เชื่อว่าสาวๆ (หรือหนุ่มๆ) หลายคนต้องเคยเจอปัญหาถ่ายเซลฟี่ออกมาแล้วไม่สวย ปรับโหมดบิวตี้ซะจนคางแหลมเฟี้ยวก็แล้ว แต่ทำไมยังจมูกใหญ่ แก้มบานเบอะอยู่เลย…และจากการสำรวจในอเมริกาพบว่า เหตุผลของคนไข้ที่อยากจะเข้ารับการศัลยกรรมใบหน้า จำนวน 55% เป็นเพราะต้องการให้ถ่ายเซลฟี่ออกมาแล้วดูดีกว่าเดิม ซึ่งเหล่าหมอศัลยกรรมถึงกับต้องออกโรงเตือนว่า นั่นเป็นวิธีแก้ที่ผิดถนัดเลยทีเดียว

นักวิจัยจากโรงเรียนแพทย์ Rutgers New Jersey Medical School ออกโรงเตือนหนุ่มสาวที่นิยมถ่ายเซลฟี่ด้วยมือถือ ว่าการถ่ายรูปหน้าตัวเองจากกล้องที่อยู่ในระยะใกล้ๆ แค่ช่วงแขน แล้วรูปออกมาไม่สวย ผิดสัดส่วน จมูกใหญ่ ฯลฯ เป็นเรื่องธรรมชาติของกล้องอยู่แล้ว เพราะอะไรก็ตามที่อยู่ใกล้เลนส์กล้องที่สุด (ในกรณีถ่ายเซลฟี่ ก็คือจมูก) เมื่อถ่ายออกมาแล้วจะมีขนาดที่ใหญ่กว่าความเป็นจริง

ทีมนักวิจัยดังกล่าวได้ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลสัดส่วนใบหน้าจากภาพถ่ายเซลฟี่ของกลุ่มคนทั้งชายและหญิงหลายๆ คนในอเมริกา และพบว่าภาพถ่ายใบหน้าที่ระยะห่าง 12 นิ้ว (ระยะที่คนทั่วไปใช้ถ่ายเซลฟี่) จะได้รูปภาพที่มีจมูกใหญ่กว่าปกติถึง 30% และปลายจมูกที่ใหญ่กว่าเดิมอีก 7% ในขณะที่ความกว้างของใบหน้ายังคงเท่าเดิม แต่ถ้าระยะการถ่ายไกลออกไปที่ 60 นิ้ว (5 ฟุต) ภาพถ่ายของใบหน้าจะมีสัดส่วนเป็นปกติ

และจากที่บอกไปแล้วว่ามีคนไข้จำนวนถึง 55% ที่ต้องการโมหน้าใหม่ เพื่อให้ถ่ายเซลฟี่ออกมาสวยกว่าเดิม ซึ่งเหล่าหมอศัลยกรรมก็จะทำการถ่ายรูปของคนไข้ให้ดูใหม่ โดยใช้ระยะการถ่ายที่ 5 ฟุต (น่าจะเป็นการให้คนไข้ตัดสินใจใหม่ว่าจะผ่าหรือไม่ผ่า) และถ้าเกิดคนไข้ได้ทำหน้าตามที่ต้องการแล้ว รูปถ่ายเซลฟี่อาจจะออกมาสวย แต่หน้าจริงอาจดูประหลาดไปเลยก็ได้

หมอศัลยกรรมได้ทิ้งท้ายเอาไว้ว่า “พวกหนุ่มๆ สาวๆ ควรจะรู้เอาไว้ว่าภาพจากการถ่ายเซลฟี่บางทีมันก็ไม่ตรงกับหน้าจริงหรอก คุณดูดีอยู่แล้ว อย่ากังวลนักเลย…ภาพเซลฟี่ที่ออกมาบางทีมันก็เหมือนกับห้องกระจกในสวนสนุกนั่นแหละ”

รู้แบบนี้แล้วก็ไม่ต้องกังวลไปเมื่อถ่ายเซลฟี่ออกมาแล้วหน้าบาน จมูกใหญ่ แขนใหญ่ ฯลฯ ลองใช้ไม้เซลฟี่หรือให้เพื่อนขยับออกไปซัก 5 ฟุต แล้วถ่าย ภาพที่ออกมาอาจจะสวยกว่าเดิมก็ได้นะ…ไม่ต้องถึงกับไปโมหน้าใหม่ให้เจ็บตัวหรอก

 

ที่มา : Thegaurdian