ดูเหมือนว่าเทรนด์ของ Home Assistant Device จะยังน่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆไม่ว่าจะ Google, Apple หรือ Facebook ก็ลงมาเล่นกลุ่มตลาดนี้กันหมดแล้ว ถึงแม้ว่า Google จะมี Google Home, Home Max และ Home Mini แล้ว แต่ในปีนี้นอกจากจะเปิดตัว Google Pixel 3 แล้วก็ยังเปิดตัว Google Home Hub ด้วยซึ่งเป็น Home Assistant Device ตัวใหม่ที่ยังทำงานด้วย Google Assistant เหมือนเดิมแต่เพิ่มเติมด้วยหน้าจอแสดงผลเพื่อให้ทำงานมากกว่าที่ Google Home ตัวเก่าๆ นั้นสามารถทำได้
ถึงแม้ว่าผมจะแอบเสียใจนิดหน่อยที่เพิ่งซื้อ Google Home ไม่กี่วันก่อน แต่ตอนนี้ได้เจ้า Google Home Hub ติดมือกลับมาด้วยซะงั้น แต่ได้มาก็ดีกว่าไม่ได้เนอะ ดังนั้นก็ขอประเดิมด้วยการพรีวิวกันเลยดีกว่า
แกะกล่อง Google Home Hub
ในตอนที่ผมเห็นในงานเปิดตัวก็นึกว่ามันจะมีขนาดใหญ่ซะอีก แต่พอได้เห็นตัวกล่องแล้วก็รู้สึกว่ามันเล็กกว่าที่คิดไว้มาก
โดยตัวกล่องก็จะมาในสไตล์สินค้าของ Google น่ะแหละ ซึ่งผมไม่ค่อยชอบตรงวิธีการเปิดกล่องซักเท่าไร เพราะมันจะเปิดกล่องด้วยการยกฝากล่องขึ้น เวลาแบกกล่องไปมาก็รู้สึกกลัวว่ามันจะหลุดออกมา (ยิ่งตอน Google Home Max ยิ่งกลัวมากๆ)
สำหรับ Google Home Hub ที่ผมได้มานั้นเค้าจะมีให้เลือกระหว่างสี Chalk (ขาว) กับ Charcoal (ดำ) เพื่อให้เข้ากับ Google Home และ Google Home Mini ที่ผมมีอยู่ก็เลยเลือกเป็น Chalk หรือสีขาวแทน แต่จากที่แอบไปส่องสีอื่นๆมาที่เป็นตัวโชว์อยู่ตามร้านค้าก็พบว่าสี Aqua (ฟ้า) กับ Sand (ชมพู) นั้นสวยมากๆ เหมาะสำหรับคนที่เบื่อสีพื้นๆและต้องการความสดใสในชีวิต
แต่ขอบหน้าจอที่ด้านหน้ายังเป็นสีขาวอยู่นะ ถึงแม้ว่าจะเลือกเป็นสีอื่นๆก็ตาม (น่าจะทำให้เป็นสีเดียวกันทั้งเครื่องไปเลย)
สำรวจตัวเครื่อง
โดยหน้าจอจะมีขนาด 7 นิ้วเป็นทัชสกรีนเหมือนแทบเล็ตทั่วๆไป ดังนั้นถ้าอยากรู้ว่าขนาดมันใหญ่แค่ไหนก็ให้คุณนึกถึงแทบเล็ตหน้าจอ 7 นิ้วที่มีขอบหนาๆละกันนะ
และนอกจากหน้าจอขนาด 7 นิ้วแล้ว ยังมีไมโครโฟนระยะไกลจำนวน 2 ตัวอยู่ข้างบนหน้าจอเพื่อให้สามารถฟังเสียงของทุกๆคนในบ้านได้ไม่ว่าจะอยู่ห้องไหนก็ตาม และมีเซ็นเซอร์วัดแสงเพื่อปรับความสว่างหน้าจอให้เหมาะสมกับแสงในห้องนั้นๆด้วย
ซึ่งมีประเด็นที่หลายๆคนสงสัยว่าทำไมเจ้า Google Home Hub ถึงไม่มีกล้องติดมาให้เหมือนอย่างเจ้าอื่นๆ เพราะขนาด Lenovo ที่เป็น Google Assistant เหมือนกันก็ยังมีกล้องหน้าเลย ถึงแม้ว่าในตอนนี้จะมีประโยชน์แค่ Video Call ผ่าน Google Duo ก็เถอะ เพราะว่ายังไม่ค่อยมีแอพตัวไหนที่ใช้กล้องและทำงานบน Google Assistant ได้ใน ณ ตอนนี้ (ซึ่ง Google Duo สำหรับคนที่นี่ก็รู้สึกว่ามันแป้กๆ มากๆ เช่นกัน)
และด้านล่างของตัวเครื่องก็เป็นยางที่เอาไว้เกาะพื้นโต๊ะเพื่อไม่ให้ไหลไปมาได้ง่าย โดยตัวเครื่องสี Chalk นั้นจะมีพื้นยางเป็นสี Coral เหมือนกับ Google Home Mini เลย ซึ่งแอบสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมถึงไม่มีสี Coral วางขายกันนะ กลายเป็นว่าถ้าอยากให้อุปกรณ์ Google Home ทั้งหมดเข้าธีมสีเดียวกันก็ไม่พ้น Chalk หรือ Charcoal
ส่วนด้านหลังของตัวเครื่องก็เห็นฐานของตัวเครื่องซึ่งหุ้มด้วยผ้าเหมือนกับ Google Home ตัวอื่นๆ เพราะข้างในนั้นมีลำโพงรอบทิศทางอยู่เพื่อให้เสียงของ Google Assistant ดังไปทั่วทั้งห้องถึงแม้ว่าจะเป็น Google Home Hub ที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ขวางอยู่ก็ตาม
การเพิ่ม/ลดเสียงก็เปลี่ยนมาอยู่ในรูปของปุ่มกดอยู่ที่ด้านหลังหน้าจอต่างจากตัวอื่นๆที่ใช้วิธีการสไลด์บนพื้นที่ที่กำหนดไว้ แต่ก็เพราะว่ามีหน้าจออยู่แล้วนั่นแหละ ดังนั้นผู้ใช้จึงสามารถปรับเสียงได้ตามใจชอบไม่ว่าจะสั่งผ่านเสียง หรือว่ากดที่ปุ่มด้านหลังจอ หรือจะกดจากหน้าจอก็ทำได้เช่นกัน และมีปุ่มเปิด/ปิดไมโครโฟนอยู่ที่ด้านหลังหน้าจอเช่นกัน เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ไม่ได้ต้องการสั่งงานผ่านเสียงก็จะได้ปิดไมโครโฟนไปเลย
และตรงขวาล่างของตัวเครื่องด้านหลังก็จะมีช่องเสียบไฟซึ่งเป็นช่องต่อสายเพียงช่องเดียวที่ Google Home Hub มี เพราะตัวมันไม่สามารถต่อสายกับอุปกรณ์อื่นๆโดยตรงได้ (เว้นแต่ว่าจะมีคน Mod เหมือนกับที่เคยทำใน Google Home Mini)
ส่วนอะแดปเตอร์ที่ให้มาก็เป็นแบบ 15W ที่ยาวพอประมาณที่จะติดตั้งไว้ภายในบ้านได้ง่าย เพราะส่วนใหญ่ก็จะติดตั้งไว้ในจุดที่ใกล้ปลั๊กไฟอยู่แล้ว
สำหรับการติดตั้งก็จะทำผ่านแอพที่ชื่อว่า Home เหมือน Google Home ตัวอื่นๆ ซึ่งรองรับทั้ง Android และ iOS และสามารถทำได้อย่างง่ายดายมากๆ หลังจากที่ Google Home Hub สามารถต่อกับ WiFi ภายในบ้านได้แล้วมันก็จะทำการเช็คเฟิร์มแวร์ล่าสุดอีกซักพักหนึ่งแล้วเริ่มใช้งานได้ทันที ซึ่ง WiFi ก็รองรับ 802.11b/g/n/ac ทั้งย่าน 2.4GHz และ 5GHz ครบครันตามมาตรฐานในยุคนี้ และมี Bluetooth 5.0 ภายในตัวอีกด้วย ส่วนจะทำอะไรได้นอกจากเป็น Bluetooth Speaker นั้นก็ต้องรอดูอีกที
สำหรับ Interface ของ Google Home Hub ผมจะยังไม่อธิบายอะไร เพราะว่าในตอนนี้แค่แกะกล่องออกมาดูคร่าวๆเท่านั้น ต้องรอกลับไปที่ห้องของตัวเองแล้วทำการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆภายในห้องเสียก่อนเพื่อที่จะได้ทดสอบความสามารถของ Google Home Hub จริงๆว่าจะโอเคมั้ย เพราะหลายๆคนก็น่าจะรู้กันมาคร่าวๆแล้วว่ามันสามารถต่อกับอุปกรณ์ต่างๆภายในบ้านได้หลากหลาย แต่ว่ามันต่างจาก Google Home เดิมยังไง ต้องขาย Google Home ที่มีอยู่ทิ้งมั้ย หรือทำงานร่วมกันได้ ซึ่งจะให้คำตอบอีกทีตอนรีวิวเต็มรูปแบบนะครับ
ของโผมมมมม
เมื่อสิบปีก่อนสมัยที่ยังเรียนอยู่ อ.ถามผมว่า บริโภคนิยมคืออะไร?
ไม่มีใครตอบได้ สรุปสั้น อ.ตอบว่า บริโภคนิยมคือการที่ผู้ผลิต
พยายามสร้างของที่มันไม่ได้จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ให้กลายเป็นความจำเป็นจนขาดไม่ได้
ผมไม่ได้ต่อต้านเทคโนโลยีนะ ออกจะ geek หน่อยๆด้วยซ้ำ แต่พอมองดูพวก HAD ผมไม่อินด้วย
ผมว่ามันเป็นหนึ่งในความพยายามหาช่องว่างของตลาด แต่ออกไปทางแค่นๆฝืนๆ
ยิ่งคิดๆว่าอยู่ดีๆมี AI มารู้ทุกการกระทำในบ้าน ผมกลับเริ่มรู้สึกถึงความล้ำเส้นความเป็นส่วนตัว
แค่ตอนนี้ผมคุยอะไรส่วนตัวกับเมีย หรือเดินไปหยุดหน้าเคาเคอร์อะไรสักหน่อย โดยยังไม่ทันกดเสิร์ช
ยังมีแอดสิ่งนั้นโผล่มาจนหลอน
ลองใช้ดูก่อนมั้ยครับ ผมว่ามันก็ไม่ได้เลวร้ายหรือล่วงล้ำ ความเป็นส่วนตัวของเราขนาดนั้นนะ ผมใช้อยู่ ผมว่ามันมีประโยชน์อยู่บ้างนะ เทคโนโลยี มันขึ้นกับว่าเราจะเอามาใช้ยังไงนะ
กำลังว่าจะซื้อเลย อยากรู้อยากเห็น netflix หรือ youtube ได้ไหม