มาแล้วครับ พรีวิว Xiaomi Mi 5s Plus ไม่รู้จะเรียกว่าเรือธงตัวล่าสุดของ Xiaomi ดีหรือเปล่า (เพราะเห็นว่าเดี่ยวจะมี Mi Note ตัวใหม่ตามมาอีก) สำหรับใครที่อยากรู้ว่าเราจะมี Mi 5s รุ่นปกติมาแกะกล่องด้วยไหม อันนี้ขอบอกว่าด้วยงบประมาณที่จำกัดก็อาจจะเลือกเอาเฉพาะ Mi 5s Plus มาเพียงรุ่นเดียว คือเลือกเอาตัวท็อปของรุ่นมาเท่านั้น และรุ่นนี้ยังมีความน่าสนใจที่กล้องคู่ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Clear Sight จาก Qualcomm ด้วย

ว่าจะไม่แซวแล้ว แต่เห็นตัว S เป๊ะแบบนี้ก็อดแชะมาแปะไม่ได้ อิอิ

สเปค Mi 5S Plus

  • หน้าจอ: 5.7 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1080p
  • CPU: Qualcomm Snapdragon 821
  • RAM: 4GB / 6GB
  • ROM: 64GB / 128GB
  • กล้องหลัง: กล้องคู่ 13 ล้านพิกเซล RGB + Monochrome พร้อมระบบถ่ายภาพ Clear Sight
  • กล้องหน้า: 4 ล้านพิกเซล Ultrapixel f/2.0
  • รองรับ NFC
  • รองรับ 4G+
  • แบตเตอรี่: 3,800 mAh รองรับ Quick Charge 3.0
  • สัดส่วน: 154.6 x 77.7 x 7.95 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก: 168 กรัม

มองด้านหน้าถ้าไม่ได้วัดกันที่ขนาดหน้าจอนั้น แอบละม้ายคล้าย Mi Max อยู่เหมือนกัน

อุปกรณ์ที่มีมาในกล่องของ Mi 5s Plus นั้นก็ให้มา(เกือบ)ครบ ทั้งเคสบาง เข็มจิ้มถาดซิม

สาย USB Type C และหม้อแปลง Quick charge สิ่งที่หายไปคือหูฟัง small talk (ซึ่งปกติ Xiaomi ก็ไม่แถมอยู่ละ)

โดยหม้อแปลงนั้นรองรับ Quick charge 3.0 จ่ายไฟ 3 ระดับ 5V 2A / 9V 2A / 12V 1.5A ซึ่งเป็นระบบชาร์จของ Qualcomm

ด้านหน้าตัวเครื่องเป็นกระจก 2.5D บนหน้าจอ 5.7 นิ้ว IPS ความละเอียด Full HD ด้านบนกล้องหน้าความละเอียด 4 ล้านพิกเซล f/2.0 ซึ่งทาง Xiaomi เลือกใช้เซนเซอร์ขนาด 1/3″ ใหญ่ขึ้นมาอีก ขนาดพิกเซล 2um เก็บแสงได้ดีขึ้น

ด้านหลังตัวเครื่อง Mi 5s Plus สีทองที่เราสอยมานั้นเป็นลาย Brushed metal หรือโลหะขัด ถ้านึกไม่ออกก็ Huawei P9 สีทองนั่นแหละ คล้ายๆ กัน อ้อ ภาพนี้ยังไม่ได้เอาซองพลาสติกออก 

เปิดออกมาแล้วเป็นแบบนี้ครับ สีทองลายโลหะขัด แต่ทางฝั่ง Huawei เหมือนมีการเคลือบเงาเอาไว้ แต่ Mi 5s Plus นี่เราสัมผัสไปบนผิวโลหะโดยตรง

ตัวสแกนลายนิ้วมือ Mi 5s Plus นั้นในภาพนี้อาจจะดูเหมือนแบบปกติทั่วไป แต่จริงๆ แล้วเหมือนมีพลาสติกหรืออะไรเคลือบอยู่อีกชั้น มันจะเงาๆ ไม่ดูด้านแบบในรูป โดยรุ่นนี้มาพร้อมระบบสแกนนิ้ว Ultrasonic ของ Qualcomm (แก้ไขข้อมูล สแกนนิ้วแบบ Ultrasonic ดูเหมือนจะมีเฉพาะในรุ่น Mi 5s ครับ)

ภาพนี้อาจจะเห็นชัดกว่า ว่ามันมีอะไรเคลือบหรือซ้อนทับอยู่ตรงเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ

ส่วนกล้องคู่ 13MP RGB + 13MP Monochrome นั้นมาพร้อมเทคโนโลยี Clear Sight ของ Qualcomm อีกเช่นกัน ที่จะรวมเอาภาพสีและขาวดำเข้าด้วยกันเพื่อเพิ่มรายละเอียด สีสัน ความสว่าง และคมชัดของภาพ (สรุปมันเป็นมือถือโชว์เทคโนโลยีของ Qualcomm หรือเปล่าเนี่ย)

หน้าจอ 5.7 นิ้ว IPS ความละเอียด Full HD นั้นเรื่องของสีสันและความละเอียดถือว่าโอเค

แต่เรื่องความคมนั้นด้อยกว่าหน้าจอแบบ QHD อยู่หน่อยๆ ครับ แต่สำหรับการใช้งานทั่วไปก็ไม่ได้ติดขัดอะไร เพราะชนาดพิกเซลก็เล็กเนียน แสดงผลได้ดีเลย

ถาดใส่ซิมอยู่ด้านซ้ายบนของตัวเครื่อง ต้องเอาเข็มจิ้มออกมา

ตัวถาดนั้นรองรับ nano SIM ทั้งสองช่อง และแน่นอนว่ารองรับ Full NetCom 3.0 (มือถือจีนแท้ๆ ใช้คำนี้ได้ ไม่ผิด) ไม่มีช่อง micro SD นะครับ ใส่เมมเพิ่มไม่ได้ 

เห็นมีหลายคนถามมา เพราะซื้อไปแล้วเหมือนจะไม่รองรับ Full NetCom 3.0 กัน อันนี้เลยแนบภาพเครื่องของที่เว็บมาให้ ว่าใส่แล้วได้ 4G + 3G ครับ

ด้านบนของตัวเครื่องมีช่องหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ไม่ได้ตัดทิ้งไปไหน พร้อมช่องไมค์ตัดเสียง และ IR Blaster รีโมทอินฟราเรด ส่วนด้านล่างเป็นช่องไมค์และลำโพงขนาบ USB Type C ที่อยู่ตรงกลาง

ปุ่มพาวเวอร์อยู่ด้านขวาของตัวเครื่อง ช่วงกลางๆ ค่อนบนพอดี ส่วนปุ่มปรับเสียงนั้นอยู่ถัดขึ้นไปอีก

มาต่อเรื่องกล้องคู่ Clear Sight และตัวอย่างภาพถ่ายนะครับ โดยเราสามารถเลือกปิดหรือเปิดการทำงานของกล้องคู่ก็ได้ ซึ่งจะได้ผลต่างกันคือถ้าปิดแล้วถ่ายภาพ (หน้าจอจะขึ้นว่า Tun off Stereo) มันก็จะแชะปุ้บ เซฟปั้บ แต่ถ้าเราเปิด Clear Sight เอาไว้ด้วย ตอนถ่ายเสร็จมันจะใช้เวลาในการ process ภาพประมาณครึ่งวินาที

ส่วนในโหมด Pro นั้นก็ยังปรับค่าได้เยอะตามสไตล์ Xiaomi แต่ดูเหมือนในรุ่น Mi 5s Plus นั้นเปิดชัตเตอร์ได้นานแค่ 1/2 วินาทีเท่านั้นเอง (ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับเรื่องกล้องคู่หรือเปล่า)

ลองมาดูตัวอย่างภาพถ่ายจาก Mi 5s Plus กันครับ อันนี้อาจจะไม่เยอะมาก แต่ก็พยายามถ่ายมาทั้ง 2 โหมดให้เทียบกัน

=ตัวอย่างภาพถ่าย Mi 5s Plus ในโหมดปกติ (ใช้กล้องตัวเดียว)=

 

=ตัวอย่างภาพถ่าย Mi 5s Plus ในโหมด Clear Sight (ใช้กล้องคู่)= 

อย่างนึงที่แอบสงสัยหลังจากได้ลองมาแล้วคือกล้องคู่นั้นดูเหมือนจะไม่มีกันสั่น หรือ OIS ในเวลาถ่ายภาพแบบปกตินั้นแอบสั่นง่ายมาก แต่เวลาถ่ายด้วย clear sight กลับไม่สั่น ซึ่งไม่แน่ใจว่าเพราะการรับแสงที่เพิ่มเข้ามาหรือเป็นการประมวลผลของเทคโนโลยีที่ช่วยเอาไว้กันแน่ แล้วก็ภาพแบบกล้องคู่ clear sight นั้นจะมีส่งผลต่อภาพถ่ายแบบเห็นได้ว่าต่างในการถ่ายที่สภาพแสงน้อยคือมันจะคมและมีมิติขึ้น แต่ถ้าสภาพแสงปกติเช่นเวลากลางวันนั้นจะไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่ครับ