กระแสที่มาแรงไม่แพ้ iPhone 6 อีกอย่างนึงนั่นก็คือ Apple Pay บริการ Mobile Payment ที่ใช้ NFC “แตะแล้วตื้ด” เป็นตัวช่วยในกาจ่ายเงินซื้อสินค้าและบริการต่างๆ นั่นเอง ซึ่งการขยับตัวของ Apple บอกเลยว่าเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่สะเทือนวงการได้เหมือนกัน จนหลายๆ คนมองว่า Apple Pay นั้นต้องเกิดแน่นอน
ส่วนตัวผมเองก็อยากให้ระบบ Mobile Payment มันเกิดมาตั้งนานแล้วครับ ตั้งแต่สมัยปี 2011 ที่ Google Wallet เปิดตัวและใช้ Galaxy Nexus เป็นตัวชูโรงนั่นแหละ แต่ผ่านมาจนถึงปี 2014 แล้วมันก็ยังไม่เกิด ซึ่งหลายๆ คนมองว่าปัญหามันอยู่ที่ระบบของ Android หรือเปล่า ดูไม่ปลอดภัย ไม่สเถียร คนเลยไม่กล้าใช้ หรือไม่ก็บอกว่าพันธมิตรไม่แข็งแกร่งพอ ไม่มีธนาคารหรือบัตรยี่ห้อดังๆ เข้ามาร่วม อะไรแบบนี้
แต่เหตุการณ์จริงๆ มันไม่ใช่แบบนั้นเลยสักนิดครับ หนึ่งในสาเหตุที่ Google ไม่สามารถผลักดันให้ Wallet เกิดได้ ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาที่ Apple Pay กำลังจะเจอ นั่นก็คือกลุ่มเครือข่าย MCX
ซึ่งเรื่องนี้อดีต MOD ของ DroidSans ท่าน @k0nglek เคยออกมาทวิตไว้เมื่อช่วงเดือนกันยายน ช่วงที่มีข่าวว่า iPhone 6 จะฝัง NFC มาด้วยว่า
“สาเหตุที่ mobile payment ยังไม่เกิดซักที ไม่ใช่เพราะ iPhone ไม่มี NFC แต่เพราะร้านใหญ่ไม่เอาด้วย ร้านพวกนี้ร่วมมือกันอยู่แล้วในชื่อ MCX”
งั้นเราลองมาทำความรู้จัก MCX กันหน่อยดีกว่าว่าเค้าเป็นใคร ใหญ่มาจากไหน ถึงกล้าต่อกรณ์กับ Apple และ Google ได้ถึงขนาดนี้
ในปี 2012 ร้านค้ายักษ์ใหญ่หลายรายในสหรัฐอเมริกาได้จับมือกันก่อตั้งกลุ่ม MCX ขึ้นมา มีทั้ง Bestbuy, Walmart, 7-11 และอื่นๆ ได้รวมตัวกัน และกำลังพัฒนาระบบ Mobile Payment ของตัวเองขึ้นมา โดยใช้ชื่อว่า CurrentC
MCX ได้ประกาศว่าระบบ CurrentC จะพร้อมให้ใช้งานในปี 2015 และตอนนี้ก็เริ่มขยายตัวไปจับมือกับร้านค้ารายอื่นๆ ให้เข้ามาร่วมใช้ระบบ CurrentC ด้วยแล้ว ตอนนี้ร้านค้าหลายรายเริ่มออกมาประกาศยกเลิกการสนับสนุน Apple Pay รวมถึงมีการแก้ไขตัวเครื่องอ่าน NFC หรือบางร้านถึงกับปิดไปเลย เพื่อไม่ให้ Apple Pay สามารถใช้งานได้
แน่นออว่ากลุ่มแรกคือร้านค้าปลีกยักษ์ใหญ่ Walmart และ BestBuy ตัวตั้งตัวตีของ MCX ที่ออกมาประกาศเลยว่าจะไม่สนับสนุน Apple Pay แน่นอน
ร้านขายยา Rite Aid ที่มีสาขากว่า 4600 ทั่วสหรัฐ ประกาศยกเลิกการสนับสนุน Apple Pay และ Google Wallet ที่ใช้มานานไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย ทั้งๆ ที่ในช่วงที่ Apple Pay เปิดให้บริการมีลูกค้ามาทดลองจ่ายเงินกันเยอะแยะ และกำลังเตรียมใช้ระบบจ่ายเงินแบบใหม่ที่ร่วมมือกับผู้ค้ารายใหญ่อีกหลายราย โดยระบบนี้จะเริ่มเปิดให้บริการในช่วงต้นปี 2015 แน่นอนว่ามันคือ CurrentC เห็นๆ (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ imore)
เครือข่ายร้านขายยารายใหญ่อีกเจ้า CVS ก็เป็นอีกรายที่ปิด NFC ไปแล้วเรียบร้อย ออกมาบอกว่าไม่สนับสนุน Apple Pay อีกต่อไป และ Google Wallet ก็โดนหางเลขไปด้วยเหมือนกัน (อ่านเพิ่มเติมที่ macrumor)
นี่แหละครับคือแข็งแกร่งของกลุ่ม MCX ที่ตอนนี้เริ่มขยายตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งส่วนหนึ่งที่กลุ่มร้านค้านั้นรวมกันจัดตั้งระบบ CurrentC ขึ้นมานั้นก็เพื่อเลี่ยงค่าบริการบัตรเครดิตที่พวกเค้าต้องจ่ายให้ธนาคารและผู้ให้บริการบัตรนั่นเอง ซึ่งเมื่อร้านค้าไม่ต้องจ่ายเงินตรงนั้น ก็พร้อมที่โยกเอาเงินมาทำโปรโมชั่้นหรือคูปองเพื่อดึงดูดลูกค้าให้มาใช้บริการนั่นเอง
ดูท่าทางแล้วตอนนี้ Apple น่าจะเจอศึกหนัก เพราะมั่นใจว่าร้านค้าอื่นๆ คงจะโดนกลุ่ม MCX กล่อมและยกเลิกบริการที่ใช้ NFC ทั้ง Apple Pay และ Google Wallet ตามรอย Rite Aid และ CVS ไปแน่ๆ ครับ และยิ่งถ้าระบบ CurrentC เปิดให้ใช้บริการจริงจังในปีหน้าแล้วมันติดตลาดขึ้นมาแล้วละก็ NFC, Apple Pay, Google Wallet รวมไปถึงกลุ่มธนาคารและบัตรเครดิตก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้กับกลุ่ม MCX ไปโดยสิ้นเชิง
source : theverge
Walmart Target Bestbuy คงไม่ยอมให้ apple
มากินหัวคิวง่ายๆหรอกมั้ง
อยู่ข้างไหนดีหว่าเรา คือ MCX นั้นจะพัฒนาระบบการจ่ายเงินเองโดยใช้มือถือเป็นตัวกลางด้วยช้ะ?
คือตอนนี้อยากให้ 7-11 จ่ายเงินผ่านระบบ NFC แทนการใช้บัตรอะ
Partner ระดับบิ๊กทั้งนั้น บอกเลย NFC จบแล้ว
ตันในอเมริกา รอบนอกว่ากันอีกที
ขนาดในอเมริกาเองที่คนใช้ iPhone เยอะติด 1 ใน 3 ของโลกยังเกิดยากแบบนี้ แล้วไปดันที่อื่นจะไหวหรือเปล่านี่ต้องคิดหนักเลย ประเทศรองๆ ลงมาก็ญี่ปุ่น ซึ่งนั่นเค้เามีระบบแตะแล้วตื้ด ซื้อของด้วยมือถือมานานมากแล้ว
Apple Pay จะเข้าไปเจาะได้หรือเปล่ายังต้องรอดู
Currentc คือแอพป่ะครับ
ถ้าใช่ งั้นถ้า apple&google ร่วมมือกันบล็อกไม่ให้ขึ้น store ได้มั้ยครับ
แก้แค้นที่ mcx บล็อก apple pay & google wallet
เกิด Microsoft ยอมให้ใช้ CurrentC ทั้งที่อีก 2 เจ้าไม่ยอม
ตอนนั้นยอดขาย WP พุ่งแน่ๆ
ผมว่า apple google โดนฟ้องเละแน่นอน
ส่วน apple กับ google จะฟ้องร้านค้าพวกนั้นน่าจะยาก เพราะร้านค้ามีสิทธิปฏิเสธบัตรเครดิตอยู่แล้ว โดยอาจใช้เหตุผลเรื่อง % ที่ต้องแบ่งให้กับร้านค้า
ถ้าทำถูกมาตรฐานที่ทั้งสองค่ายกำหนดไว้ แล้วโดนบล็อค ได้เกิดการฟ้องกีดกันทางการค้ากันขึ้นแน่นอนครับ
ถ้าapple& googleบล๊อคแอพของMCX จะกลายเป็นGoogle และ Apple ชิบหายเสียเองโดนฟ้องกลับข้อหากีดกันทางการค้าโดนเมื่อไหร่ตายแน่ๆ ส่วนMCXมีสิทธิ์ที่จะไม่รับระบบของพวกนี้อยู่แล้ว
คือmcxเสนอราคาไปที่ศาลว่าเสียหายเท่าไหร่ แล้วในอนาคตจะเสียเท่าไหร่เช่นเสนอไปที่ศาลพันล้านดอลล่าapple& google ก็ต้องจ่ายพันล้าน อาจจะมีขอลดได้นิดหน่อยแล้วแต่ความเห็นของศาลและคณะลูกขุน
Currentc เป็นระบบจ่ายเงินที่ไม่พึ่งพา apple ซึ่งผูกติดบัตรเครดิตและค่าธรรมเนียมมากเกินไปครับ
จริงๆ ถ้ามองในฐานะ ผู้ซื้อกับผู้ชาย Currentc ก็ดีสำหรับทั้งสองฝ่าย เพราะไม่ต้องมีตัวกลางมากินหัวคิว
ความจริง ผู้ผลิต Hardware และ Software ทำตัวเป็นแค่ support ให้มันมีในอุปกรณ์ ก็พอ
เล่นจะลงมากินหัวคิว ใครที่ไหนก็ไม่ยอม ระบบ NFC จะเกิดได้ ต้องไม่กินหัวคิว แค่ให้ NFC ไปผูกกับ บัญชี
หรือ บัตรเครดิต แค่นั้น ก็พอ ที่เหลือ เป็นเรื่องของ ผู้ซื้อ ผู้ขาย และแบงค์ แค่นั้นพอ
จะใช้ของใครผมก็ไม่เกี่ยง
ขอ NFC ละกัน แตะปุ๊บติดเลย ระบบเดียวใช้ได้หลายเจ้าในไทยก็พอแล้ว
ระบบ NFC ของ VISA และ MasterCard ไม่มีการคิดค่าธรรมเนียมจากร้านค้าเพิ่มนะครับ
ถ้าเป็นบัตร VISA PayWave หรือ MasterCard PayPass ก็จ่ายเท่าเดิม
ขึ้นอยู่กับธนาคารผู้ออกบัตร (Issuer Bank) จะเอา NFC ไปใส่ในบัตรประเภทไหน
และ ธนาคารผู้รับบัตร (Acquirer Bank) จะคิดค่าธรรมเนียบกับร้านค้า
คือ เคยจ่ายเท่าไหร่ก็จ่ายเท่าเดิม เช่น
บัตร Classic 1.5%, Platinum 2.0%
แบบนี้ก็ลำบากล่ะนะ
นอกจากว่าร้านที่ยังรับอยู่จะขายดีขึ้นจากบริการทั้งสองค่ายนี้มากๆ อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแลงได้อีกระลอก
แต่ลงท้าย ถ้าร้านค้าปลีกระดับใหญ่ๆ ของเมกาไม่เอาด้วย คงลำบากล่ะ
ที่เหลือ ดูเอาว่าทั้งสองค่ายจะใช้วิธีไหน ไปต่อรองผลประโยชน์กับ CurrentC ถ้าลงตัวก็ยอมให้ใช้ด้วยกัน อะไรแบบนั้น
ส่วนตัว คงใช้การจ่ายเงินแบบเดิมต่อไป
อ่านแล้วงงๆ จริงๆเป็น
Bank(NFC) vs MXC(CurrentC)
รึเปล่า?
แล้ว Apple+Google แทงข้าง NFC
เลยซวย???
ถ้ายอมจะเสียfloatของเงินสดมหาศาลไปให้ คนที่ทำระบบpayment
มีผลต่อการประเมินมูลค่ากิจการแบบ free cash flow appoarch ด้วยมั้งคับ
MCX นี่ใหญ่มากเลยใช่ไหมครับ ที่รู้จัก และ ที่ใช้ มีแค่ 7-11 เท่านั้น
จบกัน …
ได้ดูรูปข้างบนไหมครับว่ามีค่ายไหนบ้าง
walmarts เป็นร้านค้าแนว discount store ที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา (ร้านแบบโลตัส บิ๊กซี)
bestbuys ร้านค้าแนวอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์ที่ใหญ่มากๆ ในอเมริกาเช่นกัน
target นี่ก็ร้านแนว walmarts แต่เล็กกว่า
รวมข้างบนมานี่ กินค้าปลีกของเมกาเยอะมากครับ
ร้านค้าในกลุ่ม MCX ส่วนใหญ่เค้าก็ มีบัตรเคดิต ของเค้าเองอยู่แล้ว เลยไม่อยากไปเสียค่าหัวคิว ให้ apple pay หรือ เสียให้กับ Google อีก ไม่ใช่เรื่องอื่นใดเลย ถ้าสุดท้าย ตกลงแบ่งผลประโยชน์กันลงตัว ทุกอย่างก็ผ่าน
จ้าง redhat รุม hack currentc ให้ข้อมูลหลุดออกมาเยอะๆ
พอคนไม่กล้าใช้ ก็ออกมาโหมโปรโมทความปลอดภัยของระบบ apple pay :v