Asus นอกจากจะสร้างชื่อจาก Zenfone จนเป็นที่รู้จักและให้การยอมรับแล้ว ฝั่งของแท็บเล็ตเองก็มีตั้งแต่ Memo Pad, Fonepad จนล่าสุดได้เปลี่ยนมาใช้ชื่อ ZenPad โดยได้เปิดตัวไปทั้งหมด 3 รุ่น ZenPad C 7.0, ZenPad 7.0 ZenPad S 8.0 และเริ่มทยออยวางจำหน่ายมาเรื่อยๆ วันนี้เราสบโอกาสได้เครื่องมาลอง เลยขอรีวิว ZenPad C 7.0 รุ่นที่ราคาถูกที่สุดเพียง 4,490 บาท ให้ได้อ่านได้ชมกัน

สิ่งที่ซีรี่ส์ ZenPad เปลี่ยนไปจากแท็บเล็ตเดิมๆ ของ Asus คือการเปลี่ยนดีไซน์ให้ออกมาในรูปแบบของแฟชั่นและไลฟ์สไตล์มากขึ้น แม้ด้านหน้าจะดูเหมือนแท็บเล็ตทั่วไป แต่ด้านหลังนั้นกลับให้ความรู้สึกเหมือนกระเป๋าถือของสาวๆ ด้วยลายหนังเทียมที่คาดทับอยู่บนพื้นหลังนั่นเอง  

สเปค ZenPad C 7.0 (Z170CG)

  • Android OS 5.0 (Lollipop) + ZenUI
  • หน้าจอ IPS ขนาด 7 นิ้ว ความละเอียด 1024 x 600 พิกเซล
  • CPU Intel Atom x3-C3230 Quad-Core, 64 bit
  • GPU Mali-450
  • RAM 1 GB
  • หน่วยความจำภายใน 16 GB
  • กล้องหลัง : 2 ล้านพิกเซล
  • กล้องหน้า : 0.3 ล้านพิกเซล
  • แบตเตอรี่ Li-polymer 3,450 mAh
  • 2 ซิม
  • รองรับ 2G / 3G
  • Wireless Data : WLAN802.11 b/g/n, Bluetooth V4.0 + BLE, รองรับ Miracast
  • Sensor : G-Sensor / E-compass / GPS / Light / Proximity / Hall
  • สัดส่วน : 189 x 108 x 8.4 มม., น้ำหนัก 265 กรัม
  • สีดำ, สีขาว, สีเมทัลลิค

ZenPad C 7.0 นั้นมีข้อแตกต่างจากรุ่น ZenPad 7.0 พอสมควรครับ เรื่องแรกเลยคือพวกอุปกรณ์เสริมฝาหลังต่างๆ ของรุ่น 7.0 นั้นไม่สามารถใช้งานได้แล้ว เพราะรุ่น C นั้นถูกออกแบบมาให้เป็นรุ่นประหยัด ฝาหลังรุ่นนี้จึงถอดไม่ได้และมีช่องใส่ซิมแอบซ่อนอยู่ที่มุมขวาล่างของตัวเครื่อง (ซ้ายล่างถ้าเรามองจากด้านหลัง)

ส่วนเรื่องการชาร์จแบตนั้นก็ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงจากแบตที่หมดเหลือ 0% โดยใช้หม้อแปลงที่แถมมาในกล่อง

ตัวเครื่องรองรับการใช้งาน 2 ซิม (เป็น Micro SIM ทั้งสองช่อง) และอีกช่องนึงสำหรับใส่ Miro SD เพิ่มเติมหน่วยความจำ

ส่วนในตัวเครื่อง ZenPad C 7.0 นั้นมีให้อยู่แล้ว 16GB เหลือใช้ใช้ราวๆ 11GB ก็ถือว่าพอเหลือเฟือลงแอปลงเกมได้เยอะพอสมควรอยู่เหมือนกัน

ขนาดของ ZenPad C 7.0 นั้นถือว่าพอใช้ได้เพราะถือในมือเดียวได้ค่อนข้างสะดวก หยิบขึ้นมาโทรออกรับสายได้สบายๆ  ฝาหลังที่เป็นพลาสติกลายหนังก็ช่วยให้เครื่องไม่ลื่น เวลาถือก็ไม่ต้องใช้แรงบีบเยอะเพราะกลัวไหลหลุดจากมือไป ส่วนน้ำหนักก็ถือว่าไม่หนักไม่เบา ถ้าเทียบกับแท็บเล็ตในช่วงราคา 4-5 พันบาท คือถือใช้งานได้เรื่อยๆ แต่นานๆ ก็เมื่อยได้เหมือนกัน

หน้าจอขนาด 7 นิ้วความละเอียด 1024×600 พิกเซลนั้นคำนวนออกมาได้ 170 ppi ถือว่าคมชัดในระดับนึง ถ้าเพื่อการใช้งานเฉยๆ ก็ถือว่าไม่มีปัญหาอะไร อาจจะแค่ไม่เนียนตาในบางครั้ง เช่นถ้าเพ่งๆ หน่อยก็จะเห็นว่าไอคอนบางแอปมันจะเบลอนิดๆ ส่วนพวกตัวหนังสือมันก็จะคมๆ แข็งๆ หน่อยๆ แต่ก็ไม่ถือเป็นอุปสรรคต่อการใช้งาน

แต่ก็ยังมีข้อดีของหน้าจอ IPS มาชดเชยคือมุมมองกว้าง 178 องศา คือมองจากด้านข้างหรือมุมเอียงก็ไม่มีอาการสีเหลือบหรือเป็นเงาขาวๆ และยังมีแอป Splendid ที่ช่วยปรับสีหน้าจอได้ตามแบบที่เราชอบ ใครชอบสีสด สีโทนขาวๆ ก็เลือกปรับได้ รวมถึงมีโหมดลดแสงสีฟ้า (Blue Light ด้วย)

การใช้งานทั่วของ Asus ZenPad C 7.0 แรกๆ ก็ถือว่าลื่นไหลในระดับนึงครับ คือถ้าใช้งานแอปไม่เยอะมาก เน้นเล่น Social และ Chat นิดๆ หน่อยๆ ดูเว็บจอใหญ่ๆ ถือว่ามันตอบโจทย์ได้ดีเลยหละ

แต่พอเปิดแอปเปิดเกมไปสักพักก็จะเจออาการหน่วงเป็นพักๆ เวลาเข้าออกหรือสลับแอปที่ใช้งาน CPU หนัก หรือซัด RAM เยอะหน่อยจะเห็นได้ชัด ยิ่งถ้าลองกดสลับแอปไปมาเร็วๆ จะเห็นได้ชัดมาก ส่วนนึงน่าจะมาจาก CPU Intel Atom X3 ที่ดูเหมือนจะประมวลผลช้าไปนิด คือเหมือนจะยังแรงไม่พอ บวกกับ RAM ที่ให้มาแค่พอใช้งานคือ 1GB นั้นไม่สามารถเปิดแอปรอไว้หลายๆ ตัวได้นั่นเอง ถึงแม้ Zen UI จะใช้ RAM ไปเพียงครึ่งเดียวหรือราวๆ 450MB ก็ตาม ส่วนคะแนน Antutu ได้ออกมาประมาณ 20,000 คะแนน

กล้องหลังความละเอียด 2 ล้านพิกเซลนั้นเป็นแบบ Fixed Focus นะครับ เพราะฉะนั้นจะถ่ายภาพได้ที่ระยะห่างออกมาหน่อย ประมาณ 2 ฟุตขึ้นไป ถ้าใกล้กว่านั้นถ่ายออกมาจะไม่ค่อยชัด ถ้าเอามาถ่ายภาพใกล้ๆ พวกอาหาร เอกสาร หรือตัวหนังสือมันจะเบลอ ซึ่งเป็นข้อจำกัดของกล้องแบบ fixed focus ที่ใช้ในกลุ่มสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตระดับเริ่มต้น กล้องหน้าความละเอียด VGA เวลาถ่ายภาพ selfie จะดูเบลอๆ หน่อยเพราะความละเอียดจอมันสูงกว่าเกือบ 2 เท่าเรียกได้ว่ากล้องของ ZenPad C 7.0 นั้นไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก แต่ก็มีโหมดกล้องมาให้เล่นด้วยกว่า 7-8 โหมดเผื่อเอาไว้ใช้งานในโอกาสต่างๆ กันเช่น โหมด HDR, โหมด Beauty ส่วนตัวอย่างภาพถ่ายก็ลองดูได้ครับ

 

อย่างที่บอกไปก่อนหน้าว่ากล้องเป็นเลนส์แบบ fixed focus ไม่สามารถถ่ายภาพแบบมาโครได้ ถ้าจะถ่ายภาพอาหารอาจจะต้องถือออกมาไกลนิดนึง เข้าไปโคลสอัพไม่ได้นะครับ

ถ้าลองเปิดโหมด effect ก็จะมีลูกเล่นให้เราเล่นกับภาพถ่ายได้อีกนิดหน่อย เช่นการปรับสีภาพ หรือเอฟเฟกต์หิมะตกเอาไว้ถ่ายขำๆ กันแบบนั้น

 ลองมาตัวอย่างภาพจากกล้องหน้า ความละเอียด VGA กันต่อ

มาถึงการดูหนังฟังเพลงกันบ้าง ZenPad C 7.0 นั้นมีระบบเสียง DTS HD มาให้ด้วยซึ่งสามารถปรับเสียงได้หลายรูปแบบเพื่อให้เหมาะกับการชมภาพยนตร์ ฟังเพลง หรือเล่นเกม

รวมถึงยังสามารถปรับ EQ หรือ Equalizer ได้ตามที่เราชอบด้วย แต่หากลองฟังผ่านลำโพงที่ติดมากับเครื่องอาจจะไม่ได้ยินความแตกต่างเท่าไหร่ แนะนำให้หาหูฟังมาเสียบแทน จะได้อารมณ์และอรรถรสกว่ามาก

ส่วนการเล่นเกมนั้นตอนแรกคิดว่าจะเล่นเกมหนักๆ ไม่ไหว แต่พอลองเล่นจริงๆ แล้วก็พอได้อยู่ เกมเบาๆ อย่าง Shooty Skies หรือพวกเกมเล่นขำๆ เพลินๆ ทั่วไปไม่มีปัญหา

พอเป็นเกมกราฟิคเยอะแอคชั่นหนักหน่วงหน่อยอย่าง Darkness Reborn ก็อาจจะเจอกับอาการแล็คนิดๆ และวาร์ปไปมาของตัวละครบ้าง เวลาที่มีเอฟเฟคเยอะๆ

แต่เท่าที่ลองเล่นดูก็คือพอเล่นได้หน่อยๆ เอาตัวรอดได้ ไม่โดนยำตายประมาณนั้น

ส่วนเกมกราฟิคโหดๆ ไฟล์ใหญ่ๆ อย่าง Asphalt 8 นั้นแน่นอนอย่างแรกเลยคือโหลดนานนิดๆ แต่ตอนเล่นก็กระตุกเป็นพักๆ แถมตัวกราฟิคอาจจะไม่ได้สวยเนียนกริ๊ปเหมือนฝั่ง Zenfone 2 เพราะตัวเกมเองก็มีการเลือกปรับรายละเอียดและความสวยของภาพตามความแรงของ CPU และ GPU ไปในตัว เพื่อให้สามารถพอเล่นได้ พอลองสลับมาเป็น Asphalt Nitro ที่ขนาดเกมเล็กกว่าก็เจออาการกระตุกพอๆ กัน สรุปไม่ค่อยเหมาะกับเกมรถแข่งเท่าไหร่

โหมดที่น่าสนใจอีกโหมดของ ZenPad C 7.0 คือ Kid Mode หรือ โหมดเด็กที่เราสามารถล็อคหน้าจอและเลือกแอปหรือเกมสำหรับเด็กๆ ให้เล่นและเข้าได้เฉพาะแอปหรือเกมนั้นๆ

เพื่อป้องกันเด็กไปโหลดแอปเองหรือไปกดซื้อแอปหรือเติมเงินในเกมได้นั่นเอง (อันนี้ต้องล็อค Password ใน Play Store เพิ่มด้วย)

ข้อดีของ ZenPad C 7.0

  • ดีไซน์สวยกว่าแท็บเล็ตรุ่นอื่นๆ ในตลาดในช่วงราคาเดียวกัน

  • วัสดุและงานประกอบถือว่าดี

  • ระบบเสียง DTS ปรับเสียง EQ ได้ ฟังผ่านหูฟังถือว่าโอเค

ข้อเสียของ ZenPad C 7.0

  • กล้องพอใช้ถ่ายรูปได้ ภาพอาจจะไม่ได้คมชัดมากด้วยข้อจำกัดของ fixed focus และตัวเซนเซอร์เอง

  • ซอฟต์แวร์ยังไม่ค่อยเสถียร เจออาการ deep sleep ไป 1 ครั้ง ต้องกด power ค้างเพื่อ reset ใหม่

  • แบตเตอรี่ชาร์จนานไปนิด และจากที่ทดลองใช้งานมาก็กินแบตพอสมควร ยิ่งถ้าเล่นเกมนี่หมดก่อนวันแน่นอน

สรุป Asus ZenPad C 7.0

รวมๆ แล้ว ZenPad C 7.0 นั้นเป็นแท็บเล็ตราคาประหยัดหน้าตาดี ที่เหมาะกับการใช้งานเบาๆ เน้นโซเชียล ดูหนังฟังเพลง เล่นเกมเบาสมองเพลินๆ และเหมาะสำหรับเป็นแท็บเล็ตสำหรับเด็กๆ หรือเอาไว้ให้คุณพ่อคุณแม่หรือญาติผู้ใหญ่ใช้ก็ได้ เรียกว่าทำได้ตามราคา 4,490 บาทครับ

อ้อ แถมทิ้งท้ายไว้นิดนึง ตอนนี้ถ้าซื้อ Asus Zenpad C 7.0 มีโปรโมชั่นซื้อเครื่องพร้อมรับซิม Happy จาก DTAC ตั้งแต่วันนี้จนถึงมกราคม 2559 เล่นเน็ตแค่ 1.50 สตางค์ต่อวินาที ทั้งยังมีโปรโมชั่น เติมเงินเดือนละ 150 บาท รับโบนัสค่าโทรเพิ่มอีก 200 บาททุกเดือน เป็นระยะเวลา 2 ปี รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 4,800 บาท รวมถึงสามารถเล่นโซเชียล Line และ Facebook ได้นานถึง 10 เดือน (โบนัส 200 บาท ต้องใช้ภายใน 15 วัน ตามข้อกำหนดของ DTAC)