บริการสตรีมมิ่ง Disney+ Hotstar พึ่งเปิดตัวในประเทศไทยไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ก็ทำเอาตลาดแตกด้วยคอนเทนต์ระดับคุณภาพแต่มาในค่าบริการสบาย ๆ เพียงปีละ 799 บาท (ลูกค้า AIS เหลือเดือนละ 35 บาท) เท่านั้น แต่ก็น่าจะมีหลายคนที่ลังเลอยู่ว่า เอ…สมัครไปแล้วจะมีอะไรให้ดูบ้าง? จะมีแต่หนังการ์ตูน หรือหนังเด็ก ๆ จากค่าย Disney เท่านั้นหรือเปล่า? ค่าสมัครกับคอนเทนต์คุ้มมั้ย? วันนี้เราก็เลยขอรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับบริการ Disney+ Hotstar มาให้ดูกันครับ ว่ามันน่าสมัครหรือไม่ และจะเหมาะกับใครบ้าง?

เปิดตัว Disney+ Hotstar บริการสตรีมมิ่งน้องใหม่ในไทย ค่าบริการรายปี 799 บาท เริ่มสตรีม 30 มิถุนายนนี้

1.Disney+ Hotstar คืออะไร?

Disney+ Hotstar เป็นบริการสตรีมมิ่งที่มีการเก็บค่าบริการเป็นรายเดือน / รายปี มีคอนเทนต์ชื่อดังระดับโลกทั้งซีรีส์, ภาพยนตร์ และรายการอื่น ๆ ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะคอนเทนต์จากค่าย Disney ที่บางคนยังเข้าใจว่าจะมีเฉพาะหนังการ์ตูน หรือหนังเน้นเด็ก ๆ ดูเท่านั้นนะครับ เพราะจริง ๆ แล้วค่าย Disney Studios เป็นเจ้าของบริษัทผู้ผลิตหนังอีกหลายเจ้าทั้ง Marvel Studios ผู้สร้างหนังยอดฮิตที่ทุกคนรู้จักอย่าง The Avengers, Lucasfilm เจ้าของแฟรนไชส์ Star Wars หรือ Indiana Jones, 20th Century Studios เจ้าของหนังระดับ Blockbuster อีกเพียบ ซึ่งเหล่า Studio ที่ยกตัวอย่างมาทั้งหมดนั้นไม่ได้มีแต่หนังเด็ก ๆ แน่นอน

 

2.Disney+ Hotstar มีอะไรให้ดูบ้าง?

อย่างที่บอกไปแล้วว่า Disney+ Hotstar ได้รวบรวมเอาคอนเทนต์ระดับ Blockbuster เอาไว้มากมาย มีทั้งภาพยนตร์, ซีรีส์, รายการทีวี โดยบางคอนเทนต์จะหาดูได้จาก Disney+ Hotstar เท่านั้นด้วย ซึ่งเราจะยกตัวอย่างคอนเทนต์เด็ด ๆ มาให้พอเป็นน้ำจิ้มว่าในวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ซึ่งเป็นวันแรกที่จะเริ่มสตรีมนั้น มีอะไรให้นั่งดูกันบ้างครับ

คอนเทนต์ Exclusive เฉพาะ Disney+ Hotstar

สำหรับคอนเทนต์ Exclusive ของ Disney+ Hotstar รับรองว่าถูกใจแฟน ๆ Marvel และ Star Wars แน่นอน เพราะจัดมาให้แบบเน้น ๆ หาดูจากบริการสตรีมเจ้าอื่น ๆ ไม่ได้แล้ว

  • WandaVision
  • The Falcon and the Winter Soldier
  • Loki
  • The Mandalorian
  • Star Wars: The Bad Batch

ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์

แน่นอนว่าเป็นบริการของ Disney+ Hotstar เราก็จะได้ดูการ์ตูนจากทั้ง Disney และ Pixar อย่างเต็มอิ่มแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ฉายไปนานแล้ว หรือจะเป็นเรื่องที่พึ่งออกจากโรงไปหมาด ๆ นอกจากนี้ยังมีภาพยนตร์สนุก ๆ จากทั่วโลกทั้ง Hollywood และเอเชียรอให้สตรีมดูกันอีกเพียบ อย่างเช่น…

  • Avengers: Endgame / Avengers: Infinity War
  • Ford v Ferrari
  • Terminator: Dark Fate
  • Mulan
  • Maleficent: Mistress of Evil
  • The Lion King
  • Aladdin

แอนิเมชั่นจาก Disney / Pixar

แอนิเมชั่นสุดซึ้งสุดมันจาก Pixar กับ Disney ทั้งใหม่ทั้งเก่า ก็อัดแน่นให้เลือกดูกันได้ตามสบาย

  • Raya and the Last Dragon
  • Soul
  • Ralph Breaks the Internet       
  • Big Hero 6
  • Frozen 1 / 2
  • Toy Story Series
  • Coco
  • The Incredibles 1 / 2

ซีรีส์

ซีรีส์สนุก ๆ ก็มีให้ดูกันได้ยาวแบบมาราธอน ทั้งซีรีส์แนวครอบครัว, ตลกขบขัน, ตื่นเต้น หรือสยองขวัญก็มีครบ

  • The Walking Dead
  • Homeland
  • Criminal Minds
  • Fresh Off the Boat
  • The Simpsons
  • Grey’s Anatomy

ภาพยนตร์และซีรีส์จากเอเชีย

ส่วนใครที่ชื่นชอบดูซีรีส์จากฝั่งเอเชียทั้งเกาหลี, ญี่ปุ่น, จีน ก็ไม่ต้องกลัว เพราะ Disney+ Hotstar ก็มีรวบรวมเอาไว้ให้เลือกดูกันอย่างจุใจไม่ว่าจะเป็น…

  • Seobok
  • The Silent Forest
  • Parasite
  • Ip Man 4: Finale
  • Shin Godzilla
  • Let Me Eat Your Pancreas
  • 24 Japan

ภาพยนตร์และซีรีส์จากประเทศไทย

ไม่ได้มีแค่คอนเทนต์จากต่างประเทศเท่านั้นนะจ๊ะ…เพราะ Disney+ Hotstar ยังรวบรวมเอาหนังและซีรีส์ชื่อดังจากสตูดิโอของประเทศไทยเข้ามาให้ได้เลือกดูกันอีกเพียบไปหมดทั้งจาก GDH 559, สหมงคลฟิล์ม, กันตนา กรุ๊ป และ One31

  • ห้าวเป้งจ๋าอย่าแกงน้อง
  • Extraordinary Siamese Story: Eng and Chang แฝดสยามอินจัน
  • พี่มาก..พระโขนง
  • เฟรนด์โซน
  • น้อง.พี่.ที่รัก
  • Love and Fortune
  • รักแลกภพ

ทั้งหมดนี้เป็นแค่ตัวอย่างของภาพยนตร์และซีรีส์ที่น่าสนใจใน Disney+ Hotstar เท่านั้นนะครับ จะให้ยกมาบอกหมดก็คงจะไม่ไหว เพราะว่ามันมีหนังให้เลือกดูในตอนนี้มากกว่า 700 เรื่อง และซีรีส์อีกเป็นหมื่น ๆ ตอนเลยล่ะ…เรียกว่าภายในปีเดียวก็ไล่ดูกันไม่หมดแน่นอน (มีคอนเทนต์ใหม่ ๆ คอยเติมตลอด) ส่วนรายชื่อของคอนเทนต์ทั้งหมดในตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลครับ

 

3.ภาพยนตร์และซีรีส์ใน Disney+ Hotstar มีพากย์ไทยหรือไม่?

ใครที่ขี้เกียจละสายตาจากตัวหนังมาอ่านซับไตเติ้ล อยากจะฟังเสียงภาษาไทยให้มันจบ ๆ ไป Disney+ Hotstar ก็มีตัวเลือกเสียงภาษาไทยให้กับหนังดัง ๆ ส่วนใหญ่แล้วครับ (อาจจะไม่ได้มีพากย์ไทยทุกเรื่องนะครับ)

 

4.จะมีหนังใหม่จากค่าย Disney ให้ดูแบบชนโรงเหมือนกับ Disney+ หรือไม่?

หนึ่งในความแตกต่างของ Disney+ และ Disney+ Hotstar ก็คือ Disney+ จะมีฟีเจอร์ Premier Access ให้สามารถสตรีมหนังจากค่าย Disney มาดูได้พร้อม ๆ กับการฉายที่โรงหนัง ตัวอย่างเช่นหนังใหม่เรื่อง Black Widow จะเข้าฉายในโรงที่อเมริกาวันที่ 9 กรกฎาคม 2564 ซึ่งก็จะมีให้สตรีมดูได้ใน Disney+ วันเดียวกันนั้นเลย

Premier Access ไม่มีใน Disney+ Hotstar

แต่ Disney+ Hotstar จะไม่มีฟีเจอร์ Premier Access แบบนี้ให้มาด้วยนะครับ ต้องรอให้หนังออกจากโรงซักพักถึงจะปล่อยให้สตรีมดูกันได้ทีหลัง

 

5.ความคมชัดของคอนเทนต์ใน Disney+ Hotstar

คอนเทนต์ส่วนใหญ่ทั้งภาพยนตร์และซีรีส์ใน Disney+ Hotstar จะมีความละเอียด (Resolution) อยู่ที่ระดับ Full HD แต่จะมีบางคอนเทนต์ที่ถูกสร้างขึ้นมาให้แสดงผลได้ที่ความละเอียดระดับ 4K รวมถึงระบบ Dolby Vision และ Dolby Audio เพิ่มความสมจริงให้ภาพและเสียงมากขึ้นไปอีกระดับ

 

6.Disney+ Hotstar ค่าบริการแสนถูก

ถ้าหากให้เทียบค่าบริการของ Disney+ Hotstar กับบริการสตรีมมิ่งเจ้าอื่น ๆ ในบ้านเราตอนนี้นับว่าถูกสุด ๆ ด้วยค่าบริการเก็บแบบรายปีอยู่ที่ 799 บาท ถ้าคิดเป็นรายเดือนก็ตกอยู่ที่ราว ๆ 67 บาทเท่านั้นเอง แถมภายใน 1 บัญชี ยังแยกดูได้ 2 อุปกรณ์พร้อมกันอีกต่างหาก ซึ่งการสมัครบริการจาก Disney+ Hotstar โดยตรง จะมีให้เลือกเฉพาะแบบรายปีเท่านั้นนะครับ หากใครต้องการสมัครแบบรายเดือนจะต้องสมัครผ่าน AIS เท่านั้น

 

7.ลูกค้า AIS ยิ่งได้รับค่าบริการถูกกว่าเดิม

ค่าบริการรายปีปกติก็ว่าถูกแล้ว…แต่ถ้าใครเป็นลูกค้า AIS ยิ่งถูกหนักลงไปอีก โดยลูกค้าที่ใช้แพ็กเกจแบบรายเดือนหรือเติมเงิน (ไม่จำกัดแพ็กเกจขั้นต่ำ) สมัครใช้งาน Disney+ Hotstar ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 27 มิถุนายน 2564 จะได้รับสิทธิพิเศษลดค่าบริการรายเดือนเหลือเพียง 35 บาท จากปกติเดือนละ 99 บาท ซึ่งการสมัคร 1 บัญชียังสามารถดูได้พร้อมกัน 2 อุปกรณ์เหมือนกันครับ

นอกจากนี้หากสมัครกับ AIS ในช่วงเวลาที่กำหนด ยังจะได้ดูฟรีอีก 1 เดือน โดยจะคิดค่าบริการเดือนแรก 35 บาท เดือนที่สองดูฟรี และเดือนที่ 3  ถึงเดือนที่ 13 ก็จ่ายค่าบริการเดือนละ 35 บาทเท่าเดิม คิดรวมแล้วคือดู Disney+ Hotstar ทั้งหมด 13 เดือน ในราคา 420 บาท (หลังจากนั้นแล้วจะมีข้อมูลโปรโมชั่นค่าบริการอื่น ๆ แจ้งอีกที) คุ้มจนไม่รู้จะคุ้มยังไงแล้วจ้า

UPDATE โปรข้างต้นหมดไปแล้ว ตอนนี้ AIS ออกโปรใหม่เป็นเดือนละ 49 บาท หรือรายปี 499 บาทแทน

 

8.สมาชิก AIS Play Premium / Premium Plus ดูฟรีสูงสุด 12 เดือน

สำหรับใครที่เป็นสมาชิก AIS Play Premium หรือ Premium Plus อยู่แล้ว ไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติมก็จะได้รับสิทธิดู Disney+ Hotstar ฟรี ๆ ไปเลย โดย AIS Play Premium จะได้ดูฟรี 6 เดือน ส่วน AIS Play Premium Plus จะได้ดูฟรี 12 เดือนไปเลยจ้า และเมื่อครบกำหนด 6 เดือน – 12 เดือนแล้ว จะมีข้อความส่งมาถามว่าต้องการใช้บริการต่อหรือไม่ ถ้าต้องการใช้ต่อก็สามารถสมัครได้ในราคาพิเศษ 35 บาทเท่าเดิม

 

9.วิธีสมัคร Disney+ Hotstar แสนง่ายดาย

Disney+ Hotstar สมัครได้ 2 ช่องทางหลักคือ สมัครจาก Disney+ Hotstar โดยตรง และสมัครจาก AIS ซึ่งข้อแตกต่างก็คือหากสมัครจาก Disney+ Hotstar จะต้องสมัครแบบรายปีเท่านั้น ส่วนการสมัครจาก AIS จะสมัครได้แบบรายเดือน

  • สมัครผ่าน Disney+ Hotstar : ลูกค้าทั่วไปเข้าสมัครทางเว็บไซต์ Hotstar.com/th เริ่มสมัครได้วันที่ 30 มิถุนายน 2564
  • สมัครผ่าน AIS : ลูกค้า AIS เข้าสมัครทางเว็บไซต์ AIS.co.th ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
  • สมัครผ่าน AIS : ลูกค้า AIS เข้าสมัครทางแอป myAIS ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
  • สมัครผ่าน AIS : ลูกค้า AIS เข้าสมัครด้วยการกดเบอร์ *111 แล้วโทรออก ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

10.ดู Disney+ Hotstar ได้จากหลากหลายอุปกรณ์

Disney+ Hotstar สามารถดูได้ทั้งจากแอปในอุปกรณ์ Android และ iOS ซึ่งจะเปิดให้ดาวน์โหลดจาก Play Store และ App Store ในวันที่ 30 มิถุนายน 2564 รวมถึงดูผ่านเว็บไซต์ Hotstar.com ก็ได้ สำหรับ PC ส่วนรายชื่ออุปกรณ์ และเบราว์เซอร์ที่รองรับการใช้งานก็มีรายชื่อตามนี้

  • Android 4.4 ขึ้นไป
  • iOS 10.0 ขึ้นไป
  • Android TV OS 7 ขึ้นไป
  • Chromecast gen 2 ขึ้นไป (Firmware 1.43+)
  • Apple tvOS 11 ขึ้นไป (Gen 4+)
  • เบราเซอร์ Chrome v75 ขึ้นไป
  • เบราว์เซอร์ Safari v11 ขึ้นไป
  • เบราว์เซอร์ Microsoft Edge V79 ขึ้นไป
  • เบราว์เซอร์ Firefox

ส่วนผู้ที่ใช้งานกล่อง AIS Playbox อยู่ ในตอนนี้จะไม่รองรับการใช้งาน Disney+ Hotstar นะครับ อาจต้องรอกันอีกซักพักนึง เพราะทาง AIS กำลังร่วมมือกับ Disney+ Hotstar เพื่อพัฒนาให้กล่อง AIS Playbox สามารถใช้งานได้ในอนาคต

AIS Playbox ยังใช้ Disney+ Hotstar ไม่ได้

ทั้งหมดนี้ก็คือข้อมูลของบริการ Disney+ Hotstar ในประเทศไทย ซึ่งบอกตรง ๆ เลยว่าเป็นบริการสตรีมมิ่งน้องใหม่ที่น่าสนใจสุด ๆ ทั้งเรื่องคอนเทนต์ เรื่องของค่าบริการ รวมถึงโปรโมชั่นสุดคุ้ม…ถ้าใครมีข้อสงสัยตรงไหน ก็ทิ้งคำถามเอาไว้ได้ในคอมเม้นท์แล้วเราจะพยายามไปหาคำตอบมาให้ครับ

 

ดู Disney+ Hotstar ได้ผ่านช่องทางไหนบ้าง หลังแอป Android และ iOS เปิดให้ดาวน์โหลดแล้ววันนี้