การมาของ Galaxy Z Flip มือถือจอพับรุ่นใหม่ของ Samsung นั้นทำเอาเกิดกระแสความฮือฮาได้ไม่น้อย เพราะนอกจากตัวเครื่องเมื่อพับครึ่งจะมีขนาดพกพาง่ายแล้ว เมื่อกางออกมายังได้หน้าจอที่ใหญ่ พร้อม Flex Mode ใช้งานได้แม้กางจอออกมาแค่ครึ่งเดียวนั้นเป็นฟีเจอร์ที่คิดมาดีแล้ว แถมยังตอบสนองการใช้งานได้หลากหลายสุดๆ
สำรวจตัวเครื่อง Galaxy Z Flip
Galaxy Z Flip ใช้กระจก Gorilla Glass 6 บนฝาด้านนอกทั้งบนและล่าง และด้วยสีที่ทำออกมาเน้นมันเงาวาวตามชื่อ Mirror มันเลยเป็นรอยนิ้วมือได้ง่ายหน่อย
ฝาด้านบนมีจอ OLED ขนาดประมาณ 1 นิ้ว เอาไว้แสดงข้อมูลต่างๆ และยังสามารถใช้เป็นจอตอนถ่ายภาพได้ด้วย
ข้างๆ กันเป็นกล้องหลังคู่ 12MP + 12MP Ultra Wide และไฟ LED แฟลชหนึ่งดวง
ด้านข้างมีปุ่มปรับเสียง ส่วนปุ่มพาวเวอร์ที่ฝังเอาตัวสแกนนิ้วไว้ด้วยนั้นรอบนี้กดลงไปได้ ไม่เหมือนของ Fold
พอร์ตด้านล่างมีแค่ช่อง USB C เท่านั้น ข้างๆ เป็นไมโครโฟนและลำโพง
บานพับด้านนอกสลักโลโก้ Samsung เอาไว้ จับดูแล้วแข็งแรงทนทานดี กลไลการทำงานดูแล้วคล้ายกับบานพับของ Galaxy Fold แต่ของ Z Flip มีการเติม Sweeping Fiber เพื่อช่วยดันฝุ่นออกมาจากช่องบานพับ
ได้เวลาเปิดจอออกมาแล้ว กางเต็มๆ ได้ขนาด 6.7 นิ้ว มีรู Infinity O ที่มีกล้อง 10 ล้านพิกเซลวางอยู่ ส่วนของจอพับนั้นวัสดุรอบนี้เป็น Ultra Thin Glass ทนทานต่อริ้วรอยมากกว่าจอ Polyamide ของ Fold
Galaxy Z Flip กับความรู้สึกแรกที่ได้ลองเล่น
ตอนแรกที่ได้เห็นตัวเลขขนาดเครื่องของ Z Flip ก็แอบคิดว่ามันจะหนาและใหญ่พอๆ กับ Galaxy Fold ที่ผมใช้อยู่แน่ๆ แต่พอได้สัมผัสของจริง หยิบมาหมุนๆ พลิกๆ ในมือไปสักพักก็พบว่า.. ในความรู้สึกจับแล้วมันเล็กกว่ามากๆ คือทำเอา Fold ดูหนาและเทอะทะไปเลย
แต่ด้วยรูปแบบการใช้งานที่ต่างกัน Z Flip กางออกมาเป็นขนาดของสมาร์ทโฟนปกติ ส่วน Fold นั้นกางมาแล้วจะได้จอใหญ่แนวแท็บเล็ต
หลังจากพยายามลองกางๆ พับๆ ด้วยมือเดียวอยู่หลายครั้ง ก็ค่อนข้างมั่นใจว่าบานพับมันไม่น่าจะพังง่ายๆ ลองไปสะบัดๆ ดูแล้ว ก็ยังแข็งแรง
จากตอนแรกที่คิดว่า Galaxy Z Flip ก็คงเป็นแค่มือถือจอพับรุ่นนึง ไม่มีอะไรแปลกใหม่ แค่ลดขนาดจาก Fold ลงมาเป็นดีไซน์ที่พกง่าย ใช้ง่ายขึ้น แต่พอได้เห็นการทำงานของ Flex Mode ก็รู้เลยว่า Samsung ทำการบ้านมาดีมาก
ด้วยการที่ Z Flip มันสามารถกางจอออกมาครึ่งทางหรือ 90 องศาไปจนถึงราวๆ 120 องศา แล้วสามารถใช้งานได้นั้นทำให้เราสามารถใช้ฝาด้านล่างเป็นแท่นวาง หรือขาตั้งกล้องได้เลย
แถมยังพัฒนา UI ให้รองรับการใช้งานแบบพับครึ่งได้หลากหลายมากขึ้น ทั้งแอปกล้อง แกลลอรี่ และยังมีแอปอื่นๆ อีกเพียบที่จะรองรับอย่าง YouTube และ Facebook เป็นต้น
ส่วนจอด้านนอกนั้นมาแนวมินิมอล แสดงผลเป็นนาฬิกา แบตเตอรี่ และการแจ้งเตือนต่างๆ นอกจากนั้นยังสามารถเลื่อนดูข้อมูลหรือใช้เป็นทางลัดอื่นๆ ได้ เช่นเครื่องเล่นเพลง เอาเป็นว่าคล้ายๆ เวลาใช้ flip cover แล้วมีฟังก์ชั่นง่ายๆ ให้ใช้งานได้นั่นแหละ
แต่ยังไม่หมด เพราะมันเป็นจอ OLED เต็มรูปแบบ แม้จะมีขนาดเล็ก แต่ก็สามารถใช้เป็นจอสำหรับเซลฟี่ได้ ยกขึ้นมากดปุ่มพาวเวอร์ 2 ครั้งแล้วแชะได้เลยเวลาเปิดกล้องหลังถ่ายรูปก็สามารถเลือก Dual Preview ให้อีกฝั่งเห็นภาพได้ด้วย
สรุปความรู้สึกสั้นๆ หลังได้ลองคือถูกใจทั้งขนาด และฟีเจอร์การใช้งาน โดยเฉพาะเรื่องการวางตั้งได้นี่แหละ โดนมาก
กล้อง Galaxy Z Flip ก็ใส่ฟีเจอร์มาเต็ม
ตอนเปิดตัว Samsung ไม่ได้พูดถึงกล้องของ Galaxy Z Flip เท่าไหร่ แต่พอได้มาลองนี่คือใส่ฟีเจอร์มาครบหมดเหมือน Galaxy S20 series เลยทีเดียว ทั้งโหมด Single Take, ถ่ายวิดีโอ 4K 60fps ทั้งหน้าและหลัง, สลับกล้องวิดีโอหน้าหลังได้ระหว่างอัดคลิป ลองไล่ๆ ดูแล้วขาดไปแค่พลังการซูม และการถ่ายวิดีโอ 8K เท่านั้น
ที่เด็ดคือพอมือถือมันตั้งได้ด้วยตัวมันเอง เราจะถ่ายภาพเซลฟี่ ถ่ายภาพเหมือนมีคนถ่ายให้ (ทั้งๆ ที่อยู่คนเดียว) หรือถ่ายภาพกลางคืนแบบเปิดชัตเตอร์ค้างนานๆ ก็ทำได้หมด ไม่ต้องพกขาตั้งอีกต่อไป
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Galaxy Z Flip
ในไทยเห็นว่า Galaxy Z Flip จะมีวางขาย 2 สีคือ Mirror Black และ Mirror Purple นะครับ โดยรอบแรกคือวันที่ 21 กุมภาพันธ์นี้ ขายแบบ Walk-in คือเดินไปที่ Samsung Experience Store แค่ 200 เครื่องเท่านั้น เรียกว่าไม่ต้องจองอะไรทั้งนั้น เดินไปจ่ายอย่างเดียว ใครที่เล็งเอาไว้ก็อาจจะต้องหาสาขาที่ใกล้ๆ จะได้ไม่พลาดนะครับ
สวยดีเหมือนกันครับ 🙂 🙂
วนไปวนมากลับไปย้อนยุค แต่ ui สมถนะดีขึ้น
ภาพเก่าๆ บรรยากาศเก่าๆลอยมาเลย