จากตอนแรกที่ดูเหมือนว่า Huawei P9 Plus จะไม่เข้ามาวางจำหน่ายในไทย กลับกลายเป็นจะขายพร้อมกันทั้งรุ่น P9 และ P9 Plus ซะยังงั้น ทำเอาหลายๆ คนที่จองเครื่องไปอาจจะมีอารมณ์เสียกันเล็กน้อย งานนี้ใครที่ชอบจอเล็กอยู่แล้วคงไม่มีปัญหาเพราะของแถมที่ได้นั้นนับว่าคุ้มอยู่ แถมราคาของ P9 Plus นั้นก็สูงถึง 21,990 บาท (ต่างกว่ารุ่นปกติถึง 5,000 บาท) แต่ถ้าเกิดสนใจรุ่นใหญ่จริงๆ ละก็ ลองมาดูพรีวิว Huawei P9 Plus พร้อมข้อแตกต่าง 6 อย่างที่ทำให้มันแพงกว่ารุ่นปกติกันได้เลยครับ

เมื่อเครื่องใหญ่กว่า ขนาดกล่องของ Huawei P9 Plus ก็ต้องใหญ่กว่าเป็นธรรมดา

ทบทวนสเปคของ Huawei P9 Plus กันนิดนึง หน้าจอใหญ่ขึ้นเป็น 5.5 นิ้วจากรุ่นปกติ 5.2 นิ้ว และเปลี่ยนมาใช้หน้าจอ AMOLED แทน IPS

สเปค Huawei P9 Plus

  • OS: Android 6.0 Marshmallow with EMUI 4.1
  • หน้าจอ: AMOLED 5.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1920 x 1080 พิกเซล + Press Touch
  • CPU: HiSilicon Kirin 955 octa-core 2.5GHz
  • GPU: Mali T880
  • RAM / ROM: 4GB / 64GB (รองรับ microSD การ์ด)
  • กล้องหลัง: 12 ล้านพิกเซล กล้องคู่ RGB + Monochrome
  • กล้องหน้า: 8 ล้านพิกเซล พร้อม Auto Focus
  • แบตเตอรี่: 3,400 mAh

อุปกรณ์ที่แถมให้ภายในกล่องหลักๆ ก็มีหูฟัง, หม้อแปลงรองรับการชาร์จเร็ว 5V 2A / 9V 2A, และก็สาย USB Type C

นอกจากนั้นก็มีเคสซิลิโคนแถมมาให้ด้วย ซึ่งอันนี้ยังไม่คอนเฟิร์มว่าบ้านเราจะมีเหมือนกันหรือเปล่านะครับ เพราะนี่เป็นเครื่องนอก (แต่ก็คิดว่าน่าจะมีให้เหมือนกัน เพราะปกติ Huawei มักจะแถมมาให้อยู่แล้ว)

Huawei P9 Plus นั้นแยกจำหน่ายเป็นรุ่น Singel SIM + NFC และรุ่น DUAL SIM ไม่มี NFC ซึ่งบ้านเราก็เลือกรุ่น DUAL SIM มาจำหน่าย เพราะฉะนั้นจะไม่มี NFC ให้ใช้งานนะครับ รุ่น Global มี NFC ทั้งในรุ่น Singel SIM และ DUAL SIM นะครับ (เครืองจีนไม่มี NFC ในรุ่น DUAL SIM) ข้อมูล

ตัวเครื่องที่เราได้มาแกะกล่องนั้นก็เป็นสีทองแบบเดียวกับรุ่นที่วางจำหน่ายในบ้านเรา

พื้นผิวโลหะด้านหลังของ Huawei P9 Plus นั้นเลือกใช้ลวดลายแบบโลหะขัดหรือ Brushed Metal เลยจะดูมีเส้นๆ ให้เห็นกันบ้าง ซึ่งสีทองของมันค่อนข้างจะอ่อนมาก เวลาเจอแสงเข้าไปบางทีดูเหมือนเป็นสีขาวหรือสีเงินเลยซะด้วยซ้ำ

ซูมให้เห็นลาย Brushed Metal ชัดๆ พื้นผิวจะเงาๆ นะครับ

ในส่วนของกล้องคู่ที่ได้ LEICA มาร่วมพัฒนาด้านการประมวลผลและคุมโทนของภาพ และเซนเซอร์ของ RGB และ Monochrome ใช้เซนเซอร์ Sony IMX286 ที่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มีขนาดพิกเซลใหญ่ขึ้นเป็น 1.25 ไมครอน ส่วนของเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือก็พัฒนาขึ้นให้แสกนได้แม่นยำและรวดเร็วเข้าขั้นแตะปุ้บปลดล็อคได้ปั้บ

กรอบโลหะรอบตัวเครื่องนั้นจะเป็นแบบขัดมันขึ้นเงาเช่นกัน ด้านล่างจากซ้ายไปขวาคือพอร์ทหูฟัง 3.5 มม, ช่องไมโครโฟนสนทนา, พอร์ท USB Type C, และขวาสุดคือลำโพง

ปุ่ม power อยู่ด้านขวาโดยมีการทำลายให้แตกต่างเวลาสัมผัส ถัดขึ้นไปเป็นปุ่มปรับเสียง

ด้านบนมีไมโครโฟนตัดเสียง ส่วนตรงกลางใหญ่ๆ นั่นคือ IR Blaster หรืออินฟราเรดเอาไว้ใช้เป็นรีโมทนั่นเอง

ด้านซ้ายก็เป็นช่องถาดซิม ซึ่งระบบ 2 ซิมก็เป็นแบบ Full NetCom 2.0 (4G/3G/2G + 2G) และใช้เป็น Hybrid Slot ช่องที่สองต้องเลือกว่าจะเอา ซิม หรือ Micro SD

หน้าจอ 5.5 นิ้ว AMOLED นั้นหลายๆ คนอาจจะไม่ชอบความสดและจัดจ้านของมัน แต่ทาง Huawei กลับปรับจูนหน้าจอ P9 Plus มาดีจนได้สีสันที่ดูธรรมชาติมากๆ ไม่รู้สึกว่าเป็น AMOLED ที่แสบตาเลยแม้แต่น้อย อันนี้ทำการบ้านมาดี ขอชมเชย

ส่วนนี่เป็นหน้าตาของแอพรีโมทที่ใช้งาน Infrared port ด้านบนตัวเครื่อง

ลองเทียบขนาดของ Huawei P9 กับ Huawei P9 Plus ขนาดตัวเครื่องต่างกันไม่มากเท่าไหร่นะครับ

เทียบด้านหลังให้ดูด้วย คือเวลาถือใช้งานมือเดียวนี่ ยังไง P9 ก็จับถนัดและเข้ามือกว่า P9 Plus อยู่หน่อยๆ

ลองเทียบขนาดกับสมาร์ทโฟนยี่ห้ออื่นๆ บ้าง iPhone 6s Plus, Galaxy S7 edge, Huawei P9 Plus และ Huawei P9

มาถึง 6 ข้อแตกต่างระหว่าง Huawei P9 Plus และ P9 กันแล้ว เผื่อใครที่กำลังตัดสินใจกันอยู่ เพราะเอาจริงๆ ราคาที่มันต่างกันถึง 5,000 บาทเราจ่ายเพิ่มไปนี่จะได้อะไรบ้าง ลองมาดูกันครับ

 

6 ข้อแตกต่างระหว่าง Huawei P9 และ Huawei P9 Plus

1) Display Plus หน้าจอที่ใหญ่ขึ้นเป็น 5.5 นิ้ว (จาก 5.2 นิ้ว) และได้เปลี่ยนมาใช้เป็นหน้าจอ AMOLED แทน IPS อย่างที่ได้บอกไปแล้วข้างบนโน้น

2) Power Plus ความจุแบตเตอรี่เพิ่มเป็น 3400 mAh (จาก 3000 mAh) พร้อมระบบชาร์จแบต Dual IC ทำให้ชาร์จแบตเร็วขึ้นไปอีก 60 นาทีได้แบต 70% และเต็ม 100% ใน 110 นาที 

3) Sound Plus ลำโพงคู่สเตอริโอ ที่ปล่อยเสียงกังวาลแบบเซอร์ราวด์ในแนวนอน หรือปรับเป็นลำโพง Hi-Fi ในแนวตั้ง (จากที่ทดลองแอบผิดหวังนิดๆ เพราะเวลาเปิดโหมดแนวนอนแล้วเสียงมันไม่อยู่ตรงกลาง คือมันจะเอียงไปทางลำโพงด้านท้ายเครื่องหน่อยๆ ครับ แต่แนวตั้งนี่ดีงามเลย)

4) Selfie Plus กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล f/1.9 เพิ่ม Auto Focus เข้ามาให้ภาพเซลฟี่คมชัดขึ้นไม่ว่าจะโคลสอัพใกล้หรือถ่ายไกลๆ กว้างๆ กับเพื่อนหลายๆ คน

5) Touch Plus หน้าจอรองรับแรงกดด้วยเทคโนโลยี Press Touch (เห็นในจีนมีเฉพาะรุ่น 128GB ต้องรอยืนยันว่ามีในรุ่น 64GB ที่จำหน่ายในไทยหรือไม่) เพื่อนๆ ไปลองทดสอบตัวโชว์มาแล้ว มี Press Touch ครับ ข้อมูล

6) Remote Plus เพิ่ม Infrered หรือ IR Blaster มาให้ใช้งานเป็น universal remote ใช้เป็นรีโมทแทนทุกสิ่งอย่างภายในบ้านได้เลย

อ้อขอแถมให้อีก 1 ข้อ เป็นข้อ 7 นั่นก็คือ Huawei P9 บ้านเราได้ ROM 32GB / RAM 3GB ส่วน Huawei P9 Plus จะได้ ROM 64GB / RAM 4GB จ้า

ขอจบการพรีวิวและการเปรียบเทียบส่วนต่างระหว่าง Huawei P9 และ Huawei P9 Plus ไว้เท่านี้นะครับ ในส่วนของ UI , กล้อง และเมนูการใช้งานนั้นลองไปอ่านเพิ่มเติมใน พรีวิว Huawei P9 ได้ เพราะมันเหมือนกันจ้า