realme ประกาศเปิดตัวระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่ realme UI 2.0 อย่างเป็นทางการ ทำงานอยู่บนพื้นฐานของ Android 11 ออกแบบภายใต้แนวคิด ความสนุกไร้รอยต่อสำหรับคน Gen Z แบ่งจุดเด่นออกเป็น 3 หมวดหมู่ ได้แก่ ดีไซน์ที่ปรับแต่งได้ ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย และประสิทธิภาพการใช้งาน ส่วนจะมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง เราสรุปมาให้แล้วในบทความนี้ครับ

ปรับแต่งหน้าตาการใช้งานได้หลากหลาย

realme UI 2.0 ได้ให้อิสระแก่ผู้ใช้งานในการปรับแต่งหน้าตา UI ของตัวอุปกรณ์ มีธีมมาให้เลือกแบบไล่โทนสีสำเร็จรูป 5 โทน และแบบสีเดี่ยวอีก 10 สี เปลี่ยนรูปแบบฟอนต์ รูปร่างไอค่อน และกำหนดขนาดได้อย่างอิสระ โดยสามารถนำไปใช้งานร่วมกับลอนเชอร์ (launcher) อื่น ได้ ๆ แถมยังรองรับการติดตั้งฟอนต์และไอค่อนจาก third party อีกด้วย ใครที่ชอบปรับแต่งธีม ปรับแต่งหน้าโฮมให้สวยงามตามสไตล์ตัวเองต้องถูกใจฟีเจอร์ใหม่นี้แน่นอน

หน้าจอแสดงผล Always-On Display ได้รับการปรับปรุงใหม่ มีหน้าปัดนาฬิกาสวย ๆ ให้เลือกมากมาย ทั้งแบบดิจิทัลและแบบเข็ม หรือจะตั้งค่าให้แสดงผลเป็นภาพกราฟิกสวย ๆ พร้อมข้อความก็ทำได้เช่นกัน นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงในส่วนของ Dark Mode บน realme UI 2.0 เองก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจ สามารถเลือกปรับได้ 3 สไตล์ คือ Enhanced (ดำสนิท), Medium (เทาเข้ม) และ Gentle (เทา) ซึ่งแต่ละรูปแบบก็จะมีคอนทราสต์ที่แตกต่างกันไป สามารถตั้งค่าเป็น Auto ให้ตัวเครื่องทำการวัดแสงโดยรอบจากเซ็นเซอร์ ambient แล้วประมวลผลเลือกรูปแบบที่เหมาะสมที่สุดตามช่วงเวลานั้น ๆ ให้เอง

ปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้ใช้

ปกป้องความเป็นส่วนตัวด้วยฟีเจอร์ Smart protection เมื่อแอปใด ๆ พยายามเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวที่ละเอียดอ่อนของเรา อันได้แก่ ประวัติการโทร รายชื่อผู้ติดต่อ รายการข้อความ และตารางกิจกรรม (ในปฏิทิน) ระบบจะแทนที่ข้อมูลดังกล่าวโดยการจำลองข้อมูลเปล่า ๆ ขึ้นมาแล้วส่งกลับไป ทำให้แอปไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่แท้จริงได้

ถัดมาคือฟีเจอร์ App Lock คุณสมบัติก็ตรงตามชื่อเลย คือ สามารถล็อกแอปที่กำหนดโดยการตั้งรหัสผ่าน เลือกได้ระหว่าง แพตเทิร์น พิน และรหัสผ่าน สูงสุดถึง 16 ตัว ซึ่งจะเป็นการบล็อกไม่ให้สามารถแอบดูข้อมูลภายในแอปที่คาอยู่บนหน้า recent ไปในตัวด้วย

ตามที่กล่าวไว้ข้างต้นว่า realme UI 2.0 ทำงานอยู่บนพื้นฐานของ Android 11 ดังนั้นฟีเจอร์ความปลอดภัยทั้งหลายของ Android 11 ก็ถูกเพิ่มเติมเข้ามาด้วยเช่นกัน เช่น one-time permissions หรือการให้สิทธิ์เข้าถึงเพียงครั้งเดียว และความสามารถในการรีเซ็ตสิทธิ์การเข้าถึงโดยอัตโนมัติ เมื่อมีแอปใด ๆ ที่ไม่ได้ถูกใช้งานเป็นระยะเวลาหนึ่ง ระบบก็จะแจ้งเตือนการรีเซ็ตดังกล่าวขึ้นมาใหม่ เป็นการยกระดับความปลอดภัยไปอีกขั้น เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติด้านความปลอดภัยยิบย่อยที่ถูกเพิ่มเติมเข้ามาอีก เช่น ความสามารถในการบล็อกข้อความและโฆษณาหลอกลวง บล็อกเบอร์โทรศัพท์ไม่พึงประสงค์ และการเสริมความปลอดภัยให้กับฟีเจอร์การชำระเงิน เป็นต้น โดย realme เรียกความสามารถรวม ๆ ในส่วนนี้ว่า Security Shield นั่นเอง

เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน

ประสิทธิภาพการใช้งานโดยรวมของ realme UI 2.0 นั้นดีขึ้นกว่าเดิมมาก โดยสามารถบริหารจัดการทรัพยากรของระบบได้ดีขึ้นถึง 45% ส่งผลให้ความเร็วเพิ่มขึ้น 32% เฟรมเรทเสถียรขึ้น 17% อีกทั้งยังเปิดแอปได้ไวขึ้น 23.63% เมื่อเทียบกับ realme UI เวอร์ชั่นก่อน

ฟีเจอร์ใหม่ที่ชื่อว่า Sleep Capsule เป็นสิ่งที่ realme พัฒนาต่อยอดมาจาก Digital Wellbeing ของ Android ช่วยติดตามสุขภาพและประสิทธิภาพในการนอนหลับของผู้ใช้งานในแต่ละวัน โดยผู้ใช้งานสามารถกำหนดช่วงเวลาการทำงานได้ด้วยตนเอง

ส่วนฟีเจอร์เจ๋ง ๆ จาก Android 11 เองก็ถูกยกมาแทบทั้งหมด เช่น Floating Windows การใช้งานแอปแชทแบบหน้าต่างลอย, การจัดเรียง Notification Bar รูปแบบใหม่และปรับปรุงหน้าตาให้ดูเรียบง่ายยิ่งขึ้นในสไตล์มินิมอล, ฟีเจอร์การสลับ output ในการฟังเพลงได้อย่างรวดเร็วได้จาก media control และอื่น ๆ อีกมากมาย

รายชื่อมือถือ realme ที่จะได้อัปเดต realme UI 2.0

ทาง realme ได้เปิดเผยกำหนดการและรายชื่อสมาร์ทโฟนของตัวเองที่จะได้รับการอัปเดตเป็น realme 2.0 เวอร์ชั่นเบต้าออกมาแล้ว ตามรายชื่อด้านล่างนี้เลย

กันยายน

  • realme X50 Pro

พฤศจิกายน

  • realme 7 Pro
  • realme narzo 20

ธันวาคม

  • realme 6 Pro
  • realme 7
  • realme narzo 20 Pro
  • realme X2 Pro

มกราคม

  • realme X3
  • realme X3 SuperZoom
  • realme X2
  • realme 6realme C12
  • realme C15

กุมภาพันธ์

  • realme 6i
  • realme narzo 10

มีนาคม

  • realme C3
  • realme narzo 10A

ไตรมาสที่ 2 ของปี 2021

  • realme X
  • realme XT
  • realme 3 Pro
  • realme 5 Pro
  • realme narzo 20A

สำหรับ realme UI 2.0 เวอร์ชั่นตัวเต็มนั้นจะเริ่มปล่อยให้อัปเดตกันตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไปเริ่มจากซีรีส์เรือธงอย่าง realme X50 Pro เช่นเคย ซึ่งจะเห็นได้ว่า realme UI 2.0 เป็นการอัปเดตที่น่าสนใจมากทีเดียว มีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่เข้ามาเพียบ ประสิทธิภาพการใช้งานเองดีขึ้นเช่นกัน

 

ที่มา : realme