ในที่สุดมันก็มาถึงมือ droidsans แล้ว Pixel 2 สมาร์ทโฟน Made by Google รุ่นที่ 2 ซึ่งรอบนี้มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่าง ทั้งเรื่องดีๆ อย่างลำโพงคู่สเตอริโอ หรือกล้องที่ได้คะแนนสูงสุดจาก DxOMark และบางอย่างที่หลายคนส่ายหัว เช่นหูฟัง 3.5 ที่หายไป ว่าแต่ในกล่องมันมีอะไรแถมมาให้ มาแกะดูไปพร้อมๆ กันเลย บอกก่อนว่าอันนี้คือ Pixel 2 รุ่นเดียวนะครับ เพราะตัว Pixel 2 XL ของน่าจะมาถึงมือเราสัปดาห์หน้า โดยรุ่นเล็กนั้นก็มีความน่าสนใจไม่แพ้รุ่นพี่ อย่างที่บอกว่า Google นั้นไม่กั๊กสเปค รุ่นปกติหรือ XL ก็ได้ความสามารถและฟีเจอร์เท่ากัน และจากข่าวรุ่นนี้ก็จะดูมีปัญหาน้อยกว่าด้วย ที่บ่นๆ จอฟ้า จอเบิร์นนั่นคือรุ่น XL นะครับ แยกแยะด้วย อย่าเหมารวมกัน ^ ^

ด้านหน้ากล่องบอกสินค้าภายใน นี่เป็นเครื่องสีขาว Cleary White โดยในรุ่นนี้ทำออกมา 3 สีคือ ดำ Just Black และฟ้า Kinda Blue

อุปกรณ์ภายในกล่อง Pixel 2 นั้น . . . ไม่มีหูฟังแถมมานะครับ คือตัดช่องหูฟังไปแล้ว ก็ไม่ได้แถมหูฟัง Type C มาให้ ฮ่าๆ ฮือๆ แถมแค่สาย USB Type C to Audio เอาไปเสียบกับหูฟังของเราเอง

แล้วก็มีสาย C to C สำหรับหม้อแปลง แล้วก็ตัวแปลง C to A อีก 1 ชิ้น

ส่วนหม้อแปลงที่แถมมาให้นั้นรองรับการจ่ายไฟมาตรฐาน PD หรือ Power Delivery ของ USB Type C นะครับ คือจ่ายไฟได้ 2 แบบคือ 5V 3A / 9V 2A

ด้านหลังของหม้อแปลงนั้นเป็นช่อง Type C แบบเดียวกับสายชาร์จที่ให้มาในกล่อง

ตัวแปลง USB Type C เป็น USB Type A แบบ female สามารถใช้เป็น OTG เอาอุปกรณ์อื่นๆ มาต่อพ่วงได้

หน้าตาของตัวแปลง USB Type C เป็น Audio สำหรับหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร

เอกสารแนะนำการใช้งานภายในกล่อง เข็มจิ้มถาดซิมก็อยู่ในนี้ด้วย

ขนาดตัวเครื่อง Pixel 2 นั้นพอๆ กับ Pixel รุ่นที่แล้วนะครับ แต่จะดูสูงและผอมกว่าอยู่หน่อยๆ

ตัวเครื่องเป็นโลหะขึ้นรูป ปุ่มด้านข้างรอบนี้ไม่มีลวดลายแล้ว ก่อนหน้านี้ปุ่มพาวเวอร์จะทำเส้นเอาไว้เวลาสัมผัสจะสากๆ หน่อย แต่ตอนนี้เรียบไปทั้ง 2 ปุ่ม
ด้านล่างมีแค่ช่องไมโครโฟนกับช่อง USB Type C ส่วนช่องที่เห็นเป็นแผงยาวๆ บนหน้าจอนั่นคือลำโพงด้านล่างของคู่สเตอริโอ

ดีไซน์ด้านหลังนั้นเปลี่ยนจาก Pixel ไปไม่มาก มีการลดส่วนที่เป็นกระจกลงไป จากที่เคยกินพิ้นที่ยาวมาถึงสแกนลายนิ้วมือ ตอนนี้หดขึ้นไปอยู่ด้านบน

กล้องหลังสุดเทพที่ความละเอียด 12.2 ล้านพิกเซล เป็นมือถือที่ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีในด้านกล้องคู่มาช่วย แต่ก็สามารถถ่ายภาพได้ดี เพราะทาง Google ไปเน้นพัฒนาด้านชิปประมวลผลภาพอย่าง Pixel Visaul Core แทน

หลายๆ คนเห็นข่าวว่า Pixel 2 ใช้ eSIM ไม่น่าจะใช้กับบ้านเราได้ อันนี้ถูกครึ่งนึง ไม่ถูกครึ่งนึง คือในตัวเครื่องนั้นมีชิปรองรับ eSIM จริงครับ แต่ก็ยังมีช่องสำหรับ nano SIM อยู่ด้วย

ใส่ซิมแล้ว เปิดเครื่องแล้ว ลองเล่นแล้ว เฮ้ยลื่น หน้าจอสวยจัง (ไม่รู้ตอนแกะกล่อง Pixel 2 XL จะได้พูดแบบนี้ไหม) ส่วน Wallpaper ที่เรียกว่า Living Universe มันขยับเล็กๆ ยังเป็นทีเด็ดที่ผมชอบมากๆ อยู่

กล้องหน้า Pixel 2 มีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ส่วนลำโพงสนทนานั้นก็ใช้เป็นลำโพงคู่สเตอริโอกับด้านล่างด้วย

จากที่ได้ลองฟังเสียงแล้ว ความดังนั้นพอๆ กับ Nexus 6P เลยครับ แต่ทิศทางของเสียงนั้นจะตรงมาหาเรามากกว่า แยกซ้ายขวาได้ ฟังออกชัดเจน ซึ่งของ Nexus 6P มันจะออกกว้างๆ และแบนๆ หน่อย

เรียก Google Assistant ง่ายๆ แค่บีบตัวเครื่อง มันคือฟังก์ชั่น Active Edge แบบเดียวกับที่มีใน HTC U11

เราสามารถเข้าไปตั้งค่าแรงบีบได้ กรณีกลัวว่าแค่หยิบก็เปิด Assistant แล้ว ในเบื้องต้นเท่าที่ได้ลองก็จะมีฟังก์ชั่นให้บีบเล่นพอสมควร เช่นบีบเพื่อเปิดเสียงริงโทนอะไรแบบนั้น

หน้าจอ UI สะอาดสะอ้านสบายตา อันนี้แล้วแต่คนชอบนะครับ แต่ผมก็มาสายกึ่งๆ Pure Android หน่อยๆ เพราะฉะนั้นก็จะคุ้นกับอะไรแบบนี้

ระบบ Notification บน Android 8.0 Oreo นั้นมี badge แล้ว แต่จะไม่บอกตัวเลขจำนวน แต่มีตุ่มสีๆ ขึ้นมาบนแอปว่ามีข้อความหรือการแจ้งเตือนใหม่ที่ยังไม่ได้อ่านอยู่นะ

ส่วนกล้องนั้น Pixel 2 ไม่มีโหมดอะไรมากมายครับ หลักๆ ก็คือ Auto, Panorama, Photosphere, Slow Motion และ โหมดใหม่ Portrait

ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ตอนนี้มีให้เลือก Retouching แล้ว คือปรับไม่ได้ มีแค่เปิดกับปิด ซึ่งจากที่ลองแล้วทำงานดีมาก ดูไม่หลอกเหมือนแอปกล้องจีนที่ไถจนหน้าลอย

ตัวอย่างภาพถ่ายคร่าวๆ จาก Portrait Mode

เนื่องจากเพิ่งจะได้เครื่องมา ยังไม่มีเวลาได้ไปลองเก็บภาพแบบจริงจังสักเท่าไหร่ เลยเอาภาพของโหมด Portrait ที่ลองถ่ายมาให้ดูก่อนนะครับ

Portrait Mode ของ Google Pixel 2 นั้น สามารถใช้งานได้กับทุกอย่างครับ คน สัตว์ สิ่งของ งานนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นใบหน้าเท่านั้น เพราะจะถ่ายอะไร ตัว AI มันก็สามารถวิเคราะห์แล้วแยกวัตถุออกมาได้หมด ภาพช่อดอกไม้นี่ถือว่าทำได้ดีมากๆ คือเก็บตามซอกซอยของกิ่งใบได้ดีเลย

แล้วก็สามารถใช้งานได้ทั้งกล้องหน้าและหลัง อย่างภาพนี้เป็นอีกภาพที่ถือว่าทำโบเกยาก เพราะในช่องระหว่างแขนกับหน้าและช่องใต่รักแร้นั้นกล้องคู่หลายๆ รุ่นเจอปัญหาไม่ยอมจับเบลอให้เพราะแยกไม่ออก แต่สำหรับ Pixel 2 เรื่องนี้ทำได้ครับ

ลองภาพ Portrait อีกรูปแบบไม่มองกล้องว่าจะดูออกหรือเปล่า ซึ่งก็ถ่าย Portrait ได้ อันนี้คือไม่มีอิดออดว่าต้องระยะเป๊ะ ไม่เป๊ะ ถอยไปอีกนิด หรือชิดๆ เข้ามาอีกหน่อย Pixel 2 ทำให้ ไม่เรื่องมาก

สุดท้ายภาพนี้เป็นการลอง Portrait ด้วยกล้องหลังครับ ไม่มีอะไรพิเศษ แค่อยากลองดุเฉยๆถ้าสังเกตุดีๆ จะเห็นว่าในภาพที่ใส่ Portrait Effect เข้าไปนั้น หน้าผมจะนวลขึ้นมาหน่อยๆ เพราะเปิด Retouching เอาไว้ครับ (ยกเว้นภาพสุดท้ายเพราะกล้องหลังไม่มี Retouch) ถ้าไม่ได้เปิดมันก็จะเรียลๆ หน่อยๆ จากที่เห็นคือหน้าสดมีแค่ไหน Pixel เก็บทุกรายละเอียดมาอวดกันเลยจริงๆ กล้องชัดมาก ชัดเกินไปมาก

  อ้อเกือบลืม.. กล่องของ Pixel 2 นั้นมาพร้อมกับความเก๋ไก๋ที่ด้านหลังกับ #teampixel ให้ไปใส่แท็กกันเวลาถ่ายรูปเพื่อโชว์สรรพคุณกล้องเทพกันด้วย อิอิ ส่วนรีวิวฉบับเต็มขอเวลาอีกไม่นาน เราจะทำตามสัญญาแน่นอน