นับเป็นค่ายมือถือที่ตอนนี้ร้อนแรงไม่แพ้ใคร สำหรับ Asus หลังจากปล่อย Zenfone ออกมาลุยตลาดไปในช่วงต้นปี มาตอนนี้ปลายปี เปิดราคา Asus Padfone S เพียง 9,999 บาท พร้อมเปิดให้ลองสัมผัสอและจองกันในงาน Thailand Mobile Expo 2 ตุลาคมนี้

เอาเป็นว่าไม่ต้องอธิบายมาก มาลองสัมผัส พรีวิว Asus Padfone S กันเลยดีกว่า

หน้าตากล่อง Asus Padfone S ก็มาดีไซน์เดียวกับ Zenfone ภายในมีตัวเครื่อง Padfone S ชุดหูฟังและสายชาร์จเสร็จสรรพ ดีไซน์ตัวเครื่องนั้นเป็นคนละแบบกับสาย Zenfone

 

หน้าจอ IPS Full HD ขนาด 5 นิ้วสีสันและความคมชัดมาเต็ม ชอบสีจัดๆ ก็เปิด Vivid Mode เร่งสีได้ กล้องหน้าความละเอียด 2MP ส่วนปุ่ม Home, Back, Recent App เป็นปุ่มเสมือนอยู่ในหน้าจอตามภาพ

ขอบด้านข้างตัวเครื่อง Padfone S นั้นเป็นพลาสติกเคลือบสีเงิน ขัดลาย Brush metal โดยรอบ ปุ่ม Power และ ปุ่มปรับเสียงจะอยู่ทางด้านขวาทั้งหมด (เวลาหันหน้าจอเข้าหาตัว) ส่วนอีกฝั่งไม่มีปุ่มอะไรเลย ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. อยู่ที่ด้านบนของตัวเครื่อง

ฝาหลังเป็นพลาสติก เคลือบวัสดุคล้ายยาง จับแล้วฝืดๆ ไม่ลื่นมือ ส่วนกล้องหลังความละเอียด 13MP พร้อม LED Flash และช่องลำโพง เท่าที่ลองฟังเพลงจากลำโพงด้านหลังมันไม่ดังเท่า Zenfone

ส่วนช่องเสียบสายชาร์จนั้นอยู่ด้านล่างของตัวเครื่อง ส่วนไอ้รูกลมๆ ข้างๆ ช่อง micro USB นั้นไม่ต้องสงสัยว่ามันคืออะไร มันเอาไว้เชื่อมต่อกับ Padfone Station หรือตัวแท็บเล็ตนั่นเอง เพราะปกติแล้วซีรี่ย์ Padfone นั้นจะขายพร้อมกับตัว Tablet Station ด้วย (แต่เหมือนว่า Asus ประเทศไทยจะไม่เอาตัว Tablet Station มาขาย)

ฝาหลังของ Padfone S สามารถแกะออกมาได้ แต่เปลี่ยนแบตไม่ได้นะครับ เพราะมันฝังมากับตัวเครื่อง ที่ออกแบบมาให้แกะฝาหลังได้นั้นเพื่อใส่ซิมการ์ด (micro SIM) และเพิ่มเมมด้วย micro SD (สูงสุด 128GB)

ถ้าสังเกตุที่ฝาหลังจะเป็นแผงวงจรอยู่ นั่นคือแผงวงจรของ NFC และ qi wireless charge ครับ ซึ่งทาง Asus ฝังมาไว้ด้วยกันเลย ไม่ต้องไปหาซื้อฝาหลัง wireless charge เหมือนค่ายอื่นๆ แถมยังสามารถนำไปวางกับแท่นชาร์จไร้สายของค่ายไหนก็ได้ เพราะ qi นั้นเป็นมาตรฐานสากล

Padfone S นั้นมาพร้อมกับ Android KitKat 4.4 และ Zen UI ใครที่เคยใช้ Zenfone มาแล้วก็ต้องบอกว่ามันเหมือนกันครับ แต่ Padfone S นั้นมาในสเปคที่แรงกว่าด้วยชิพ Snapdragon 801 (MSM8974AB) และขนาดเครื่องที่เล็กกว่านิดหน่อย

จากเท่าที่ลองๆ จับและใช้งานมาสักพัก พบว่าขอบสีเงินข้างๆ จอนั้นมันนูนขึ้นมานิดนึง เวลาใช้งานมือเดียวแล้วต้องเอื้อมไปอีกฝั่งไอ้ขอบตรงนี้มันจะขวางๆ ไว้หน่อย ผมเลยรู้สึกรำคาญนิดๆ

โหมดกล้องของ Padfone S นั้นก็มาแบบเดียวกับ Zenfone ครับ ลูกเล่นเท่าๆ กัน แต่ของ Padfone S นั้นจะมีเรื่องของการถ่ายวิดีโอแบบ Ultra HD หรือ 4K เพิ่มมาด้วย เพราะชิพ Snapdragon 801 รองรับตรงนี้

คราวนี้มาถึงเรื่องที่หลายๆ คนที่ใช้ my, truemove H และ dtac กังวลกัน นั่นก็คือสเปคของ Padfone S นั้นไม่รองรับ 3G 850 แต่ 4G นั้นรองรับคลื่น 2100 ของบ้านเราด้วย

ซึ่งจากการทดสอบ 4G นั้นพบว่า Padfone S สามารถใช้งานได้ทั้งของ dtac และ truemove H

แต่สำหรับคลื่น 3G 850 นั้น ผมได้ทำการทดลองกับซิมของ my by CAT ที่ใช้งานเฉพาะคลื่น 850 เท่านั้น ผลปรากฏว่าไม่สามารถจับสัญญาณได้เลย พอลองให้มันค้นหาเครือข่ายก็พบว่าเจอแค่ 3G 2100 เท่านั้น เช่น dtac Trinet และ True 3G+ 

สรุป ณ ตอนนี้ Padfone S ไม่สามารถใช้ 3G 850 ได้ครับ (แต่ก็ยังไม่รู้ว่าทาง Asus ประเทศไทยจะมีการแก้ไขหรือปรับสเปคหรือเปล่า)

 

อย่างที่บอกครับว่า Asus Padfone Series นั้นมาพร้อมกับการเชื่อมต่อประกอบร่างระหว่างมือถือกับ Tablet แต่ตามข้อมูลในเบื้องต้นนั้นบ้านเราจะยังไม่มี Tablet หรือ Padfone Station มาขาย (ที่ต่างประเทศขายตัว Padfone Station ราวๆ 5-6 พันบาท)

ซึ่ง Padfone S นั้นก็ต้องใช้ร่วมกับ Padfone S Station เท่านั้น ทาง droidsans มีโอกาสได้ลองทดสอบ Padfone Station ด้วย (มีเพื่อนซื้อมา) ดังนั้นเลยขอเอามาแชร์ให้ดูกันสักหน่อย

ตัว Padfone S Station นั้นมีหน้าจอขนาด 9 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1200 มีแบตมาในตัว 4,990 มิลลิแอมป์ ตัวแท็บเล็ตเองนั้นไม่มี CPU หรืออะไรเลย คือตัวมันเองไม่สามารถใช้งานทำอะไรได้ทั้งสิ้น ต้องเอา Padfone S มาเสียบก่อนเท่านั้น จึงจะสามารถใช้งานได้

เวลาจะใช้งานเราก็ต้องเอา Padfone S มาเสียบไว้ที่ด้านหลังแบบนี้ 

แล้วเราก็จะได้ Tablet ขนาด 9 นิ้วพร้อมใช้งานทันที สำหรับ Padfone S Station นั้นมีลำโพงคู่ด้านหน้าตัวเครื่องครับ แต่หลังจากที่ลองเปิดฟังแล้ว ก็พบว่าเสียงมันไม่ได้ดังมากอีกแล้ว คือเปิดเทียบกันแล้ว One M8 ยังดังกว่าซะอีก


ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Padfone S