้งละเครื่องเดียวเท่านั้น**)
หลังจากเชื่อมต่อครั้งแรกก็จะง่ายแล้ว เพราะแค่เราหยิบหูฟังออกมาจากเคส มันก็จะเชื่อมต่อให้โดยอัตโนมัติ
Plantronics BackBeat Pro 5100 ใช้เทคโนโลยี Bluetooth 5.0 ในการเชื่อมต่อ ถ้าใช้อุปกรณ์ที่รองรับ Bluetooth 5.0 เหมือนกัน ก็จะลดระยะดีเลย์ลงไปได้มากจนใช้ดูหนังหรือเล่นเกมได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ดีเลย์เลย เพราะถ้าสังเกตจริงๆ จากการดูหนัง ปากจะขยับเร็วกว่าเสียงนิดนึง หรือยิ่งเอาไปเล่นพวกเกมที่ต้องใช้การจับจังหวะ ก็จะยิ่งสังเกตได้ชัดว่ามันยังมีระยะดีเลย์อยู่นิดหน่อยจนทำให้เล่นลำบากหรืออาจเล่นไม่ได้เลย
จากการทดสอบใช้กับมือถือ Galaxy Note 8 ซึ่งใช้ Bluetooth 5.0 เหมือนกัน พบว่าการใช้งานปกติไม่มีปัญหากับการเชื่อมต่อ สัญญาณไปได้ไกลข้ามห้อง แต่ถ้าใช้บนรถไฟฟ้า หรือเดินห้าง ก็จะมีอาการสัญญาณรบกวนบ้างเป็นพักๆ แต่ก็ไม่ได้บ่อยนัก
การสั่งงานหูฟัง
ปกติแล้วถ้าเราเชื่อมต่อหุฟังเข้ากับมือถือหรือแทบเล็ต แล้วใช้งานเลย เราก็จะสามารถใช้ความสามารถได้แบบง่ายๆ เท่านั้น อย่างเช่นกดปุ่ม 1 ที เพื่อเล่น – หยุด เพลง หรือกด 2 ที ติดต่อกันเพื่อข้ามเพลง 3 ที เพื่อย้อนกลับ แต่ถ้าเราอยากได้ความสามารถที่มากกว่านั้น ก็ให้ไปดาวน์โหลดแอป BlackBeat มาติดตั้งซะก่อน
ภายในแอปเราก็จะเห็น Status ของตัวหูฟัง เมื่อเชื่อมต่อแล้ว ว่าแต่ละข้างมีแบตเตอรี่เหลืออยู่เท่าไหร่บ้าง
แถมเรายังสามารถตั้งค่าได้ว่าถ้าเราแตะ (คนละแบบกับการกดปุ่มนะครับ) ที่หูฟังด้านซ้าย 1 ครั้ง หรือ 2 ครั้ง จะเป็นการสั่งงานแบบไหน ไม่ว่าจะเป็น แตะแล้วเรียก Assistant, แตะแล้วเล่น Playlist ที่เลือกไว้ใน Spotify / Deezer หรืออื่นๆ
แต่การใช้ระบบสัมผัสด้วยการแตะดังกล่าว เราต้องเลือกว่าจะแตะเพื่อปรับระดับเสียง (แตะที่หูซ้ายแล้วเอานิ้วออกเพื่อเพิ่มเสียง แตะแล้วค้างไว้เพื่อลดเสียง) หรือจะเลือกเป็นระบบแตะเพื่อสั่งงานนะครับ
คุณภาพเสียง
Plantronics BackBeat Pro 5100 ไม่ใช่หูฟังที่มีพลังเสียงระดับเทพ ประเภทเสียงใสกังวาล ฟังแล้วแยกเครื่องเสียงได้ทุกชิ้นอะไรขนาดนั้น แต่เสียงที่ได้ก็ถือว่าดีสำหรับการฟังเพลงสนุกๆ เสียงสูงไม่บาดหู เบสมีแบบพอฟังสนุกไม่บวมไม่เบี้ยว แต่ก็ไม่ได้ทรงพลังแบบมาเป็นลูกๆ เหมาะกับการฟังเพลงแนวสนุกๆ แบบป๊อป, ร็อค หรือ EDM
เซ็นเซอร์อัตโนมัติ
Plantronics BackBeat Pro 5100 มีเซ็นเซอร์ตรวจจับว่าในขณะนั้นเราใส่หูฟังอยู่รึเปล่า ถ้าเรากำลังฟังเพลงอยู่แล้วถอดหูฟังออก เพลงก็จะหยุดเล่นอัตโนมัติ และหากเราใส่หูฟังกลับเข้าไป เพลงก็จะเล่นต่อให้ ซึ่งเรายังสามารถตั้งค่าผ่านแอป BlackBeat ได้อีกด้วยว่าหากมีสายเข้า แล้วถอดหูฟังออก เสียงสนทนาก็จะไปอยู่ที่มือถือแทน หรือจะตั้งให้ถอดหูฟังออกแล้วจะปิดไมค์อัตโนมัติก็ได้ โดยฟีเจอร์พวกนี้เราสามารถปิดได้ในแอปนะครับ
การใช้งานโทรศัพท์
Plantronics เคลมว่า Plantronics BackBeat Pro 5100 ใช้ระบบตัดเสียงด้วยไมโครโฟน 4 ตัว ร่วมกับเทคโนโลยีตัดเสียงแบบดิจิตอลแบบเดียวกับหูฟังบลูทูธซีรีส์ Voyager ทำให้เสียงสนทนาผ่านหูฟังไร้สายรุ่นนี้ ชัดเจนทั้ง 2 ฝั่ง ซึ่งจากการทดสอบก็พบว่ามันทำได้ดีจริงๆ แม้จะเดินอยู่ข้างถนน หรือบนรถไฟฟ้า เสียงสนทนาก็ยังคงชัดเจนอยู่ แต่ทางฝั่งเราอาจจะต้องพูดดังนิดนึง เพราะมันไม่มีไมค์ยื่นมาเหมือนหูฟังบลูทูธที่เน้นการโทรศัพท์เป็นหลัก เรายังสามารถใช้งาน Plantronics BackBeat Pro 5100 ข้างเดียวเพื่อโทรศัพท์หรือฟังเพลงก็ได้ แค่หยิบหูฟังข้างที่ต้องการออกมาจากเคส มันก็จะเชื่อมต่อข้างนั้นให้อัตโนมัติ
แบตเตอรี่
Plantronics บอกสเปคของ BackBeat Pro 5100 เอาไว้ว่าหูฟังแต่ละข้างสามารถฟังเพลงต่อเนื่องได้ถึง 6 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งเราก็ไม่ได้ทดสอบให้ดูขนาดนั้นนะครับ แต่ใช้งานจริงด้วยการฟังเพลงบนรถไฟฟ้า 2 ชม. เต็ม (ไป-กลับ) และฟังระหว่างนั่งทำงานอีกราวๆ เกือบ 2 ชม. ก็ไม่มีเสียงเตือนว่าแบตใกล้หมดแต่อย่างใด ส่วนการชาร์จไฟกลับเข้าตัวหูฟังด้วยเคสของมันเอง ทาง Plantronics บอกว่า 0% – 100% ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. ส่วนการชาร์จให้เต็มทั้งเคสและหูฟัง ใช้เวลา 3 ชม. ครับ
สรุป
ข้อดี
- แบตเตอรี่อึดมาก
- วัสดุ ดีไซน์ และงานประกอบดูดีมีราคา
- กันน้ำ
- ใช้คุยโทรศัพท์ได้ดี เสียงสนทนาชัดเจนกว่าหูฟัง True Wireless รุ่นอื่นๆ
- ใส่แน่นติดหู โดยไม่ต้องมีตะขอเกี่ยว
- ระบบ Bluetooth 5.0 ลดอาการหน่วงของเสียงลงไปได้เยอะแล้ว
- มีเซ็นเซอร์หยุดเล่นเพลงอัตโนมัติตอนถอดออก
ข้อติ
- คุณภาพเสียงยังอยู่ในระดับธรรมดา
- เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้แค่ทีละเครื่อง
- ตอนชาร์จแบตเตอรี่กลับไปที่เคสและหูฟัง ใช้เวลานานไปหน่อย
Plantronics BackBeat Pro 5100 เป็นหูฟังบลูทูธแบบ True Wireless ที่เรียกว่าครบเครื่องรุ่นนึงเลย ไม่ว่าจะใช้งานทั่วไป หรือจะใส่ตอนออกกำลังกายก็ไม่มีปัญหา ใช้คุยโทรศัพท์ก็ชัดเจนไม่แพ้พวกหูฟังบลูทูธที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานด้านนี้โดยเฉพาะ แถมแบตเตอรี่ก็ถือว่าอึดเข้าขั้นใช้กันได้จนแทบลืมไปเลย ใครที่สนใจก็สามารถหามาเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ตามร้านค้าที่เป็นตัวแทนจำหน่ายของ Plantronics ได้เลยในราคา 6,590 บาท ครับ
สนใจรุ่นนี้อยู่ คือผมใช้มาหลายตัวละ ทั้ง
B&O E8, Jabra E65T , Senn Momentum , Airpod
ไม่มีตัวไหนคุยโทรศัพท์สู้ airpod ได้เลย อยากลองตัวนี้บ้าง
ตัวนี้เสียงดีหลังที่เบิร์นมาแล้วครับ ก่อนเบิร์นเสียงเปิดสุดแล้วยังมีความรู้สึกว่าขับออกมาเบามาก เสียงยังไม่เข้าที่เข้าทางยังแป๋งๆ หลังจากเบิร์นแล้วเบสหนักขึ้น รายละเอียดมาครบ ส่วนเรื่องการคุยโทรศัพท์ดีกว่าหลายตัวที่ผมมีเลย ปลายสายไม่บ่น แต่ก็ยังเป็นรอง Airpods Pro อยู่เยอะเหมือนกันครับ ขานั้นการคุยโทรศัพท์เสียงชัดเจนใสกริ๊งเลย
แหล่มดีครับ 🙂 🙂