หลังจากที่ BlockChain เริ่มเข้ามามีบทบาทกับชีวิตมากขึ้น ทางกรมศุลกากรจึงเริ่มเห็นประโยชน์จากการใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อหวังผลลดการทุจริตในการขนส่งและลดขั้นตอนการส่งที่ล่าช้า ซึ่งได้ร่วมมือกับบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการไอทีอย่าง IBM โดยใช้แพลตฟอร์ม TradeLens เพื่ออำนวยความสะดวกในการค้าระหว่างประเทศมาใช้กับการขนส่งท่าเรือประเทศไทย

TradeLens คือ แพลตฟอร์มที่ถูกพัฒนาโดย IBM ที่ใช้เทคโนโลยี Blockchain มาปรับแต่งให้เข้ากับกระบวนการขนส่งผ่านท่าเรือ ซึ่งเปิดให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการขนส่งทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นผู้ส่งสินค้า บริษัทเรือ  หน่วยงานด้านภาษี ท่าเรือ ผู้สั่งสินค้า ฯลฯ ได้ข้อมูลเอกสารดิจิตอลชุดเดียวกันหมด สามารถติดตามได้ว่าสินค้าตอนนี้อยู่ที่ไหนแบบเรียลไทม์ คล้ายกับการที่เราซื้อสินค้าผ่าน Lazada หรือ Shopee

จากรูปสไลด์จะเห็นว่ากว่า 90% ของการขนส่งสินค้าจากประเทศหนึ่งไปอีกประเทศหนึ่งต้องใช้เอกสารกว่า 200 ฉบับ และใช้คนงานกว่า 300 คน ในการจัดการ และมีจุดเช็คพอยต์ถึง 7 จุด โดยเจ้าตัว Blockchain นี้จะเองก็มาช่วยลดขั้นตอนการทำงานตรงนี้ที่ซ้ำซ้อนล่าช้า ช่วยประหยัดทรัพยากร ลดการทุจริต และเมื่อประเทศไทยนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ ต่างชาติก็อยากจะให้การยอมรับมาร่วมธุรกิจมากขึ้น

ก่อนหน้านี้ท่าเรือประเทศไทยก็ใช้เป็นระบบเก่าใช้แผ่นเอกสารกระดาษ เช็คตรวจธรรมดาตามปกติ ทำให้อาจจะเกิดความล่าช้าหรือเกิดการทุจริตได้ง่าย เช่น สั่งสินค้าจากต่างประเทศมาอย่างหนึ่งแต่ใบสำแดงเป็นอีกอย่างหนึ่งไม่ตรงกัน หรือบางทีเอกสารศูนย์หาย ติดตามของไม่ได้บ้าง เก็บภาษีไม่ได้เท่าที่ควรบ้าง ซึ่งทางศุลกากรต้องการแก้ไขปัญหาตรงนี้ให้มีความถูกต้องเที่ยงธรรมมากขึ้น และพยายามให้ผู้ซื้อสามารถรับของอยู่บ้านได้โดยออกมาเจอเจ้าหน้าที่ให้น้อยที่สุดนั่นเอง

นอกจากนี้ประเทศไทยเองก็ถือเป็นประเทศที่ 2 ในอาเซียนที่ใช้งานระบบ Blockchain กับท่าเรือ ต่อจากประเทศสิงคโปร์ ซึ่งในอนาคตเองบอกเลยว่าบริษัทไหนสั่งของมาเยอะๆ แล้วใบสำแดงหรือใบ Invoice ไม่ตรงกับสินค้าที่ส่งมาจริงรับรองว่ามีเรื่องแน่ๆ เพราะการที่จะปลอมแปลงอะไรก็ตามบนเทคโนโลยี Blockchain แทบจะเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว และที่สำคัญเลยคือกรมศุลกากรจะเก็บภาษีการนำเข้าสินค้าจากตรงนี้ได้ดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอนครับ