วนมาครบปีกันจนได้กับงาน Google I/O ที่ทางกูเกิลจัดขึ้นเพื่อเปิดตัวและนำเสนอความคืบหน้าของเทคโนโลยีที่ทางกูเกิลได้คิดค้นและพัฒนาขึ้น โดยงานในปีนี้ก็ยังคงใช้ชื่อเดิมตามด้วยเลขปีคือ Google I/O 2015 และส่วน Keynote ของงานหรือช่วงหลักนั้นก็จะเริ่มขึ้นในคืนนี้เวลา 23.30 น. ตามเวลาประเทศไทย (คือเวลา 9.30 ที่ซานฟรานซิสโก) 

เมื่อปีที่แล้วทางกูเกิลก็ได้เปิดตัวอะไรใหม่ๆ หลายอย่างไม่ว่าจะเป็น การเผยโฉมครั้งแรกของ Material Design และ Android L, นโยบาย Android One, Android Wear, Android Auto, Android TV, พีเจอร์ใหม่ๆ ของ Chromecast รวมถึงการแจกแว่น Cardboard สำหรับสร้างมุมมอง Virtual Reality ด้วยมือถือ 

ปีนี้ก็เป็นอีกปีที่น่าติดตามกันว่ากูเกิลมีของดีของเด็ดอะไรจะมาโชว์อีกบ้างเพราะแต่ละปีกูเกิลก็จะมีของมาเซอร์ไพรส์พวกเราเสมอ เอาล่ะ เรามาดูกันครับว่าในงาน Google I/O 2015 ที่จะเปิดม่านในค่ำคืนนี้มีประเด็นอะไรที่น่าติดตามบ้าง

Android M

ค่อนข้างจะเป็นที่แน่ชัดแล้วว่ากูเกิลจะเปิดตัว Android รุ่นใหม่ในงานนี้ โดยเป็นรุ่นที่อักษรเพิ่มลำดับจาก L ไปสู่ M ในส่วนของชื่อเต็มนั้นยังไม่มีการประกาศออกมา แต่มีชื่อเรียกกันภายในว่า Macadamia Nut Cookie ครับ สิ่งที่เราจะได้เห็นเกี่ยวกับ Android M นั้นได้แก่ 

  • การพัฒนาประสิทธิภาพของ Android for Work 
  • การจัดการ Permission ของแอปพลิเคชันที่ดีขึ้น โดยจะทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกอนุญาตการเข้าถึงของแอปเป็นรายการได้
  • เพิ่มการรองรับการสแกนลายนิ้วมือและ Fingerprint API 
  • Android Pay จะเข้ามาแทนที่ Google Wallet 
  • Hangout จะเจ๋งขึ้น ด้วยฟีเจอร์จาก Emu แอปแชทที่กูเกิลได้เข้าซื้อไป
  • Google Calendar จะช่วยจัดตารางงานให้กับคุณ ด้วยการผสมผสานการทำงานกับแอป Timeful ที่กูเกิลได้ซื้อไป 
  • รองรับการทำงานแบบ multi-window ที่ทำให้เปิดหลายแอปพร้อมกันในหน้าจอเดียวได้

Android Auto

ปีที่แล้วกูเกิลได้เปิดตัว Android Auto ที่เป็นแพลคฟอร์ม Android สำหรับรถยนต์ โดยในตอนนี้ก็มีหลายบริษัทได้ผลิตฮาร์ดแวร์ออกมาขายกันแล้ว กูเกิลวางแผนที่จะผลักดันให้ Android Auto นั้นกลายเป็นระบบปฏิบัติการณ์ Infotainment หรือก็คือเป็นระบบที่ให้ทั้งข้อมูลและความบันเทิงแก่ผู้ใช้รถยนต์ โดยจะแยกต่างหากออกมาไม่ต้องอาศัยอุปกรณ์ Android ต่อพ่วงอีกแล้ว ซึ่งคาดการทำงานนั้นจะครอบคลุมไปถึงการควบคุมการทำงานต่างๆ ของรถยนต์อย่างเครื่องเสียงและระบบแอร์ด้วย

เทคโนโลยีโลกเสมือน Virtual Reality

ปีที่แล้วกูเกิลได้แจก Cardboard ที่เป็นแว่น VR สำหรับใช้กับมือถือได้ โดยเป็นการมองจอมือถือผ่านเลนส์ และยังได้ร่วมกับ Viewmaster สร้างของเล่นสำหรับใช้กับแว่น VR อีกด้วย ดูเหมือนว่ากูเกิลก็สนใจในด้านนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว มีข้อมูลว่าในช่วงที่ผ่านมานี้หัวหน้าทีมออกแบบของกูเกิล Jon Wailey ได้ไปร่วมวงกับทีมวิจัย VR ของกูเกิลด้วย และภายในงาน Google I/O 2015 ก็มีช่วงที่กูเกิลจะพูดเกี่ยวกับ VR เช่นกัน จึงมีความเป็นไปได้สูงที่กูเกิลกำลังพัฒนาสิ่งที่เกี่ยวกับ VR และอาจจะมีอะไรมาทำให้เราประหลาดใจในงานนี้ก็ได้

Theme Engine

เป็นฟีเจอร์ที่จะทำให้ผู้ใช้งาน Android สามารถปรับแต่ง Theme ที่แสดงผลในเครื่องได้ แต่เดิมนั้นเป็น Theme Engine เป็นฟีเจอร์ในโครงการ AOSP (Android Open Source Project) ที่ใช้ชื่อว่า Runtime Resource Overlay (RRO) ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย Sony และในตอนนั้นก็ไม่รองรับกับ Android Lollipop ทำให้ไม่มีใครนำมาใช้ จนกระทั่ง Sony ได้อัพเดตให้ใช้งานได้ก็ถูกนำไปใช้โดย HTC และ Samsung ในขณะที่กูเกิลเองยังไม่ได้นำไปใช้ ด้วยความสามารถของ Theme Engine ที่เป็นการปรับแต่งหน้าตา UI เฉพาะ Theme น่าจะทำให้การอัพเดต Android เป็นไปได้ง่ายขึ้น โดยการที่ใช้โค้ด Android ดั้งเดิมและให้ผู้ผลิตพัฒนา Theme แทน และผู้ใช้งานยังสามารถสลับ Theme ได้ตามต้องการอีกด้วย

การกลับมาของ Google Glass

ซุ่มเงียบแอบพัฒนากันมานานมากแล้ว หลังจากที่เลื่อนขั้นหลุดออกจาก Google X Lab ไปสู่การพัฒนาจริงจังที่นำทีมโดย Tony Fadell บิดาผู้ให้กำเนิด iPod มาเป็นผู้ออกแบบ จากข้อมูลระบุว่า Glass รุ่นใหม่นั้นจะมาพร้อมกับดีไซน์ใหม่ทั้งหมด ใช้ชิปประมวลผลของ Intel และยังได้มีการจับมือเป็นพันธมิตรกับยักษ์ใหญ่วงการแว่นอย่าง Luxottica อีกด้วย ไหนจะยังมีการวางแผนที่จะพัฒนารุ่นต่อไป (รุ่น 3) แล้วอีกต่างหาก ข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมาก็ทำให้คาดการณ์ได้ว่าเราน่าจะเจอ Glass รุ่น 2 ในงาน Google I/O นี้แน่นอน

Android Wear สำหรับ iOS 

เนื่องจากมีคนไปค้นพบข้อความในแอปของ Android Wear และพบข้อความที่เกี่ยวข้องกับ Apple ได้แก่ “com.apple.AppStore”, “com.apple.tips” และ “com.apple.Tap-to-Radar” ซึ่งก็แลดูจะหมายถึง Apple ที่เป็นบริษัทผู้ผลิต iOS อย่างแน่นอน ถ้าหากว่ามีการนำไปใช้บน iOS จริงล่ะก็กูเกิลจะใช้ชื่อว่าอะไรก็ยังไม่ทราบ เพราะใน App Store ระบุไว้ว่าหากมีการกล่าวถึงแพลตฟอร์มของมือถือยี่ห้ออื่นละก็จะถูกนำออกจาก Store

Smart Home และระบบปฏิบัติการณ์สำหรับ Internet of Things

หลังจากที่กูเกิลได้เข้าซื้อ Nest บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์สำหรับ Smart Home ไปก็เป็นเวลาหลายปีแล้ว ในงาน Google I/O ครั้งนี้กูเกิลน่าจะมีอะไรใหม่ๆ ออกมาให้เราเห็นกัน เพราะกระแสเทคโนโลยี Internet of Things นั้นก็เริ่มมาแรงขึ้น กระแสของ Smart Home ก็จะขับเคลื่อนตามกันไปด้วย อีกประเด็นก็คือข่าวที่ว่ากูเกิลกำลังซุ่มพัฒนาระบบปฏิบัติการใหม่ที่แตกย่อยออกมาจาก Android ชื่อว่า Brillo โดยจะเป็นระบบที่มีขนาดเล็กลงที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับอุปกรณ์ Internet of Things และคาดว่าจะถูกนำไปใช้เป็นระบบของอุปกรณ์ Smart Home ของกูเกิลเองด้วย โดยแนวคิดของ Internet of Things คร่าวๆ ก็คือการที่อุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ เช่น หลอดไฟ ตู้เย็น แอร์  มีหน่วยประมวลผลของตัวเองและประมวลผลข้อมูลในงานของอุปกรณ์นั้นๆ เพื่อที่จะส่งข้อมูลให้กับระบบใหญ่หรือผู้ใช้ได้นำมาใช้ประโยชน์ต่อได้นั่นเอง

และอื่นๆ อีกมากมาย โดยมีหัวข้อสิ่งที่น่าสนใจดังนี้

  • การควบคุมการแจ้ง Notification ที่ดีขึ้น
  • ทดลองใช้งานแอปได้โดยไม่ต้องติดตั้ง
  • Custom Voice Actions และ API ที่ทำให้แอปภายนอกสร้างคำสั่งเสียงของตนเองได้
  • Google Now API สำหรับให้แอปภายนอกเรียกใช้งานได้
  • เปิดตัว Chromecast 2 ที่รองรับ Wi-Fi มาตรฐาน 802.11 AC และการเชื่อมต่อที่ความถี่ 5GHz 
  • ความคืบหน้าของ Project Ara
  • Google’s Skybox มองความเป็นไปบนโลกแบบ real-time
  • การยืนยันตัวตนแบบใหม่ที่ไม่ต้องใช้ Password
  • Google Play Store จะเข้าสู่ในประเทศจีน
  • สมาร์ทวอทช์ของ Tag Heuer ที่ร่วมพัฒนากับ Google และ Intel ใช้งานได้ 40 ชั่วโมง ราคาสูงถึง $1,400 หรือราว 4x,xxx บาท
  • Play Store และบัญชีกูเกิลแบบใหม่สำหรับเด็ก
  • Google Photo แอปใหม่สำหรับจัดการภาพจาก Google
  • ฟีเจอร์ใหม่ของ YouTube 
  • Orange Planking Hood @ Google I/O 2015

สำหรับเนื้อหาที่เราได้ยกมานั้นจะถูกต้องตรงกับภายในงานแค่ไหนนั้นยังคงต้องติดตามกันดูครับ โดยงาน Google I/O 2015 นั้นเริ่มขึ้นในเวลา 23.30 น. ของวันนี้นะครับ สำหรับผู้ที่อยากชมการถ่ายทอดสดสามารถติดตามได้ที่หน้าเว็บไซต์ของ Google I/O ได้เลยทางนี้ครับ สำหรับผู้ที่ไม่ได้ติดตามถ่ายทอดสดก็สามารถรออ่านสรุปประเด็นและเรื่องราวต่างๆ ในงานได้หลังงานจบได้ที่เว็บ Droidsans ครับ

 

ที่มา: Ars Technica