หลังจากที่ทาง Huawei ได้เริ่มวางขาย Mate 30 Pro ที่จีนเป็นประเทศแรกและหมดเกลี้ยงไปแบบรวดเร็ว แต่โชคดีที่ทาง droidsans ไปได้มาหนึ่งเครื่อง ซึ่งในวันนี้ก็จะมาแกะกล่องพร้อมกับพรีวิวกันให้ดูคร่าวๆ ทั้งเรื่องดีไซน์ หน้าตา ความสวยงาม รวมถึงตัวกล้องใหม่ 4 ตัวที่มี Cine Lens สำหรับถ่ายวิดีโอมาด้วย

แกะกล่อง Mate 30 Pro

แน่นอว่าตอนนี้ทาง Huawei ประเทศไทยยังไม่นำ Mate 30 Pro เข้ามาขาย (ตอนนี้มีแค่ลงทะเบียนความสนใจ) เครื่องที่เรานำมาแกะกล่องกันก็เป็นเครื่องจีนแท้ๆ ซึ่งเพิ่งจะวางขายหมดเกลี้ยงไปตั้งแต่เปิดจำหน่ายวันแรก

อุปกรณ์ภายในกล่อง Mate 30 Pro ก็มีตามนี้ครับ

  • ตัวเครื่อง Mate 30 Pro
  • เคสพลาสติกใส
  • หม้อแปลง Huawei SuperCharge
  • สาย USB C รองรับ SuperCharge
  • หูฟังพอร์ท USB C
  • เข็มจิ้มถาดซิม

สาย USB C สีม่วงอันเป็นเอกลักษณ์ของระบบ SuperCharge จาก Huawei รองรับไฟสูงสุด 5A ส่วนหูฟังที่แถมมารอบนี้เสียบใช้งานกับพอร์ต Type C ไม่มีตัวแปลง C to 3.5 ในกล่องนะ

หม้อแปลง Huawei SuperCharge จ่ายไฟเต็มพิกัดที่ 40 วัตต์ (10V 4A)

ตัวเคสนั้นถูกออกแบบมาเพื่อจอ Horizon display เรียกว่าปล่อยพื้นที่ขอบด้านข้างเอาไว้ ล็อคแค่ส่วนหัวกับท้ายเครื่องเท่านั้น

 

ตัวเครื่อง Mate 30 Pro

หน้าจอ 6.53 นิ้ว Flex OLED ไร้ขอบข้างเพราะเป็นจอ Horizon Display นั้นหากมองจากมุมนี้คือไม่เห็นขอบเลยจริงๆ ตัวชิปเซ็ตที่ใช้นั้นเป็น Kirin 990 ผสมผสานทั้ง GPU ที่แรงขึ้น และ AI ที่ประมวลผลได้รวดเร็วกว่าเดิม ซึ่งในรุ่นนี้ยังรองรับแค่ 4G นะครับ เพราะที่จีนเองก็ยังมีขายแยกโมเดล 4G และ 5G เหมือนกัน

จากด้านข้างนี่จะเห็นว่าขอบจอมันโค้งลงมากินพื้นที่เฟรมตรงกลางไปเลย เรียกว่าเหลือแค่เส้นบางๆ แล้วก็กลายเป็นฝาหลังไปเลย ซึ่งด้านซ้ายของจอภาพนี่ไม่มีปุ่มอะไรอยู่เลย

ส่วนที่ด้านขวานั้นจะเห็นว่ามีแค่ปุ่มพาวเวอร์ เปิด/ปิด เครื่องสีแดงเท่านั้น ปุ่มปรับเสียงหายไปแล้ว ต้องไปสไลด์ขอบจอเพื่อเรียกแถบ Volumne slider เพื่อปรับเสียงบนหน้าจอแทน

ด้านล่างเป็นช่องเก็บถาดซิม รุ่นนี้ยังรองรับการใช้งาน 2 ซิมนะครับ หรือจะเลือกเป็น 1 ซิม + NM Card ก็ได้ ถัดไปคือไมโครโฟน พอร์ท USB C และช่องลำโพง

ส่วนที่ด้านบนมีไมค์ตัวที่สอง ที่เอาไว้ไปประมวลผลตัดเสียงรบกวน และช่องดำๆ นั่นคือ IR Blaster เอาไว้ใช้งานกับแอปสมาร์ทรีโมท ส่วนกล้องหน้า 3 ตัวที่เห็นเป็นรูบน Notch นั้นเอาไว้สำหรับถ่ายรูปแค่กล้องเดียวนะ ที่เหลือเอาไว้ใช้าสแกนใบหน้าแบบ 3D และก็ท่าทางการออกคำสั่งด้วยมือเป็น Hand Gesture

มาถึงกล้องหลัง 4 ตัวที่ร่วมพัฒนากับ LEICA บ้าง ซึ่งประกอบไปด้วย

  • 40MP Ultra-Wide Cine (18 mm) f/1.8
  • 40MP SuperSensing Wide (27 mm) f/1.6 OIS
  • 8MP Tele (80 mm) 3x Optical Zoom f/2.4 OIS
  • 3D Depth Sensor\

 

สัมผัสแรกกับ Mate 30 Pro

สิ่งแรกที่รู้สึกหลังจากได้ลองจับคือมันสวย ฮ่าๆ เรียกว่าหรู ดูดี สมกับเป็นเรือธง ส่วนของหน้าจอ Horizon นั้นดูเนียนตาดี ไม่มีขอบมันก็สวยขึ้นไปอีกขั้น แต่น้ำหนักตัวเครื่องก็ถือว่าไม่ธรรมดา เกือบ 2 ขีดแล้วเหมือนกัน (198 กรัม) หน้าจอไม่ได้ติดฟิล์มมาให้ ซึ่งก็ยังคิดไม่ออกตั้งแต่ Vivo NEX 3 ละว่าหน้าจอแบบนี้จะติดฟิล์มแบบไหนได้ไหม

วัสดุฝาหลังนี่เงาและมันสุดๆ จับนิดๆ หน่อยๆ เป็นรอยนิ้วมือเพียบ ส่วนกล้องหลังก็นูนขึ้นมาพอสมควรเลย รอบๆ ขอบมันเลยจับฝุ่นดีนักแล เวลาหยิบมาถ่ายรูปลง blog นี่ต้องเช็ดแล้วเช็ดอีก

ส่วนของ UI และการใช้งานบน EMUI 10 นั้นยังไม่มีอะไรที่แตกต่างจากรุ่นก่อนๆ มากนัก แต่รู้สึกได้ว่ามีความสมูท นุ่มนวล และลื่นไหลมากขึ้น

กล้องถ่ายภาพนั้นก็ยังดูคล้ายของเดิม คือด้านล่างเป็นแถบสำหรับเลือกโหมดว่าจะถ่ายภาพนิ่ง วิดีโอ โหมดโปร พอร์ทเทต หรือสโลโมชั่น ส่วนด้านบนจะเป็นการตั้งค่าแบบรวดเร็ว เปิดปิดพวก Master AI ไฟแฟลช หรือฟิลเตอร์สี

ส่วนโหมดกล้องอื่นๆ นั้นจะอยู่ในส่วนเพิ่มเติม ก็ขอทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยตัวอย่างภาพจากกล้องสักเล็กน้อยละกันนะครับ

 

ตัวอย่างภาพจาก Huawei Mate 30 Pro

 

 

Play video

สำหรับการแกะกล่องพรีวิวตัวเครื่อง Mate 30 Pro ก็เอาไว้ประมาณนี้ก่อนละกันนะครับ รอบหน้าจะมาทดสอบเรื่องของแอปต่างๆ ที่มีในเครื่อง + ที่สามารถหาติดตั้งได้จาก AppGallery เช่นแอปธนาคารอย่าง Kbank หรือ TMB ที่ตอนนี้มีให้แล้ว หรือแอปอื่นๆ ที่ต้ออง Sidelode มาติดตั้ง ว่ามันจะสามารถใช้งานได้ไหมหากไม่มี GMS หรือ Google Mobile Service แล้วใช้เป็น HMS หรือ Huawei Mobile Service แทน