ก่อนหน้านี้เราเคยรู้จัก Project Ara ของทาง Google หรือสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมแนวคิดให้เราเลือกถอดประกอบชิ้นส่วนต่างๆ เองได้ ซึ่งนอกจากจะง่ายต่อการซ่อมแซมแล้วยังช่วยให้เราสามารถอัพเดต จัดสเปคมือถือเองได้ ใช้แค่ไหนชอบอะไรก็เลือกเอาชิ้นส่วนที่ต้องการมาใส่ตามใจคล้ายกับการต่อเลโก้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า Project Ara จะเจอคู่แข่งเสียแล้วเพราะว่าล่าสุดมีโปรเจค Puzzlephone ที่มาพร้อมแนวคิดคล้ายๆ กัน เน้นการเปิดให้ผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนส่วนประกอบของมือถือได้เหมือนกันเกิดขึ้นมาแล้ว
แต่ว่าความต่างของ Puzzlephone นั้นคือจะไม่ได้เปิดโอกาสให้เราสลับสับเปลี่ยนอย่างอิสระไปได้เสียหมดทุกชิ้นที่ต้องการเหมือนกับ Project Ara แต่ Puzzlephone จะแบ่งมือถือออกเป็น 3 ส่วนและให้เราเลือกเปลี่ยนเป็นส่วนๆ ไป ทั้ง Brain, Heart และ Spine
Brain คือส่วนหลักของมือถือ ซึ่งในส่วนนี้จะมีทั้งชิปประมวลผล, เซ็นเซอร์ และกล้อง , Heart เป็นส่วนที่ประกอบไปด้วยแบตเตอรี่และส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ และส่วนสุดท้ายคือ Spine จะเป็นส่วนที่อยู่ตรงกลางของตัวเครื่องซึ่งก็จะประกอบไปด้วยหน้าจอแสดงผลและลำโพง ส่วนด้านระบบปฏิบัติการของสมาร์ทโฟนตัวนี้จะใช้ Fork Android หรือเป็นระบบปฏิบัติการที่แตกสายจาก Android ออกมาสร้างเป็นของตัวเองค่ะ
โดยตอนนี้ Puzzlephone ยังเป็นตัวโปรโตรไทป์อยู่แต่ก็คาดว่าน่าจะเป็นรูปเป็นร่างพร้อมเปิดตัวช่วงกลางปีหน้านี้ ยังไงถ้าใครสนใจเตรียมรออัพเดตกันได้นะคะ :]
Source: androidcentral , puzzlephone
Project Ara นำมาเลยถ้าอันนี้แยกได้แค่ 3 ส่วน
แต่สุดท้ายก็ต้องรอดูอยู่ดี
เสียเวลาน่ะครับเรื่องแบบนี้เลิกคิดเถอะ อยากให้มีหลาย specก็ออกหลายรุ่นหน่อยดิไม่น่าจะยาก ทำแบบนี้ถอดเข้าถอดออกก็เจ๊งกันพอดี มือถือมันต้องประกอบแน่นหนานะ จะมาถอดประกอบง่ายๆงี้ได้ไง
ส่วนเรื่องเปลี่ยนชินส่วนได้ ขอเป็น ฝาหลัง กรอบ ฝาหน้า อะไงงี้ได้ไหม เอาเป็นโทรศัพท์ ที่ไม่ว่าจะตกแค่ไหน เปลี่ยนกรอบเอาก็เหมือนใหม่น่ะ เหมือน nokia เมื่อก่อน ตกแค่ไหนเปลี่ยนกรอบเอาก็จบ เล่นสีได้ด้วย
อย่าพยายามคิดแทนคนอื่นครับ
ยกตัวอย่างง่ายๆ ผมมีมือถือเครื่องหนึ่งใช้ได้ปกติอยู่แล้วแต่วันดีคืนดีอยากได้กล้องชัดขึ้น ทำไมผมต้องซื้อเครื่องใหม่ราคาเป็นหมื่นเพื่อเอากล้องด้วยครับ ในเมื่อซื้อหล้องมือถือมาเปลี่ยนอันละไม่กี่ร้อยก็ได้ หรือกล้องเทพๆก็ราคาแค่หลักพัน
หรืออยากได้ CPU ใหม่ ทำไมผมต้องซื้อใหม่ราคาเป็นหมื่นด้วย ในเมื่อซื้อใหม่ได้ในราคาหลักพัน
คุณอาจจะพอใจที่ได้ซื้อใหม่ราคาเป็นหมื่น แต่สำหรับผม ผมชอบแบบถอดเปลี่ยนมากกว่าง่ายกว่าถูกกว่า 7-8เท่าด้วย
เรื่องกรอบนี่เห็นด้วยครับ แต่เรื่องให้ออกหลายรุ่นนี่คิดใหม่ดีกว่า อย่างเจ้าตลาดยี่ห้อนึงตอนนี้ ออกมาซะเรื้อนเลย พูดชื่อรุ่นบางรุ่นไปบางทีคนยังไม่รู้จักเลย ผมขายโทรศัพท์อยู่ ยังจำชื่อรุ่นไม่ครบเลย เจอลูกค้าถาม "น้องสองรุ่นนี้ต่างกันไง" เงิบทุกที
เรื่องกรอบนี่เห็นด้วยครับ แต่เรื่องให้ออกหลายรุ่นนี่คิดใหม่ดีกว่า อย่างเจ้าตลาดยี่ห้อนึงตอนนี้ ออกมาซะเรื้อนเลย พูดชื่อรุ่นบางรุ่นไปบางทีคนยังไม่รู้จักเลย ผมขายโทรศัพท์อยู่ ยังจำชื่อรุ่นไม่ครบเลย เจอลูกค้าถาม "น้องสองรุ่นนี้ต่างกันไง" เงิบทุกที
ออกหลายๆรุ่นไม่ง่ายนะครับเพราะนั่นหมายถึงต้นทุนที่เพิ่ม คือต้องเสียค่าออกแบบเพิ่ม(ไม่ได้หมายถึงแค่ภายนอกแต่หมายรวมถึงภายใน) เมื่อผลิตจำนวนน้อยต้นทุนต่อชิ้นก็เพิ่ม ค่าใช้จ่ายในการ support ก็เพิ่ม(ทั้ง software และชิ้นส่วน hardware สำหรับซ่อม) ทำการตลาดก็ลำบากแบ่งแยกระดับราคาได้ยาก แถมจำนวนมากรุ่นก็ทำให้ลูกค่าสับสนไม่แน่ใจว่าอันไหนรุ่นไหนหรือจะซื้อระดับราคาไหนดี และถ้าติดตามข่าวดีๆแต่ล่ะบริษัทก็พยายามหาทางลดจำนวนรุ่นทั้งนั้นเลยครับ
แล้วถ้าเทียบกับกรณีถอดเปลี่ยนชิ้นส่วนได้ล่ะ? สมมุติ 3 ส่วนอย่างข้างบนออกมาส่วนล่ะ 3 รุ่น ลูกค้าสามารถผสมได้ได้ถึง 27 แบบ แล้วก็เรื่องแน่นหนานี่ถ้าเป็น Project Ara เขาคิดไว้แล้วครับ http://www.independent.co.uk/life-style/gadgets-and-tech/googles-project-ara-update-modular-phones-will-be-held-together-with-electropermanent-magnets-9237952.html
ถ้านึกไม่ออกว่าจะสับสนยังไงลองจินตนาการถึงเหตุการณ์ที่มี Galaxy ตั้งแต่ A ถึง Z ออกวางจำหน่ายพร้อมกันโดยแต่ล่ะรุ่นมีความต่างเพียงเล็กน้อยไปเรื่อยๆ ลองคิดในสถานการณ์ต่อไปนี้แล้วตอบคำถามดู
(1)ถ้าคุณเป็นฝ่ายการตลาดคุณจะแบ่งราคาแต่ล่ะรุ่นอย่างไรและจะทำการตลาดอย่างไรไม่ให้แต่ล่ะรุ่นทับซ้อนกันและแข่งกันเอง
(2)ถ้าคุณเป็นคนที่รับทำโฆษณาให้บริษัทดังกล่าวคุณจะออกแบบโฆษณาอย่างไรให้ผู้ชมรู้จักทั้ง 26 รุ่น
(3)ถ้าคุณเป็นเจ้าของร้านค้าหรือผู้จัดการคุณจะวางแผนการสั่งเครื่องอย่างไรรวมถึงจะโชว์เครื่องไหนอย่างไร
(4)ถ้าคุณเป็นพนักงานขายคุณจะแนะนำลูกค้าที่ไม่มีความรู้เรื่องมือถืออย่างไรในการเลือกซื้อแต่ล่ะรุ่น
(5)ถ้าคุณเป็นลูกค้าคุณจะมีวิธีดูและเปรียบเทียบสินค้าทุกรุ่นอย่างไรโดยไม่สับสน และจะหาซื้อรุ่นดังกล่าวด้วยวิธีใด
ผมว่ามันเสียเวลาเปล่าจริงๆนะ
ลองคิดดูง่ายๆ
ในด้านของผู้บริโภค
0 ราคาของมือถือที่ถอดเปลี่ยนได้ย่อมแพงกว่ามือถือธรรมดา spec เดียวกัน
1 อายุของมือถือเครื่องหนึ่งอยู่ได้ไม่กี่ปี ชิ้นส่วนที่เปลี่ยนไม่ได้ก็รอวันพังเหมือนกับเครื่องอื่นๆ
2 จะเปลี่ยนชิ้นส่วนได้กี่ครั้งในช่วงชีวิตของมือถือ(ถ้าชิ้นนึง4kก็เปลี่ยนได้แค่3อย่างและไม่เกิน3ครั้งไม่งั้นซื้อใหม่ดีกว่า)
3 เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วทำให้มือถือถูกลงและดีขี้น เทียบกับมือถือที่เปลี่ยนได้แค่ชิ้นส่วนบางชิ้นจะสู้ได้ยังไง
4 คุณบอกว่าซื้อชิ้นส่วนใหม่มาเปลี่ยนทำให้คุณปรับเปลี่ยนมือถือคุณได้หลายสิบแบบ แล้วทำไมไม่ซื้อมือถือธรรมดาๆ ใช้ซักปีแล้วขายเป็นมือสอง ซัก 60%ของราคาที่คุณซื้อมา แล้วกำตังบวกค่าที่คุณจะใช้ซื้อชิ้นส่วนไรนั้น ไปซื้อเครื่องใหม่ คุณมีตัวเลือกเป็นร้อยๆรุ่น!!!ทุกราคา แถมเป็นรุ่นใหม่ยี่ห้ออะไรก็ได้
5 แล้วถ้ามันขายไม่ดีเพราะมีคนคิดแบบผมเยอะ แล้ว บริษัทนี้จะยังผลิตชิ้นส่วนให้คุณอีกไหม ถ้ามันขาดทุน
ในด้านผู้ผลิต
0 ต้นทุนสูงกว่ามือถือแบบธรรมดา
1 ต้องใช้เงินในการพัฒนา software ให้แต่ละแบบที่ใช้ชิ้นส่วนต่างกันให้ครบทุกแบบ
2 แล้วพอขายเครื่องหลักไปแล้ว ชิ้นส่วน แต่ละชิ้นจะขายแพงมากก็ไม่ได้ ไม่งั้นคนไปซื้อใหม่ แต่ถ้าขายถูกแล้วจะเอากำไรจากไหน สุดท้ายถ้าทุกคนมีเครื่องหลัก แล้วบริษัทนี้ จะเน้นขายแค่ ชิ้นส่วนถูกๆหาลำไพ่ประทังชีวิตหรอ
3 แล้วประกันเครื่องจะคิดยังไง ถ้าคิดเฉพาะตัวหลักรับประกันแค่ 1ปี หลังจากเกิน1ปีไปแล้ว ลูกค้าคุณมันจะกล้าอัพชิ้นส่วนใหม่อีกไหม เครื่องหลักพังเมื่อไหร่ไม่รู้
4 จะให้ซอยรุ่นถี่แบบ SS ก็เว่อไปแต่ ออกปีล่ะ 3รุ่นดีไหม รุ่นประหยัด รุ่นกลาง รุ่นเรือธง ดีกว่าไหมออกแบบให้ใช้ชิ้นส่วนร่วมกัน ออกรุ่นใกล้ๆกัน จะประหยัดกว่าทำชิ้นส่วนขาย
5 เหมือนเครื่อง PC พอเทคโนโลยีมันล้าสมัยมากๆเข้า ก็ต้องออกตัวเครื่องหลักตัวใหม่ ไม่งั้นก็ไม่รองรับเทคโนโลยีใหม่ เหมือน PC ต้องเปลี่ยน Main board แหละ จะให้เปลี่ยนแค่ cpu อับRAM กับ การ์ดจอไปเรื่อยๆก็ไม่ไหวเพราะรุ่นใหม่ๆมันไม่รองรับ
สุดท้ายก็ต้องมาเริ่มขายกันใหม่ แล้วลูกค้าจะยังซื้อคุณอยู่ไหม ยิ่งวงจรชีวิตมือถือมันสั้นด้วยแล้ว ไม่เกิน2ปีคงต้องเปลี่ยน
ถ้าคนระดับ สตีฟจอป คิดสั้นๆอยู่ในกรอบแค่นี้ เราคงไม่ได้เห็นไอโฟนรุ่นแรกที่เป็นนวัตกรรมระดับเปลี่ยนมือถือทั้งโลก ดีที่เป็นแค่ยูสเซอร์ธรรมดา
.. อาจจะเพราะคิดแคบๆแค่นี้ เลยเป็นแค่ยูสเซอร์ธรรมดา
ขอโทษที่พูดตรงไป
ขอโทษนะครับ
แต่ผมไม่คิดว่า Steve Jobs จะคิดสร้าง Puzzle Phone แบบนี้เช่นกัน
จะเปลี่ยนแปลงโลกต้องสร้างนวัตกรรมไม่ใช่ขายของเล่น lego แบบนี้
เขาเรียกขาย idea แปลกๆนะครับ มันต่างกับนวัตกรรมแห่งโลกอนาคต
ไม่มีอะไรถาวรในมือถือ หรอกเดี๋ยว เทคโนโลยีใหม่ก็มา
คุณอยากจะใช้ Puzzle Phone เครื่องเดียวยี่ห้อเดียวนั่งรอเปลี่ยน Brain , Heart, Spine ไปตลอดชีวิตหรอ
จริงๆแค่เพราะมันแปลกใหม่ก็ไม่ได้แปลว่ามันดีกว่าของเก่านะ
แล้วผมคิดของผมแบบนี้ แต่ไม่ได้ไปว่าอะไรคุณซะเมื่อไหรคุณคิดยังไงก็พูดกันไปสิ
มาดูถูกหาว่าผมเป็นแค่ ยูสเซอร์ธรรมดาอีก อ้าง Steve Jobs อีก…(ลองถามแกดูก่อนไหม)
ถึงผมไม่ได้ผลิตมือถือขาย แต่ผมจบวิศวกรรมศาตร์คอมพิวเตอร์จาก ม.เกษตร ทำงานอยู่บริษัท ผลิตและจะหน่ายจอ Multimedia ทั้งธรรมดาและ Touchscreen ติดตั้งตามห้าง งานผมทั้งออกแบบ ผลิตภัณฑ์ ทำ software ทำ Media โฆษณา แล้วคุณล่ะเป็นอะไร นักออกแบบ lego รึไงทำมาว่าผมยูสเซอร์
เจ๋งมากๆ ชอบๆ แยกเป็นหมวดหมู่สำหรับเปลี่ยนดี ถ้ามาจริงๆคงได้มีคนทำเป็นเซ็ตสำหรับกลุ่มบุคคลออกขาย เชียร์ ++
มันทำได้น่ะ แต่ต้องอยู่ในเงื่อนไขที่ บริษัทผลิตพวกฮาร์ดแวร์จะทำให้รึเปล่า เพราะถ้าผลิตเองต้นทุนสูงมาก ขนาด Notebook ผู้บริโภคอย่างเรายังเลือกสเปคไม่ได้ เพราะมันติดงื่อนไขเรื่องขนาดตัวเมนบอร์ด แรม หรือแม้แต่ฮาร์ดดิส ถ้า Notebook สามารถเลือกสเปคได้แล้วอันนี้ผมไม่เถียง เพราะบริษัทผลิตคอมพิวเตอร์ยักษใหญ่ ทั้ง Apple/Acer/lenovo/Dell/Toshiba ยังไม่มีแนวโน้มทำเลย ถ้า Puzzle Phone/Project Ara ทำสำเร็จก็จะดีแต่ผมว่ายังไงก็ยังติดเงื่อนไขด้านตัววัตถุดิบหรือฮาร์ดแวร์อยู่ดี ตอนนี้ที่ผมอยากเห็นมากกว่าสมาร์ทโฟนถอดประกอบได้คือ โน้ตบุ้คที่สามารถเลือกหน้าจอ Cpu Ram และ ส่วนเชื่อมต่อเองได้ก่อน เพราะถ้าเทคโนโลยีโดดข้ามไม่เป็นขั้นตอนมันก็ไม่ใช่เทคโนโลยี
หน้าตามันดูน่าจะสวยกว่า Ara นะ 55555
ผมนึกถึงคอมฯประกอบเอง
อนาคตก็ไม่ได้มีชิ้นส่วนจากยี่ห้อนี้ยี่ห้อเดียวนี่นา(คิดว่า)น่าจะมียี่ห้ออื่นโดดลงมาร่วมแจม ขายส่วนที่เป็นกล้อง ขายส่วนที่เป็นแบต ขายชิ้นที่มันเป็นกล้องแล้วติดเลนส์กล้องโปรได้ ตัวบอดี้มีแฟลชแยก หรือขายส่วนบอดี้ที่มันไปยึดติดกับจักรยาน หรือนั่นนู่นนี่ได้เยอะแยะ แทนที่ต้องซื้อทีเดียวทั้งเครื่อง ก็ซื้อทีละส่วนได้ ประกันก็แยกชิ้นไป ง่ายดีออก