สำหรับ Chromebook หรือ Chrome OS นั้นอาจจะไม่นิยมกันซักเท่าไร แต่ในบรรดา Chromebook ทั้งหมด ตัวที่ดูน่าสนใจและน่าหลงใหลมากที่สุดก็คงไม่พ้นเจ้า Google Pixelbook ที่ Google ผลิตขึ้นมาเองเพื่อเป็นหนึ่งในสินค้าของตระกูล Pixel ซึ่งในที่สุดผมก็ได้เผลอพลั้งพลาดกดสั่งซื้อแล้วส่งข้ามโลกมาเพื่อลองใช้งานดูว่าเจ้า Google Pixelbook เนี่ย มันดีขนาดไหนกันแน่นะ? ตอนนี้ยังลองเล่นได้ไม่มากนัก ดังนั้นเอาเป็นพรีวิวไปกันก่อนแล้วกันนะครับ
Google Pixelbook มีสเปคอยู่ 3 แบบให้เลือกด้วยกัน ซึ่งต่างกันตรงที่ CPU, RAM และ Storage เท่านั้น อย่างอื่นจะเหมือนกันทั้งหมด
- OS : Chrom OS
- Display
- หน้าจอ LCD ขนาด 12.3 นิ้ว
- ความละเอียด Quad HD 2,400 x 1,600 px (235 ppi)
- รองรับทัชสกรีน
- มี Pixelbook Pen ให้ใช้ด้วย (ซื้อแยก)
- Connection
- WiFi : 802.11 a/b/g/n/ac, MIMO, dual-band
- Bluetooth : 4.2
- USB : USB-C 2 ช่อง
- Sensor
- Accelerometer
- Gyroscope
- Magnetometer
- Ambient Light Sensor
- Camera : กล้องหน้าความละเอียด 720p 60fps
- Audio :
- ลำโพงสเตอริโอ
- ช่องต่อหูฟัง 3.5mm
- ไมค์ 4 ตัว
- Battery :
- ความจุ 41W ใช้งานได้นานสูงสุด 7.5 ชั่วโมง
- รองรับ Fast Charge ด้วยอะแดปเตอร์จ่ายไฟที่มาพร้อมกับเครื่อง
- Dimension : 29.4 x 20.0 x 1 cm
- Weight : 1.1 kg
สำหรับ CPU, RAM และ Storage จะต่างกันตามนี้
- $999
- CPU : Intel Core i5-7Y54 ความเร็ว 1.2 GHz, 3.3 GHz (Turbo Boost). Dual-core, 4 Thread
- RAM : 8GB On-board Memory
- Storage : SSD 128GB eMMC
- $1,199
- CPU : Intel Core i5-7Y54 ความเร็ว 1.2 GHz, 3.3 GHz (Turbo Boost). Dual-core, 4 Thread
- RAM : 8GB On-board Memory
- Storage : SSD 256GB eMMC
- $1,649
- CPU : Intel Core i7-7Y75 ความเร็ว 1.3 GHz, 3.6 GHz (Turbo Boost). Dual-core, 4 Thread
- RAM : 15GB On-board Memory
- Storage : SSD 512GB NVMe
สเปคแบบนี้ ราคาแบบนี้ คงเดาได้ไม่ยากว่าเปิดตัวออกมาแข่งกับใครเนอะ
สำหรับตัวที่ผมสั่งมา จะเป็นสเปคระดับกลาง Intel Core i5, RAM 8GB และ Storage 256GB
ยลโฉม Pixelbook แบบใกล้ชิด
ด้วยหน้าจอขนาดเพียง 12.3 นิ้ว แต่ได้ความละเอียดสูงถึง 2,400 x 1,600 px ทำให้ภาพที่เราเห็นบนจอนั้นมีความคมชัดสูงมากกกกกกก และสีสันบนจอก็สดสวยเช่นกัน (แต่ว่าผมยังไม่ได้เทียบกับ Macbook นะครับ) ที่ขัดใจนิดหน่อยก็คือสัดส่วนจอ 3 : 2 นี่แหละ ถือว่าเป็น Laptop ที่มีสัดส่วนหน้าจอแปลกไปจากชาวบ้านพอสมควร
แต่จุดเด่นอย่างหนึ่งของ Pixelbook ก็คือหน้าจอที่สามารถหมุนได้ถึง 360 องศาเลย ดังนั้นเราจึงสามารถใช้มันเป็น Laptop ก็ได้หรือ Tablet ก็ได้
ซึ่งจุดหมุนหรือข้อต่อระหว่างจอกับตัวเครื่องถือว่าทำออกมาได้แข็งแรงพอสมควร ไม่ได้โยกเยกได้ง่ายๆ แต่ถ้าใช้งานนานๆไปแล้วจะเสื่อมสภาพแค่ไหน อันนี้ผมก็ยังตอบให้ไม่ได้
และการใช้งานของตัวเครื่องจะขึ้นอยู่กับหน้าจอด้วยนะ เพราะเวลาใช้งานปกติก็จะเป็น Laptop ธรรมดาตัวหนึ่งที่พิมพ์ผ่านคีย์บอร์ดและสามารถแตะหน้าจอได้ แต่เมื่อไรที่เราหมุนหน้าจอเลยครึ่งหนึ่งไปทางด้านหลังตัวเครื่อง มันจะสลับเป็น Tablet ให้ทันที ซึ่งเราสามารถหมุนหน้าจอเป็นแนวตั้งหรือแนวนอนก็ได้ และจะเปลี่ยนมาใช้ On-screen Keyboard แทน และ Keyboard จะกดไม่ได้แล้วนะ จนกว่าจะพับจอกลับไปอีกด้านให้เหมือนเดิม
ด้านหลังของ Pixelbook จะคล้ายๆกับ Pixel Phone เลย ครึ่งบนจะเป็นกระจก ครึ่งล่างเป็นอะลูมิเนียม ณ จุดนี้ถ้าคุณใช้ Pixel Phone สีขาวก็จะเข้ากันมากๆ ติดแค่ว่า Pixel Phone ของผมเป็นสีฟ้านี่แหละ
สำหรับคีย์บอร์ดบนตัวเครื่องจะมีการวางปุ่มคล้ายๆกับของ Macbook เลย เพียงแต่ว่าปุ่มแถวบนสุดที่ควรจะเป็น F1-F12 และปุ่ม Power จะถูกเปลี่ยนไปเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานของ Chrome OS แทน ที่น่าเศร้าก็คือบนปุ่มคีย์บอร์ดจะมีแต่ภาษาอังกฤษเท่านั้นนะครับ ถ้าอยากจะพิมพ์ภาษาไทยก็ต้องพิมพ์สัมผัสเอาเท่านั้น หรือไม่ก็ไปหาสติ๊กเกอร์มาแปะแทน
และนอกจากนี้ยังมี Trackpad สุดลื่นไหลที่ผมยกให้เป็นรองแค่ Macbook เลย เพราะปกติแล้ว Trackpad ของ Laptop ตัวอื่นๆจะไม่มีตัวไหนเลยที่ทำได้ดีเท่า Macbook เลย นอกจาก Chromebook Pixel ที่ Google เคยทำเมื่อปี 2013 จนมาถึง Pixelbook ตัวนี้ ก็ยังคงทำได้ดีเหมือนเดิม (Trackpad ที่ดีสำหรับผมคือ ใช้งานได้ดีจนไม่ต้องไปหาเม้าส์มาต่อแยก)
ด้านหลังตัวเครื่องจะให้ความรู้สึกเหมือนกับด้านหลังจอที่ครึ่งนึงเป็นอะลูมิเนียม เพียงแต่ว่าเปลี่ยนจากอีกครึ่งนึงที่เป็นผิวกระจกให้กลายเป็นผิวยางแทน เพราะเป็นด้านที่ต้องสัมผัสกับพื้นผิวโดยตรงเวลาที่วางเครื่องเพื่อใช้งาน
ด้านข้างฝั่งซ้ายของตัวเครื่องจะมีช่อง USB-C, ช่องต่อหูฟัง 3.5mm, ปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง และปุ่ม Power เพื่อใช้เปิด/ปิดเครื่อง ส่วนด้านข้างฝั่งขวามือจะมีแค่ช่อง USB-C เท่านั้น
Pixelbook จะมีกล้องหน้าอยู่ขอบด้านบนของจอ โดยเป็นกล้องหน้าความละเอียด 720p 60fps เพื่อใช้สำหรับ Video Call เท่านั้น
และนอกจากตัวเครื่องแล้ว สิ่งที่มาพร้อมด้วยกันก็คืออะแดปเตอร์ชาร์จไฟ 45W และสาย USB-C to USB-C ยาวประมาณ 2 เมตร โดยตัวอะแดปเตอร์จะเป็นแบบ Fast Charge ซึ่งนอกจากจะชาร์จไฟให้กับ Pixelbook ได้แล้ว จะเอาไปชาร์จกับ Pixel Phone ก็ได้เช่นกัน (จะเอาไปชาร์จกับ Macbook Pro ก็ได้เช่นกัน 😆 )
สำหรับ Pixelbook ผมถือว่าตัวเครื่องไม่ได้ใหญ่เกินไปหรือหนักเกินไปเลย เพราะขนาดของตัวเครื่องก็ใกล้เคียงกับ Macbook ที่ผมใช้อยู่และบางกว่าด้วย ด้วยน้ำหนักแค่ 1.1 กิโลกรัม จึงทำให้ถือไปไหนมาไหนได้สะดวกกว่า
สำหรับฟีเจอร์หรือความสามารถต่างๆของ Pixelbook นั้นขอเก็บไว้เล่าทีหลังอีกที เพราะว่ามันมีอะไรอีกเยอะแยะมาก จากตอนแรกที่กะจะเขียนรีวิวทีเดียวไปเลย ก็เลยต้องขอแยกออกมาระหว่างพรีวิวตัวเครื่องกับรีวิวความสามารถของ Pixelbook และ Chrome OS แทน เพราะใน Chrome OS เวอร์ชันล่าสุดนั้นมีการเพิ่มความสามารถอะไรใหม่ๆเข้ามาเยอะมาก
ขอจบการพรีวิวเพียงเท่านี้ครับ ส่วนรีวิวนั้นอาจจะต้องขอเวลาซักพัก แต่บอกเลยว่า Pixelbook + Chrome OS นั้นไม่ธรรมดาจริงๆ
spec ตัวแรก กับ ตัวสอง เป็นตัวเดียวกัน ไม่ทราบพิมพ์ผิดรึป่าวครับ
ขออภัยอ่านไม่ดีเองครับ ต่างที่ SSD
ข้อมูลเยอะนึกว่ารีวิวซะอีก
รอชมรีวิวใช้จริงนะครับ
ใช้พัฒนา software เช่น android app ได้มั้ย (แบบไม่ต้องใช้ cloude ide, environment)