หลังจาก LG G3 เปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเรียบร้อย พร้อมเปิดให้จองผ่านโอเปรเตอร์ค่ายต่างๆ และหมดในเวลาอันรวดเร็วๆ คนทีจองไม่ทันก็ไม่ต้องเสียใจไป เพราะเครื่องจะเริ่มวางจำหน่ายต้นเดือนกรกฎาคมนี้แล้ว ในราคา 20,990 บาท 

เมื่อวานนี้ผมเองก็เพิ่งได้โอกาสจับตัวเครื่องเป็นๆ ของ LG G3 เลยจะมาพรีวิวให้เพื่อนๆ ได้ดูกันก่อนสักเล็กน้อย เผื่อใครบางคนกำลังตัดสินใจจะไปสอยกัน

ย้ำเตือนกันอีกรอบก่อนว่า LG G3 รุ่นที่วางจำหน่ายในประเทศไทย ราคา 20,990 บาทนั้นเป็นรุ่น ROM 16GB / RAM 2GB มีวางขายทั้ง 3 สี ทอง ดำ ขาว ส่วนเรื่องของ 4G นั้นรองรับทั้ง Truemove H และ dtac แน่นอนครับ (เห็นว่าของ dtac อาจจะต้องรอ software update เล็กน้อย) 

ดีไซน์ตัวเครื่องนั้นคล้ายกับ G2 เอามากๆ เรียกว่าถอดแบบกันมาเลยก็ได้ งานประกอบแน่หนาดีครับถึงแม้ว่าฝาหลังจะสามารถถอดออกมาได้ แต่พอประกอบเข้าไปแล้วก็เรียกได้ว่าแกะออกมายากกันเลย หน้าจอ QHD ที่เป็นจุดขายของ LG G3 นั้นละเอียดไม่มีที่ติ แต่เรื่องของสีสันนี่คงต้องขอวัดกับ Find 7 คู่แข่งหน้าจอ 2K อีกรุ่นนึงก่อน

 

ต่อมาคือเรื่องของฝาหลังลวดลาย “บรัช เมทัล” ที่ทาง LG ตั้งชื่อว่า Metallic Skin นั้นก็อย่างที่เคยบอกกันไปว่าตัววัสดุนั้นเป็นพลาสติกแต่ทาง LG ได้ใส่ลวดลายและผิวสัมผัสที่คล้ายกับโลหะเข้าไปครับ ลองจับลองลูบแล้วมันจะสากนิดนึง แต่ไม่รู้สึกเย็นเหมือนโลหะอย่าง One M8 

 

ผมลองจับพลิกมองดูทั้ง 3 สี ก็พบว่าสีดำกับสีทองเป็น 2 สีที่จะห็นลวดลาย Metallic skin ได้ชัดกว่าสีขาว และก็ยังดูสวยกว่าด้วย (ความเห็นส่วนตัว)

 

สังเกตุดูจากภาพนี้ได้ ว่าสีขาวนั้นมันจะเห็นลายจางๆ เท่านั้นเอง

 

ส่วนบริเวณด้านล่างของตัวเครื่องที่เป็นโลโก้ของ LG นั้นก็มีการทำลวดลายเอาไว้เหมือนกับฝาหลัง แต่ว่าจะโดนเคลือบไว้ด้วยพลาสติกอีกชั้นนึง เวลาสัมผัสก็จะลื่นๆ เหมือนพลาสติกทั่วไป

 

ช่องไมค์สำหรับสนทนา ช่องเสียบ micro USB และช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม อยู่ด้านล่างทั้งหมด

 

 

บริเวณช่องลำโพงสนทนาที่ด้านบนมีการแยกตามสีครับ สีดำก็จะใช้ช่องลำโพงดำ สีขาวช่องลำโพงสีขาว สีทองก็จะเป็นช่องลำโพงสีทอง

 

แต่ที่ลำโพงที่ด้านหลังเครื่องจะเป็นสีเงินเท่านั้น ไม่ว่าตัวเครื่องจะสีไหน LG G3 ยังคงใช้เป็นลำโพงเดี่ยว แต่มีแอมป์ขนาด 1.5W และลำโพงก็มีกำลังขับ 1W ให้เสียงดังและแน่นขึ้น เท่าที่ลองฟังเสียงดูก็ยังเน้นไปที่โทนกลางและสูงเหมือนกับ G2

 

ส่วน IR Blaster ของ LG G3 ที่ใช้ร่วมกับแอพ QuickRemote เพื่อเป็นอินฟราเรดรีโมทก็ยังมีอยู่เช่นเดิมที่ด้านบน ข้างๆ กันนั่นก็คือไมค์ตัวที่สองไว้สำหรับตัดเสียง

 

เครื่องที่ผมได้มาทดลองพอแกะฝาหลังออกมาแล้วก็จะเห็นแผงวงจร NFC หากต้องการจะใช้กับ Qi wireless charger ก็ต้องเปลี่ยนไปใช้ฝาหลังอีกแบบนึง 

 

LG G3 ใช้ นาโนซิม ไมโครซิมครับ ส่วนช่อง micro SD ก็อยู่วางซ้อนอยู่ด้านบนของช่องใส่ซิมเลย 

 

ฟังก์ชั่นการใช้งานใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาใน G3 ก็มี dual windows ที่แบ่งหน้าจอเป็น 2 ส่วนเปิด 2 แอพได้พร้อมกัน ซึ่งฟังก์ชั่นนี้เปิดตัวให้ใช้งานครั้งแรกกับ LG G Flex นอกนั้นก็คล้ายๆ กับที่มีใน G2 แต่เนื่องจากมีเวลาลองเล่นแค่แป้บเดียว เลยยังเจอะลงรายละเอียดอะไรไม่ได้มาก

 

มาต่อกันที่เรื่องของกล้องถ่ายภาพดีกว่า ตอนนี้มี Dual LED 2 สีตามสมัยนิยมเรียบร้อย แต่ที่ล้ำหน้ากว่าใครคือ Laser focus ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับแฟลชครับ ซึ่งจากการทดลองใช้งานเนี่ย แทบไม่เห็นแสงเลเซอร์สีแดงๆ เลยถ้าไม่ตั้งใจจะดูจริงๆ เพราะมันเล็กมากๆ มันไม่ได้ยิงออกมาเป็นลำแสงแดงๆ แบบในหนังแอ็คชันตอนเอาปืนเล็งกันนะครับ 

 

ว่าแล้วก็เปิดกล้องลองซะหน่อย พบว่าการโฟกัสภาพเร็วขึ้นมากจริงๆ ครับ ตอน G2 ว่าเร็วแล้ว แต่ G3 นี่เร็วกว่า แถมปัญหาเรื่องโฟกัสช้าแบบสุดๆ ในที่แสงน้อยของ G2 ก็หายไปด้วย เพราะได้ Laser focus เข้ามาช่วย อันนี้ถือว่า LG ทำการบ้านมาดี 

 

แต่ที่ผมแปลกใจคือทำไมโหมดการถ่ายภาพมันลดหดหายไปหมด เหลือให้ใช้งานอยู่แค่ Auto, Magic focus, Panorama และ Dual Camera เท่านั้นเอง ลองกดๆ เข้าไปใน setting ก็เห็นว่ามี HDR ที่ตั้งเป็น auto เอาไว้ นอกนั้นก็จะเป็นพวกปรับ WB และ EV เท่านั้นเอง

อ้อ ส่วนกาารถ่ายวิดีโอที่ความละเอียด 4K นั้น ทาง LG ก็บอกว่าถ่ายได้แค่ 5 นาทีต่อคลิปเท่านั้น ส่วนสาเหตุน่าจะคล้ายๆ กับที่ผมเคยเขียนไว้ จริงหรือที่ XPERIA Z2, GALAXY S5 และ Note 3 ถ่ายวิดีโอ 4K ได้ไม่เกิน 5 นาที 

 

โหมดกล้องยอดฮิตทุกค่ายต้องมี นั้นก็คือกล้องเลือกจุดโฟกัสหน้าชัดหลังเบลอนั่นเอง LG G3 ใช้ชื่อว่า Magic Focus ครับ โดยขณะถ่ายภาพก็จะใช้เวลสักหน่อยประมาณ 2-3 วินาที พอถ่ายเสร็จแล้วเราสามารถเลือกระยะโฟกัสของภาพได้ 

 

แต่ที่มาใหม่ไม่ซ้ำใครคือ Beauty Mode ที่เปิดมาแล้วผมงงมากๆ ว่าทำไมเฟรมภาพมันไปกระจุกอยู่ตรงกลางแบบนั้น แถมขอบๆ เฟรมยังเป็นแสงสว่างๆ สีชมพูหวานแหววอีกด้วย พอได้ลองถ่ายภาพแล้วก็ถึงบางอ้อ ว่าแสงสีชมพูรอบๆ นั้นเปิดไว้ส่องให้หน้าของเราขาวอมชมพูนั่นเอง

ใครที่เคยใช้พวกกล้องหน้ามีแฟลชก็จะพบปัญหาว่าถ่ายออกมาแล้วหน้ามันขาววอกแถมแบนราบไม่มีมิติ ทาง LG เลยเลือกที่จะใช้แสงบนหน้าจอมายิงให้หน้าเราสว่างขึ้นแทน อันนี้เก๋มาก

 

มาถึงของเล่นใหม่ LG Quick Circle 


เคส Quick Circle นั้นจะมาพร้อมกับฝาหลังเลย คือต้องถอดสลับกับฝาหลังที่ใช้อยู่ ในภาพนี้เอา Quick Circle สีทองมาประกบกับเครื่อง LG G3 สีดำ ก็จะกลายเป็นสีดำทอง เท่ไปอีกแบบ

 

เมื่อปิดฝาแล้ว เราสามารถเลือกใช้งานโหมดต่างๆ ของ G3 ได้ทั้งหมด 6 แบบด้วยกัน เช่นใช้โทรออกได้โดยไม่ต้องเปิดฝา นอกจากนั้นก็พวกเครื่องเล่นเพลงและการตั้งค่าต่างๆ แต่คาดว่าต่อไปน่าจะมีโหมดเพิ่ม เพราะทาง LG เองก็เปิดให้นักพัฒนาทำแอพให้ Quick Circle เพิ่มได้

 

แต่อีกฟังก์ชั่นที่มีมาให้ และใหม่กว่าชาวบ้านนั่นก็ คือสามารถใช้งานกล้องถ่ายภาพได้แม้จะปิดฝาอยู่ (ไม่ใหม่กว่าค่ายอื่นแล้ว เพราะตอนนี้ Note 3 และ S5 ใช้ถ่ายรูปได้แล้วเช่นกัน)

 

 

ขอเป็นเท่านี้ก่อนละกันนะครับ สำหรับพรีวิว LG G3 เพราะมีเวลาได้เล่นเครื่องไม่นานเท่าไหร่ เอาไว้ถ้าได้เครื่องมารีวิวแล้วเดี๋ยวจะจัดหนักกันอีกรอบนึง