เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานี้ Motorola ได้เปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ของปีนี้ทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกัน (และอีก 1 รุ่นในภายหลัง) [UPDATE] Motorola ปูพรมเปิดตัวมือถือใหม่ 3 รุ่นรวด Moto X Style, Moto X Play และ Moto G ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ Moto X Style ที่เป็นตัวท็อปของทั้ง 3 รุ่น

      ซึ่งเจ้า Moto X (1st Gen) ของผมก็ถึงอายุขัยที่จะเปลี่ยนพอดี (ก็ยังใช้ได้ดีอยู่แหละ จริงๆคือหาข้ออ้างเพราะอยากได้รุ่นใหม่) ดังนั้นก็ขอเอามา Preview ให้ได้ยลกันก่อนที่จะจัด Review แบบเต็มๆนะครับ (เพราะไม่งั้นบทความคงยาวน่าดู)

      สำหรับ Moto X Style จะมีอีกชื่อนึงคือ Moto X Pure Edition ซึ่งเป็นชื่อที่วางขายในอเมริกา ส่วนวางขายทั่วโลกก็จะเป็นชื่อ Moto X Style ครับ แต่ทว่าที่มีจำหน่ายในตอนนี้ยังมีแต่ที่อเมริกาเท่านั้น และบอกเลยว่าทั้งสองชื่อนี้ต่างกันแค่ชื่อครับ ทุกอย่างภายในเครื่องยังคงเหมือนๆกัน การที่ใช้ชื่อว่า Pure Edition ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็น Pure Android 100% แต่ยังคงมีแอพและฟีเจอร์ต่างๆตามแบบฉบับของ Motorola อยู่ครับ

      ส่วนในบทความนี้ผมขอเรียกชื่อเครื่องว่า Moto X Style นะครับ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นรุ่น Pure Edition ก็ตาม เพราะยังไงมันก็เหมือนๆกันนั่นแหละ (และมันพิมพ์สั้นกว่า)

 

Moto Maker บริการที่ทำให้ผมต้องถ่อไปสั่งเองถึงที่นู่น

      เผื่อว่าใครที่ยังไม่รู้ว่า Moto Maker คืออะไรนะครับ Moto Maker เป็นบริการสั่งซื้อเครื่องของ Motorola บนหน้าเว็ปที่เราสามารถปรับแต่งตัวเครื่องเองได้ตามใจชอบ หมายถึงรูปร่างของตัวเครื่องนะครับ ไม่ใช่สเปค ซึ่ง Moto X Style ก็สามารถสั่งผ่าน Moto Maker ได้นั่นเอง

      เพราะว่า Moto X Style เลือกสีตัวเครื่องข้างหน้าได้ 3 สี ตัวเครื่องด้านหลังเลือกได้ 18 สี (วัสดุมี 3 ประเภท Soft Grip, Real Wood และ Genuine Saffiano Leather) และ Accent เลือกได้ 7 สี (เป็นแบบ Metallic) นั่นก็หมายความว่า Moto X Style มีรูปแบบสีให้ผสมกันได้มากถึง 126 รูปแบบเลยล่ะ (ไม่นับรวมด้านหน้า เพราะมีแค่ 3 สี ถ้านับรวมก็จะเป็น 378 รูปแบบ) และล่าสุดก็จะลาย Limited Edition ออกมาอีก 3 แบบ

 

      ซึ่งผมเองก็เป็นหนึ่งในคนที่เบื่อแล้วกับเครื่องสีดำ สีขาว และสีพื้นๆอีกมากมาย จึงทำให้ Moto Maker เป็นอะไรที่ผมชอบมากๆ สามารถเลือกสีที่ชอบได้

      และนอกจากเลือกสีแล้วก็ยังเลือกความจุได้ กำหนดข้อความที่จะสลักหลังเครื่องได้ และกำหนดข้อความตอนเปิดเครื่องได้ จึงทำให้รู้สึกว่าเครื่องที่สั่งมาใช้ “เป็นของเราจริงๆ” 

 

จะรอช้าอยู่ใย แกะกล่องเลยดีกว่า!

        ตัวกล่องของรุ่นนี้จะมีขนาดใหญ่กว่ารุ่นเก่าๆอย่างเห็นได้ชัด มีลวดลายที่กล่องแล้ว~ (ของเดิมมาแบบเรียบๆ)

 

      เมื่อเปิดออกมาก็จะเจอตัวเครื่องกับอุปกรณ์อยู่ข้างๆมีกระดาษทรงเดียวกับตัวเครื่องปิดอยู่ ซึ่งตัวอุปกรณ์ที่มากับเครื่องไม่ได้ซ้อนอยู่ข้างล่างตัวเครื่อง จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้กล่องใหญ่เกินจำเป็น 

 

      สำหรับของที่มีมาให้ในกล่องก็จะมี Moto X Style, เคสพลาสติก, อะแดปเตอร์ Power Charger, เข็มจิ้มถาด SIM และคู่มือการใช้งานเบื้องต้น ไม่มีหูฟังแถมมาให้ (ขี้งกจัง)

 

      ตัวเครื่องด้านหน้าผมสั่งมาเป็นสีดำเพื่อให้เวลาปิดหน้าจอแล้วจะได้รู้สึกกลมกลืนไปทั้งหน้าจอและตัวเครื่องด้านหน้า 

 

      Moto X Style มาพร้อมกับลำโพงคู่หน้า ซึ่งก็คือแถบโลหะที่คาดอยู่ด้านบนและด้านล่างของตัวเครื่องนั่นเอง ซึ่งสามารถเลือกสีได้ (เป็น Accent) ซึ่งผมก็เลือกเป็น Metallic Lemon Lime 

      ถ้าเรียงจากซ้ายไปขวาก็จะมีอุปกรณ์ดังนี้ Ambiant Light Sensor (สำหรับปรับความสว่างหน้าจออัตโนมัติ), Proximity Sensor (สำหรับปิดหน้าจอเวลาหยิบเครื่องมาแนบหูเพื่อโทรศัพท์), ลำโพง, Gesture Sensor (มีอยู่ 3 จุดที่ด้านหน้าเครื่อง), กล้องหน้า 5MP F/2.0 และ LED Flash

 

      ส่วนด้านล่างจะเป็น Gesture Sensor อีก 2 จุดที่เหลือ และลำโพง

 

        ด้านขวาของตัวเครื่องจะเป็น Volume และ Power โดยที่ปุ่ม Power จะอยู่ข้างบน ตามแบบฉบับของ Moto X

 

      ด้านบนของตัวเครื่องจะเป็นรูไมค์ 3.5mm และช่องใส่ถาด SIM และ SD Card ตกแต่งลวดลายด้วยเส้นคาดอยู่สองฝั่ง (ตามประสาดีไซน์มือถือรุ่นใหม่ในสมัยนี้)

 

      ฟังไม่ผิดหรอกครับว่า SD Card เพราะรุ่นนี้รองรับ SD Card ด้วย ทั้งๆที่รุ่นก่อนหน้าไม่เคยใส่เข้ามา 

 

      โดยถาดใส่ SIM และ SD Card จะเป็นแบบสองด้าน ด้านนึงใส่ Nano SIM และอีกด้านใส่ Micro SD Card ที่ยัดได้สูงสุดถึง 128GB 

 

      ส่วนด้านซ้ายของเครื่องจะโล่งๆ ไม่มีอะไร

 

      ด้านล่างเป็นรู Micro USB มีลวดลายเป็นเส้นคาดอยู่ข้างๆทั้งสองฝั่ง และมีบอกรหัส Model อยู่ตรงนี้ด้วย ซึ่งก็คือ XT1575

 

      ด้านหลังตัวเครื่องผมสั่งเป็นสี Turquoise มา เพราะความชอบส่วนตัว (ก็ซื้อมาใช้เองนี่) ถึงแม้ว่าภาพที่ถ่ายมันดูออกฟ้าๆก็เถอะ วัสดุที่ใช้จะเป็นแบบ Soft Grip ผิวยางจับถือแล้วติดมือดี 

 

      จากภาพถ่ายในนี้ส่วนใหญ่จะสว่างเกินจริงเลยดูเหมือนสีฟ้าครับ ซึ่งสี Turquoise ที่ผมสั่งมาใช้จริงๆจะแบบนี้

 

      และสั่งให้สลักชื่อตัวเองไว้ที่ด้านหลังตัวเครื่องด้วย ซึ่งการสลักฝาหลังของ Moto X Style นั้นไม่ได้เป็นการสลักลายลึกลงไป เพราะฝาหลังไม่ใช่โลหะ ดังนั้นจึงเป็นการสลักแบบตื้นๆซะมากกว่า 

 

      ในรุ่นนี้ Motorola ได้ออกแบบให้มีแถบโลหะขอบโค้งมนคาดอยู่ด้านหลังเครื่องเป็นแนวตั้ง โดยฝั่งข้างล่างจะเป็นโลโก้ Motorola ส่วนด้านบนก็จะเป็นกล้องหลังและ LED Flash

 

      สำหรับ LED Flash จะเป็นแบบ Color Correlated Temperature (CCT) โดยใช้ LED สองตัวที่มีโทนสีต่างกัน ส่วนกล้องหลังเป็น 21MP f/2.0 ที่บันทึกวีดีโอ 4K ได้แล้ว ซึ่งทาง Motorola ก็โฆษณาไว้ว่ากล้องของ Moto X Style ดีไม่แพ้รุ่นอื่นๆเลย (เดี๋ยวค่อยไปลอง)

 

        และจะเห็นว่าผิวจะไม่ได้เรียบๆนะ แต่เป็นลายเฉียงๆซึ่งทำให้จับได้ติดมือมากขึ้น (เอานิ้วรูปไปมาแล้วเพลินดี) และรู้สึกสวยมากกว่าพื้นหลังเรียบๆเสียอีก และด้านบนจะมีรูไมค์อยู่ใกล้ๆช่องใส่ถาด SIM (ไม่ใช่รูแตกนะ)

 

      และด้านหลังตัวเครื่องก็ยังคงเป็นแบบโค้งกระชับรับเข้ากับรูปมือพอดีตามดีไซน์ของ Moto X ซึ่งอันนี้ผมชอบนะ เพราะมันถือง่ายกว่าเครื่องเรียบๆบางๆ ถึงแม้ว่ามันจะทำให้เครื่องหนาขึ้น (นิดเดียว) ก็เถอะ

 

ลองจับๆเล่นๆนิดหน่อย พอหอมปากหอมคอ

      เมื่อเปิดเครื่องขึ้นมาก็จะเจอข้อความ Greeting ที่ผมกำหนดไว้ตอนสั่งผ่าน Moto Maker จากนั้นก็จะเป็น Animation Boot ตามแบบฉบับของ Motorola ครับ

 

      ตัวเครื่องมาพร้อมกับ Android Lollipop 5.1.1 ที่นอนรออัพเดท Android 6.0 Marshmallow ได้เลย (แต่เมื่อไรก็ไม่รู้)

 

      ตัวเครื่องมีขนาดหน้าจอ 5.7 นิ้ว จึงทำให้ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่มากสำหรับใครหลายๆคน แต่เอาเข้าจริงตัวเครื่องก็มีขอบที่บางมากเช่นกัน จึงไม่ได้ใหญ่จนน่ารำคาญแบบตอนที่เคยใช้ Nexus 6 แต่ถ้าอยากรู้ว่าถือลำบากแค่ไหนก็ลองไปจับไปถือ Samsung Galaxy Note 3 ก็ได้ครับ เทียบแล้วขนาดเท่ากันทั้งตัวเครื่องและหน้าจอเลย 

 

      แต่ก็ทำให้รู้สึกว่าใหญ่เกินไป เมื่อลองเอาเคสพลาสติกที่แถมมากลับกล่องมาลองใช้ดู เป็นเคสแบบ Bumper กันขอบแต่ไม่กันข้างหลังเครื่อง เพราะด้านหลังเครื่องนูนสูงกว่าขอบเครื่อง

      ลองใส่เคสถือไปซักพักก็เริ่มรู้สึกว่าไม่ถนัดละ ถอดเคสแล้วจะถือถนัดกว่า (สำหรับมือผม)

 

      เทียบขนาดกับ Moto X 1st Gen ที่มีขนาดหน้าจอ 4.7 นิ้ว (เครื่องเก่าที่ใช้มานมนาน) แล้วรู้สึกว่าต่างกับลิบลับเลย…

 

Turbo Charger โหดขริงๆ

      รุ่นนี้รองรับ Quick Charge 2.0 ครับ และก็แถมอะแดปเตอร์เป็น QC2.0 มาให้ด้วย ซึ่ง Motorola เค้ามีชื่อเรียกอะแดปเตอร์ตัวนี้ว่า Turbo Charger

 

      ซึ่งมันก็ Turbo สมชื่อจริงๆ เพราะนอกจากอะแดปเตอร์ของ OPPO ที่เป็น 4A แล้ว (แต่ใช้ได้เฉพาะ VOOC) ผมก็พึ่งเห็นอะแดปเตอร์ชาร์จมือถือที่มีกระแส 2.85A (ที่ 5V) นี่แหละครับ แถมชาร์จตอน 12V ยังเป็น 2.15A แน่ะ 

 

 

ภาพหัวบทความนี้ทำไมมี 2 เครื่อง?

      บางคนอาจจะเห็นว่าภาพประกอบหัวเรื่องที่ใช้จะมี 2 เครื่องวางอยู่หน้ากล่อง ใช่มั้ยล่ะครับ? ใช้ Photoshop แต่งภาพเอาเพื่อทำภาพประกอบให้สวยๆหรือป่าวนะ?

      เพราะผมสั่งมาสองเครื่องเหมือนกันเป๊ะๆนั่นเอง 

 

      ส่วนเพราะอะไร ทำไมน่ะหรอ? เดี๋ยวไว้เล่าให้ฟังตอน Review แบบเต็มๆครับ แต่ที่แน่ๆคือไม่ได้หิ้วมาขายครับ (ข้างหลังยังสลักชื่อเหมือนกันเลย ใครจะซื้อ)

 

      สำหรับ Moto X Style ตัวนี้มีค่าเสียหาย $490.94 ครับ เพราะสั่งแบบ 32GB และโดน Tax ของที่ California เข้าไปอีก ตีเป็นเงินไทยก็ประมาณเกือบ 18,000 บาท ถือว่ารับได้ (แค่ต้องลำบากมาเอากลับ) เพราะในบ้านเราถึงแม้จะมีเครื่องหิ้วก็ตาม แต่ก็มีแค่สีเรียบๆพื้นๆ ซึ่งผมรู้สึกว่ามันไม่ได้ทำให้รู้สึกพิเศษซักเท่าไร

      ส่วนข้อดีข้อเสีย ใช้งานเป็นอย่างไร กล้องดีมั้ย คุ้มมั้ย มีแฟนยัง จีบได้มั้ย ฯลฯ เดี๋ยวจะมา Review ให้จุใจกันในบทความหน้าครับ ระหว่างนี้ขอลองใช้งานไปวันๆก่อนนะ 

 

Play video