เรียกได้ว่าช็อคถล่มวงการ Android ราคาประหยัดกันไปตั้งแต่ตอนเปิดตัว สำหรับ Asus Zenfone 4 ที่เปิดราคาเพียง 2,990 บาท พร้อมกับสเปคที่ตอนแรกๆ ผมอ่านแล้วก็มั่นใจว่ามันต้องเขียนผิดแน่ๆ มือถือราคาไม่ถึง 3000 ทำไมจะได้กล้อง auto focus แถมยัง RAM 1GB อีกต่างหาก

แต่พอได้ลองไปจับของจริง ลองเล่นดูแล้ว แม่เจ้า สเปคเค้าพิมมาถูกแล้ว มันได้ตามนั้นจริงๆ Zenfone 4 นี่เป็นรุ่นสุดคุ้มแบบไม่ต้องคิดเยอะ เพราะความสามารถเกินราคามากๆ ส่วน Zenfone 5 และ Zenfone 6 นั้นถือว่าแจ่มเหมือนกัน เพราะฉะนั้นมาพรีวิว Asus Zenfone กันเลยดีกว่า 

 

แต่ก่อนจะได้เห็นเครื่องเนี่ย เจอน้องๆ เค้าดักอยู่บริเวณหน้างาน ต้องลงทะเบียนลงชือกันซะก่อน จริงๆ อยากจะเดินเข้าไปเล่นเครื่องแล้วนะเนี่ย อ๊ะ! ก็ได้ ผมก็จัดการลงชื่อซะให้เรียบร้อย แถมเบอร์โทร และ ID LINE ให้น้องเค้าไปด้วย แต่น้องเค้าไม่เอา  😥

 

เดินเข้ามาอีกน้องเค้ายืนคอยแนะนำ Asus fonepad รุ่นต่างๆ ที่ขายในบ้านเราอยู่ คือดูไปดูมาเนี่ยเหมือน Asus จะซอยรุ่น fonepad เยอะมากๆ เลย ก่อนจะเดินต่อเลยลองถามน้องเค้าว่าสนใจเบอร์โทรกะ ID LINE พี่ไหม.. น้องเค้าไม่เอาอีกแล้ว ฮือ~  😥

 

และแล้วก็มาถึงบริเวณทดสอบเครื่อง จัด จัด จัด จั๊ด ด๊า ดา ด้า ดั้ด ขอผมจับขอผม touch ขอสัมผัสได้มั้ยจ๊ะ

 

ฝ่าด่านน้องๆ Sailor moon มาได้ ก็ได้ขอน้องเค้าจับแล้วเย้ๆ จับเครื่องนะ! ที่ผมอยู่ในมือนั่นคือ Zenfone 5 ครับ 

 

เนื่องจากเปิดตัวทีเดียวเยอะจัด คนเดียวถือไม่ไหว เลยต้องให้น้องเค้ามาช่วยนิดนึง ภาพนี้เปรียบเทียบขนาดของ Zenfone 4, 5 และ 6 ได้ชัดสุดๆ คือมันใหญ่แบบก้าวกระโดดเหมือนกันนะ จากรุ่นไปอีกรุ่นเนี่ย

 

Asus Zenfone 4

เริ่มกันที่ Asus Zenfone 4 ที่มาพร้อมสเปคชอบหนุ่มโสด ขาวๆ ไม่ผอมไม่อ้วน แต่งตัวดูสมาร์ท #ผิด สเปคของ Asus Zenfone 4 ที่น่าสนใจคือ CPU Dual-core 1.2 GHz, RAM 1GB, ROM 8GB ใส่ MicroSD เพิ่มได้, กล้องหลัง 5MP Auto-focus (ไม่มี LED Flash) กล้องหน้า VGA

ขนาดของตัวเครื่องเวลาถือนั้นเล็กใหญ่แค่ไหน สังเกตุได้เลยจากภาพที่น้องเค้าถืออยู่นะครับ บางคนบอกเวลาดูพวกพรีวิว รีวิวแล้วอยากรู้ขนาดเครื่องจริงๆ บางทีกะไม่ถูก เราเลยเอาภาพพร้อมคนถือมาให้ดูกัน

ผมลองถือแล้ว น้ำหนักเบามาก วัสดุถือว่าดี งานประกอบใช้ได้เลยทีเดียว หน้าจอ 4 นิ้วคมชัดสีสันสดใส การทำงานของ UI ก็ลื่นไหลไม่มีสะดุด ถือว่าตัว ROM ทำออกมาได้ดีทีเดียวครับ แต่อันนี้คือลองเปิดไปเปิดมาระหว่างหน้าจอและแอพต่างๆ ในตัวเครื่องเท่านั้นนะครับ ยังไม่ได้ลงแอพอื่นๆ เพิ่มเติมเข้าไป

 

ปุ่มกดต่างๆ อยู่ที่ด้านข้างของตัวเครื่องขวาสุดคือปุ่ม power ถัดมาก็ปุ่มปรับเสียง ไอ้ปุ่มสีโครเมี่ยมแบบนี้เสียวเหมือนกันว่ามันจะลอกไหมถ้าใช้ไปนานๆ ส่วนของฝาหลังนั้นเวลาปิดก็จะเปิดส่วนทีเป็นสีออกมาทั้งอันเลย ด้านในก็จะเป็นช่องใส่ซิมการ์ด 2 ช่อง และช่อง micro SD 1 ช่อง รุ่นนี้แบตเตอรี่ถอดเปลี่ยนได้นะครับ (แต่ไม่รู้จะมีแบตขายหรือเปล่า)

 

ฝาหลัง 5 สีของ Zenfone 4 นั้นพวกสีฟ้า สีเหลือง สีแดง นี่โดนมาก ส่วนขาวกะดำมันก็เฉยๆ อะนะ อ่อ ผิวสัมผัสของฝาหลังนั้นเป็นผิวลื่นๆ แต่เคลือบแบบด้านมานะครับ ถือแล้วไม่มีรอยนิ้วมือติดแน่นอน

 

อย่างที่บอกไว้ข้างต้นครับ ได้โอกาสจับเครื่องแล้ว อย่างแรกที่ผมทำคือเข้ากล้องลองเทสต์ก่อนเลยว่า 5MP Auto Focus จริงหรือเปล่า สรุปจริง! แถมโฟกัสไว สภาพแสงในห้องจัดโชว์เนี่ย ใช้เวลาโฟกัส ไม่เกิน 1 วินาที ไวเหมือนกันนะ ส่วนชัตเตอร์ก็แตะปุ๊บถ่ายปั๊บ เซฟภาพทันที

 

พอลองดูโหมดการถ่ายภาพ.. เหยด มือถือราคา 2,990 บาท มีโหมดกล้องครบขนาดนี้ก็เพิ่งเคยเห็นนี่แหละ ทั้ง HDR, Smart Remove ลบคนอื่นออกจากภาพ, Dept of Filed ถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ, Beauty Mode ถ่ายภาพหน้าสวยใสวิ้ง แล้วก็ Time Rewind ถ่ายภาพรัว 2 วินาที แล้วให้เราเลือกภาพที่ดีที่สุดได้ (ลองไปดูในคลิปวิดีโอด้านล่างได้ครับ)

 

แต่เท่าที่ยืนลองเล่นอยู่ก็เจอบั๊กนิดนึงในโหมดกล้องครับ คือบางทีเข้ากล้องไปแล้วกดอะไรไม่ได้เลย แตะปุ่มไหนก็ไม่ไป ต้องออกไปหน้า Home แล้วเข้ามาใหม่ ก็จะใช้งานได้ปกติ

กำลังจะเดินไปลองเล่นรุ่นอื่นต่อ แต่สายตาผมมองไปเห็นน้องพริตตี้เค้ายืนเล่นอยู่ เลยเดินไปถามว่าเค้าชอบ Zenfone ตรงไหน แล้วตอนนี้เล่นแอพหรือโหมดไหนอยู่จ๊ะ

 

น้องเค้าก็เปิดกล้องหน้าขึ้นมาถ่าย Selfie ให้ดู แล้วก็บอกว่าชอบกล้องหน้า เพราะมันเลือกปรับหน้าเรียว ตาโต หน้าใส ได้จาก icon รูปหน้าคน 4 คนที่เรียงกันอยู่ได้ทันที ปรับได้ถึง 5 ระดับ และเครื่องที่น้องเค้าถืออยู่นั่นก็ Zenfone 4

 

Asus Zenfone 5

ถัดมา Asus Zenfone 5 กับสเปคชอบหล่อล่ำจะตี๋หรือไทยก็ได้หมด แอร๊ย! ผิดอีกแล้ว สเปคของ Asus Zenfone 5 นั้นถือว่าอยู่ในช่วงกลางๆ กับราคา 5,990 บาท ถ้าเทียบกับรุ่นอืนๆ ในตลาดครับ เพราะทั้งขนาดหน้าจอ CPU และ RAM นั้นไม่ได้โดดเด่นเท่าไหร่ จริงๆ ตัว Zenfone 5 ที่ไต้หวันมีหลายสเปคเหมือนกัน แต่บ้านเราเอารุ่น RAM 1GB , ROM 8 GB เข้ามาจำหน่าย

 

หน้าจอ 5 นิ้วคมชัดสีสันสดใส น้ำหนักตัวเครื่องก็ลองถือแล้วก็บอกว่าเบาเลยสำหรับหน้าจอ 5 นิ้ว HD 720p, CPU 1.6 GHz Dual-Core, ROM 8GB เพิ่ม micro SD, RAM 1GB, รองรับ 2 ซิม

 

กล้องหลังความละเอียด 8MP รุ่นนี้มาพร้อม LED Flash ครับ จะเห็นว่าผิวฝาหลังก็เป็นแบบด้านเช่นกัน 

 

ตัวเครื่องจากด้านข้างนี่ดูบางเหมือนกันนะครับ ปุ่ม power และปุ่มปรับเสียงตำแหน่งเดียวกับรุ่น 4

 

ถ้าถามว่าแล้วกับรุ่นอื่นๆ ในตลาดเจ้า Zenfone 5 ดีกว่าตรงไหน หากราคาใกล้เคียงกัน ก็บอกได้ว่าหน้าจอสวยและคมกว่าหลายแบรนด์ และกล้อง 8MP นั้นให้สีที่สดและภาพที่คมกว่า

กล้องหน้าของ Zenfone 5 ความละเอียด 2MP มาพร้อม Selfie โหมด ปรับแต่งหน้าตาใสวิ้ง บีบหน้าเรียว ทำตาโตได้เหมือนกับ Zenfone 4 นั่นแหละ

 

ส่วนภาพนี้เผอิญไปขอให้ทีมงานเค้าแกะฝาหลังให้ดู แล้วจำไม่ได้ว่าเป็น Zenfone 5 หรือ 6 กันแน่ (คิดว่า 6 นะ) ที่ให้เค้าแกะให้ดูเพราะเห็นในสเปคของทั้งรุ่น 5 และ 6 มันถอดแบตไม่ได้ ที่แกะฝาหลังออกมาก็เพื่อใส่ซิมและไม่เมมเท่านั้น ตัวแบตเตอรี่นั้นถูกฝังอยู่ภายในครับ

 

 

ส่วนชิ้นนี้ไม่มีมาโชว์ในงานเปิดตัว เรียกว่า View Flip Cover ครับ เห็นว่ามีขาย 2 รุ่นคือ Zenfone 5 และ 6 แต่หน้าเว็บที่ไต้หวันเห็นมีของรุ่น 5 นิ้วขายแล้ว ส่วน 6 นิ้วยังไม่เห็นนะ

 

Asus Zenfone 6

มาถึงพี่ใหญ่ของเรา Asus Zenfone 6 ที่จัดเต็ม RAM 2 GB หน้าจอ 6 นิ้ว HD 720p, CPU 2.0 GHz Dual-Core, ROM 16GB, กล้อง 13MP ราคา 8,990 บาท ตัวเครื่องนั้นใหญ่เอาเรื่อง ล้นมือน้องมาเลยทีเดียว ส่วนดีไซน์ของปุ่มต่างๆ นั้นก็เหมือนกับรุ่น นิ้วครับ ไม่ขอเล่าซ้ำ

 

 

เนื่องจากตัวเครื่องมันใหญ่มาก ใช้งานมือเดียวคงจะลำบาก Asus Zenfone 6 นั้นจะมี Easy Mode เพิ่มมาให้ด้วย 

 

เมื่อเปิดใช้งานแล้วก็จะเป็นแบบนี้ หน้าตาคล้ายๆ Big Launcher คือมันเหมาะกับผู้สูงอายุมากๆ ปุ่มใหญ่แบบนี้จิ้มยังไงก็ถูก หากจะเปิดหาแอพอื่นๆ ก็เลือก More Apps ที่ด้านล่างได้เลย

 

มาต่อกันที่โหมดกล้องพิเศษ ที่มีแค่ใน Zenfone 5 และ Zenfone 6 ซึ่งมีเทคโนโลยี Pixel Master นั่นก็คือ Low Light Mode นั่นเอง

สังเกตุจากในภาพนะครับ คือมันมืดแบบมองไม่เห็นนางแบบเลยด้วยซ้ำ แต่ถ้าเราเปิดใช้งาน Low Light โหมด กลับสามารถมองเห็นางแบบและทำการโฟกัสได้ ในโหมดนี้ LED Flash จะไม่ทำงานนะครับ เพราะฉะนั้นภาพนี้ไม่ได้ใช้แฟลชส่องช่วยแน่นอน

 

โฟกัสแล้วก็กดชัดเตอร์.. ภาพออกมาขาวยังกับมีไฟ งงไปเลย > < แต่อันนี้มือต้องนิ่งๆ พอสมควรนะครับ เพราะไม่งั้นภาพจะสั่นได้ง่ายสุดๆ ในโหมดนี้

 

ขออธิบายเพิ่มนิดนึงเกี่ยวกับการทำงานของมันสักหน่อย เมื่อเราเปิด Low Light Mode ขึ้นมาแล้ว Pixel Master จะปรับจำนวนจุดบนเซนเซอร์ต่อพิกเซลในภาพให้สูงขึ้น จาก 1:1 เป็น 4:1 ผลก็คือเซนเซอร์สามารถรับแสงได้มากขึ้น ภาพสว่างขึ้น แต่พิกเซลของภาพจะลดลงครับ อย่างเช่นกล้อง 13MP ของ Zenfone 6 จะถูกปรับให้เหลือแค่ 3MP สำหรับถ่ายภาพแบบ Low Light Mode ส่วนกล้อง 8MP จะเหลือแค่ 2MP ใน Zenfone 5

 

ขอปิดท้ายการพรีวิวด้วยคลิปที่ผมได้ไปลองเล่น Zenfone ทั้ง 3 รุ่นจากในงาน ซึ่งในคลิปก็จะมีการลองเล่นตัวเครื่องทดสอบความลื่นไหลกันนิดๆ หน่อย ลองโหมดกล้อง Time Rewind ให้ดูว่ามันทำงานยังไงครับ

VDO Preview Asus Zenfone 4 , 5 และ 6

Play video