จะว่าไปเกมนี้ก็ออกมาพักใหญ่ๆแล้วเนอะ ซึ่งผมก็ซื้อมาเล่นตั้งแต่ตอนมันออกมาใหม่ๆนั่นแหละ แต่ดองรีวิวไว้จนลืม พึ่งจะนึกได้ไม่กี่วันมานี้ก็เลยขุดมารีวิวซักหน่อย

      Chaos Ring 3 เป็นเกมแนว RPG จากค่าย Square Enix ซึ่งภาค 3 นี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับภาค 1 และ 2 แต่อย่างใดทั้งเนื้อเรื่องและระบบ ดังนั้นถ้าจะมาเล่นภาคนี้เลยก็ไม่มีปัญหาอะไร

เนื้อเรื่อง

      เป็นเรื่องราวของพระเอกที่ออกเดินทางเป็นนักผจญภัยเพื่อตามหาวันพีช เอ้ย! ค้นหาสถานที่ในตำนานที่ถูกเรียกกันว่า Paradise ซึ่งในระหว่างการเดินทางก็ได้เจอกับพวกพ้องและพบเรื่องราวต่างๆรวมไปถึงตัวพระเอกเองและความเป็นจริงของโลกในนี้

      พอและ เดี๋ยวหาว่าสปอยล์ (แต่ถ้าอยากสปอยล์ตัวเองสามารถไปอ่านได้ที่ http://pantip.com/topic/33747575)

 

      ตัวเกมจะดำเนินเนื้อเรื่องโดยที่ต้องไปรับเควสทั้งหมด ซึ่งมีแบ่งเป็นเควสหลักและเควสรอง ซึ่งข้อดีของเกมนี้คือไม่ได้บังคับให้ต้องดำเนินเนื้อเรื่องไปเป็นเส้นตรงมากนัก สามารถรับเควสสลับกันไปมาได้ตามใจชอบ (และเควสใหม่ๆก็จะทยอยออกมาเรื่อยๆเมื่อเคลียร์เควสเก่าๆไป)

      แต่ละเควสก็จะมีบอกไว้ด้วยว่ายากมากน้อยแค่ไหน โดยดูจากเลเวลที่แนะนำในเควสนั้นๆ แต่เควสเลเวลสูงๆก็จะค่อยๆออกมาในตอนหลังๆนั่นแหละ 

 

      ในเนื้อเรื่องหลักบางช่วงจะมีวีดีโอคัทซีนให้ดูเลย (มีซับไตเติลให้ด้วยนะ) ไม่เหมือนภาคก่อนๆ

 

      สำหรับเควสรองก็มีทั้งแบบเควสที่ทำได้เรื่อยๆกับเควสที่เป็นเรื่องราวพิเศษของเนื้อเรื่อง รวมไปถึงได้ไอเท็มหรือท่าพิเศษ ซึ่งภารกิจแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น หาไอเท็มมาส่ง จัดการมอนสเตอร์ที่กำหนด ฯลฯ 

 

      และนอกจากเลเวลของตัวละครแล้ว ก็จะมีเลเวลของทีมด้วย ซึ่งเลเวลที่สูงขึ้นก็จะทำให้สามารถรับเควสใหม่ๆได้

 

      เนื้อเรื่องภายในเกมมีให้เลือกตัวเลือกอยู่บ้างเล็กน้อย แต่จากที่ลองดูแล้วก็เหมือนจะไม่ค่อยมีผลต่อเนื้อเรื่องซักเท่าไร

 

      ถ้าเป็นฉากกินข้าวร่วมกันก็สามารถกดเพื่อคุยกับแต่ละคนที่กินข้าวอยู่ด้วยกันได้ 

 

      สำหรับเนื้อเรื่องหลักนั้นแบ่งออกเป็น 4 Episode ด้วยกัน และก็เหมือนภาคก่อนๆนั่นแหละ ที่เล่นจบในแต่ละ Episode แล้วขึ้น End Credits ทุกครั้ง ทำเอาตกใจว่าทำไมจบไวจัง แต่พอดูจนจบก็จะพบว่ามันจะให้เซฟแล้วเล่น Episode ต่อไปนั่นแหละ

 

ดันเจี้ยนภายในเกม

      แผนที่หลักทำภาคนี้ทำออกมาสวยดี แสดงแผนที่เป็นโลกที่มีสถานที่ต่างๆอยู่บนโลก 

 

        ซึ่งแต่ละดันเจี้ยนก็จะมีให้เลือกเลเวลด้วย ซึ่งก็คือเลเวลของมอนสเตอร์ในดันเขี้ยนนั้นๆนั่นเอง มีให้เลือกสูงสุดถึงเลเวล 121-130 ซึ่งจะทยอยปลดล็อคมาให้เรื่อยๆระหว่างที่เล่น ส่วนการเจอมอนสเตอร์ก็คือวิ่งๆอยู่ในดันเจี้ยนแล้วตัดเข้าฉากต่อสู้เหมือนเกม RPG ทั่วไป

 

      ฉากภายในเกมมีการเปลี่ยนแปลงมากกว่าเดิม ฉากส่วนใหญ่เป็นโพลีก้อนขึ้นมาสวยงาม แทนที่จะใช้เป็นภาพหลอกๆเหมือนภาคเก่าๆ (ซึ่งบนหน้าจอความละเอียดสูงจะเห็นว่าภาพมันแตกน่าเกลียด) 

 

      ระหว่างวิ่งอยู่ในดันเจี้ยนจะมีกล่องสมบัติกับ Gem (ผลึกสีชมพู) ให้เก็บด้วย ถ้าเก็บ Gem ครบ 100 อันก็จะกลายเป็น Continue Gem เอาไว้สำหรับฟื้นคืนชีพเวลา Game Over ระหว่างต่อสู้ นั่นก็หมายความว่าเวลา Game Over ก็สามารถกลับมาสู้ต่อได้ถ้ามี Continue Gem

 

      ในแต่ละฉากจะมีมอนสเตอร์เฉพาะฉากนั้นๆอยู่ด้วย สามารถเห็นได้ตั้งแต่วิ่งในดันเจี้ยน 

 

      และที่เพิ่มเติมมาในภาคนี้ก็คือ Treasure สำหรับสะสม ไอเท็มพิเศษ และมีการสะสมคล้ายๆสมุดสะสมแต้ม ซึ่งแต่ละฉาก สมุดสะสมแต้มจะแตกต่างกันไป ซึ่งสามารถดูได้จากหน้าแผนที่หลักว่ามีดันเจี้ยนไหนที่ยังสะสมไม่ครบหรือไม่

      ส่วนเรื่อง Treasure ที่ใช้สะสมในแต่ละดันเจี้ยนจะข้ามไปพูดทีหลังนะ

 

ระบบการต่อสู้

      ภาคนี้เพิ่มตัวละครในตอนต่อสู้มาเป็น 3 ตัวแล้ว หลังจากที่ภาคก่อนๆได้แค่ 2 ตัว และในภาคนี้ค่อนข้างยืดหยุ่น สลับตัวละครไปมาได้ตลอดเวลา การต่อสู้ก็เป็นการกำหนดว่าแต่ละตัวจะโจมตีหรือใช้ท่าอะไร แต่ละดับของตัวละคนแต่ละตัวจะขึ้นอยู่กับค่า Speed ดังนั้นฝ่ายพระเอกหรือศัตรูจะตีก่อนก็ขึ้นอยู่กับค่า Speed เป็นหลัก (สามารถบัพเพิ่ม Speed ได้)

 

      ส่วนเมนูการต่อสู้ก็เหมือนเดิม โจมตีปกติ ใช้สกิล ใช้ไอเท็ม หรือป้องกัน และมีปุ่มโจมตีอัตโนมัติแบบธรรมดาหรือปุ่มโจมตีอัตโนมัติแบบใช้ท่าพิเศษด้วย

 

      สำหรับระบบธาตุในเกมก็จำง่ายมาก มี ไฟ น้ำแข็ง ดิน สายฟ้า แสง และมืด ซึ่งธาตุไหนแพ้ธาตุไหนจะเป็นลักษณะแพ้ธาตุตรงข้ามกันอยู่แล้ว ไม่ได้วนไปมาแบบเกมอื่นๆ

    • ไฟ แพ้ น้ำแข็ง
    • น้ำแข็ง แพ้ ไฟ 
    • ดิน แพ้ สายฟ้า
    • สายฟ้า แพ้ ดิน
    • แสง แพ้ มืด
    • มืด แพ้ แสง

      ในระบบเกมก็จะมีพวกสกิลเปลี่ยนธาตุเป้าหมาย หรือโจมตีผสมธาตุ หรือใช้เวทย์เป็นธาตุต่างๆโดยตรง ซึ่งจะช่วยให้ทำดาเมจได้แรงขึ้น และที่สำคัญคือถ้าโดนโจมตีแบบแพ้ธาตุ (Weak Point) หรือ Critical ก็จะเปลี่ยนไปเป็นลำดับสุดท้ายโดยปริยาย 

 

      ถ้าโดนโจมตีแบบ Weak Point หรือ Critical แล้วมีการโจมตีต่อเนื่องจากตัวละคนอีกตัว ก็จะเป็นท่าโจมตีพิเศษของตัวละครนั้นๆทันที หรือเรียกง่ายๆว่าทำคอมโบนั่นเอง

 

      และก็ยังมีระบบ Break Gauge เหมือนเดิม ถ้าค่าในเกจเทไปทางฝ่ายเรา เราก็จะโจมตีแรงขึ้น แต่ถ้าค่าในเกจเทไปทางฝ่ายศัตรู ก็จะทำให้โดนโจมตีแรงขึ้นเช่นกัน ปัจจัยหลักที่ส่งผลกับค่าในเกจก็คือจำนวนครั้งในการโจมตี ดังนั้นท่าที่โจมตีหลายๆ Hit จะช่วยให้ค่าในเกจเทมาฝ่ายเราได้ง่าย

      และเมื่อค่าในเกจเต็ม Max แล้วโจมตีคอมโบ ก็จะทำให้ตัวละครถัดไปใช้ท่าไม้ตายขั้นสูงสุด ซึ่งมีความแรงกว่าปกติมาก (โดยเฉพาะพระเอก) แต่ทว่าท่าเหล่านี้จะได้ก็ต่อเมื่อผ่านเควสพิเศษของแต่ละตัวละครเท่านั้น 

 

      สำหรับเวทย์ในภาคนี้จะใช้คำว่า Genes (ภาคแรกใช้คำว่า Genes ส่วนภาค 2 ใช้คำว่า Sopia) ซึ่งยืดหยุ่นกว่าภาคก่อนๆมาก เพราะภาคก่อนหน้าเวทย์ของตัวละครนั้นค่อนข้างผูกขาดไปหน่อย ไม่สามารถสลับเปลี่ยนไปมาได้ (มีแต่พระเอกที่เปลี่ยนได้) แต่ภาคนี้เวทย์ที่ใช้ได้จะขึ้นอยู่กับการ์ด Gene ที่ตัวละครนั้นๆใช้อยู่ (สกิลก็ด้วย)

 

      และถ้าตัวละครฝั่งเดียวกันใช้เวทย์เดียวกันก็จะมีโอกาสเป็นการประสานเวทย์ทันทีทำให้เวทย์นั้นๆแรงขึ้นมาก (และแรงขึ้นมากถ้าเป็นการโจมตีแบบแพ้ธาตุ)

      ระดับของเวทย์จะมีแค่ 3 ระดับ เช่นเวทสายน้ำแข็งแบบโจมตีเดี่ยวก็จะเป็น Cocytus, Augmented Cocytus และ Advance Cocytus ส่วนชื่อเวทย์แต่ละธาตุก็จะมีชื่อเรียกต่างกัน เช่นเวทย์มืด ถ้าเป็นแบบโจมตีเดียวก็จะชื่อ Odette แต่ถ้าเป็นโจมตีกลุ่มจะชื่อ Lambda และมีเวทย์สุดยอดของแต่ละธาตุด้วย ซึ่งจะมีเฉพาะในการ์ด Gene บางใบเท่านั้น

      และการต่อสู้ก็จะมีสถานะพวก Buff และ Debuff อยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็น Atk Up, Def Up, Speed Down หรือสถานะ Fruit ที่ตัวละครจะถูกเปลี่ยนเป็นมอนสเตอร์ผลไม้แทน (คล้ายๆ Frog ของ Final Fantasy)

 

      ระบบต่อสู้ในเกมนี้ที่ผมชอบคือเรื่อง Buff และ Debuff นั้นมีความสำคัญมาก เพราะมันจะช่วยให้ต่อสู้ได้ง่าย/ลำบากตามสถานการณ์ ไม่ใช่ว่าเอาแต่ฟันๆยิงเวทย์ๆอย่างเดียว เพราะบ่อยครั้งมันก็ไม่ได้ทำให้ชนะเสมอไป ซึ่งการร่าย Debuff ใส่มอนสเตอร์ก็จะช่วยให้จัดการง่ายขึ้น เช่นมีมอนสเตอร์เควสตัวหนึ่งที่จะฮีลตัวเองเป็นหมื่นทุกเทิร์น แต่ถ้าร่ายพิษใส่ก็จะเสียเลือดแทน

      ยกตัวอย่างการใช้เทคนิคของสกิลเพื่อจัดการบอสแบบง่ายๆ

Play video  

 

 

ระบบการ์ด Gene 

      เมื่อ Gene หรือเวทย์ที่ใช้ในเกมถูกเปลี่ยนมาเป็นการ์ดที่สามารถเก็บเลเวลได้ ผสมได้ ความสนุกของเกมนี้ก็จึงเพิ่มมากขึ้นกว่าก่อนอีกเยอะ เพราะตัวละครทุกตัวสามารถเลือกได้ว่าจะใส่การ์ด Gene ใบไหน ซึ่งจะทำให้สกิลที่ใช้ในตอนต่อสู้เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน  

 

      สำหรับการ์ดจะถูกแบ่งเป็น 3 ระดับด้วยกัน คือ Normal (N), Rare (R) และ Super Rare (SR) ซึ่งแต่ละระดับจะมี Max Level ต่างกัน

    • N สูงสุดที่เลเวล 30
    • R สูงสุดที่เลเวล 60
    • SR สูงสุดที่เลเวล 100

      การ์ด Gene ทุกใบสามารถอัพเกรดเป็น SR ได้ แต่ต้องเกิดจากการผสมเท่านั้นนะ ในเกมนี้ไม่มีการอัพเกรดการ์ด Gene แต่จะเป็นการผสมการ์ด Gene ระหว่างสองใบเข้าด้วยกันแทน ส่วนจะได้ออกมาเป็นอะไรก็ต้องลุ้นอีกที แต่ระดับของการ์ดสามารถเพิ่มได้ด้วยเพิ่มเลเวลให้เต็มแล้วเอาไปผสมกับใบอื่นๆด้วยเงื่อนไขดังนี้

    • N + N = R
    • N + R = R
    • N + SR = R
    • R + R = SR
    • R + SR = SR
    • SR + SR = SR

 

      เมื่อผสมการ์ดเข้าด้วยกัน นอกจากจะได้ใบใหม่ที่เลเวลสูงขึ้น (และเป็นการ์ดอะไรไม่รู้) ยังสามารถแชร์สกิลของใบเก่าที่ใช้ผสมไปให้ใบใหม่ได้ 2 สกิล ซึ่งปกติแล้วการ์ด Gene ทุกใบจะมีสกิลให้ใช้สูงสุดแค่ 6 สกิล ถ้าได้เกินกว่านั้นก็จะถูกบังคับให้เอาออก

       แต่ถ้าเป็นสกิลจากใบเก่าๆที่มาจากการผสมจะถูกเพิ่มเข้ามาทันทีทำให้มีสกิลได้สูงสุดถึง 8 สกิล 

       และการ์ด Gene ทุกใบในเกมสามารถกดดูภาพวาดขนาดเต็มจอได้ ซึ่งแต่ละใบสวยมากและมีเครดิตคนวาดให้ดูด้วย แต่บางครั้งผมกดเข้าไปดูแล้วเจอบั๊ก เด้งออกจากเกมทันทีก็มี…

 

 

      นอกจากผสมการ์ด Gene เพื่อให้ได้ใบใหม่ๆแล้ว ยังสามารถหาได้จากการเปิดกล่องสมบัติสีทองในดันเจี้ยน (เดี๋ยวเล่าทีหลัง) หรือเอา Gift (หาได้จากกล่องสีทองเช่นกัน) ไปผสมให้ได้การ์ด Gene ที่ต้องการได้เลย แต่ทว่าการ์ดแบบนี้จะไม่มีสกิลเพิ่มที่มาจากใบเก่าๆ เพราะไม่ได้ถูกผสมมานั่นเอง

 

กล่องสมบัติสีทองในดันเจี้ยนและ Gift

      ในแต่ละดันเจี้ยนจะมีกล่องสมบัติสีทองอยู่ 3 จุด แต่อาจจะไม่ได้เจอครบทั้ง 3 กล่องเสมอไป บางทีก็มีแค่ 2 บางทีก็มีแค่ 1 แต่ที่แน่ๆคือมันเกิดที่จุดเดิมๆนั่นแหละ ซึ่งเมื่อเปิดขึ้นมาก็จะสุ่มว่าจะได้ Gift หรือการ์ด Gene หรือว่าไอเท็มพิเศษ (บางชิ้นหาซื้อไม่ได้)

 

      เมื่อเปิดกล่องสมบัติสีทอง ก็จะถูกปั้มลงในสมุดสะสมของแต่ละดันเจี้ยน ซึ่งของในแต่ละดันเจี้ยนก็จะแตกต่างกันออกไปด้วย

 

      เมื่อสะสมครบทุกช่องยกเว้นช่องสุดท้าย ก็จะได้การ์ด Gene ในช่องสุดท้ายเป็นของรางวัล ซึ่งบางดันเจี้ยนจะได้การ์ด Gene ที่ผสมได้ยากด้วยนะ

 

      สำหรับ Gift สามารถใช้งานได้หลายแบบ บางอันก็ใช้แทนสกิลในระหว่างต่อสู้ได้ บางอันก็แปลงเป็นไอเท็มหรืออาวุธได้ บางใบปลดล็อคโหมดภายในเกม หรือบางใบเปลี่ยนเป็นสกิลให้กับการ์ด Gene ได้ แต่ที่แน่ๆคือทุกใบสามารถเอาไปผสมเป็นการ์ด Gene ได้

 

Eggon 

      ถ้า Final Fantasy เรานึกถึงซาโบเทนเดอร์ เกมนี้ก็จะเป็น Eggon แทน ซึ่งเป็นมอนสเตอร์สุ่มเกิดตลอดเวลา และจะแจก EXP กับเงินให้เยอะมาก (ยิ่งเลเวลสูงก็ยิ่งเยอะ) และจะทวีคูณตามจำนวนตัวที่เจอด้วย ซึ่งเจอได้สูงสุดคือ 3 ตัว และสีจะเปลี่ยนไปตามเลเวลของดันเจี้ยน

 

      เมื่อโจมตี Eggon จะทำดาเมจได้แค่ 1 ทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีแบบไหนก็ตาม ดังนั้นการโจมตีที่ดีที่สุดคือการโจมตีแบบหลาย Hit เช่นใช้ Larry ใช้ Asura Lotus เพื่อทำดาเมจ 30 Hit (ถ้าไม่พลาดเลย) และเมื่อมันตายก็จะกลายเป็นรูปเลข 7 

 

      และถ้าใช้ผลไม้เพิ่ม EXP หรือเงินสองเท่าก็จะทวีคูณขึ้นไปอีก เรียกได้ว่ามันเกิดมาเพื่อปั้มเลยก็ว่าได้  

 

      ซึ่งในเกมจะมีเควสรองที่ให้จำกัด Eggon 10 ตัว เมื่อเข้าไปในดันเขี้ยนใดๆก็ตาม จะเจอแต่ Eggon ตลอด ทำให้สามารถปั้มได้เต็มที่ โดยเควสนี้จะโผล่มานานๆทีครั้ง (สามารถจำกัดแค่ 9 ตัว แล้วยอมตายไปเกิดใหม่เพื่อมารับเควสใหม่ได้ โดยไม่ต้องรอ)

 

The Modern Colosseum

       ตัวเกมจะมี 2 โหมด คือ Story Mode กับ Battle Mode ซึ่ง Story Mode ก็คือเนื้อเรื่องปกติของเกมนั่นแหละ แต่สำหรับ Battle Mode เหมือนเป็นกับโลกหนึ่งที่เอาตัวละครมาเข้าโคลอสเซียมเพื่อสู้ได้ สามารถสลับไปมาระหว่างของโหมดนี้ได้ตลอดเวลา

 

      ซึ่งโคลอสเซียมจะมีมอนสเตอร์ให้ต่อสู้เป็นระดับไปเรื่อยๆ สามารถมาปั้ม EXP เล่นๆที่นี่ก็ได้ เพราะเงินและ EXP ระหว่างสองโหมดคิดรวมกันอยู่แล้ว

 

      และจะมีอีเวนท์ต่อสู้กับมอนสเตอร์ด้วย ซึ่งขึ้นอยู่กับวันที่และเดือน ซึ่งจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ โดยจะดรอปไอเท็มเป็นชุดและอาวุธพิเศษ ซึ่งจะมีการแบ่งเป็น Class ซึ่งแต่ละ Class จะแจกชุดหรืออาวุธไม่เหมือนกันด้วยล่ะ

 

      แต่ Class S จะพิเศษตรงที่จะสุ่มเปิดการ์ดที่มีผลระหว่างต่อสู้ด้วย ทำให้ยากลำบากหรือง่ายขึ้นก็แล้วแต่การ์ดนะ

 

      นอกจากโคลอสเซียมที่มีไว้ต่อสู้แล้ว ยังมี SP Shop ที่สามารถใช้ค่าเงิน SP มาซื้อของได้ (เงิน SP ได้จากการทำเควสใน Story Mode) ซึ่งมีทั้งอาวุธและชุดให้เลือกมากมาย 

 

      หรือจะเปิดกล่องสุ่มการ์ด Gene ก็มีนะ

 

      และทุกๆช่วงเวลาของเดือนจะมี Special Event ที่ให้เข้ามาต่อสู้ในโคลอสเซียมเพื่อสะสมแต้มเปิดไอเท็มในสมุดสะสมได้ ซึ่งจะมี Gift และการ์ด Gene แปลกๆอยู่ด้วยล่ะ

       ซึ่ง Event ในเกมนี้จะไม่ได้อิงจากเซิฟเวอร์ แต่จะอิงจากเวลาในเครื่อง ดังนั้นจึงสามารถข้ามเวลาไปเล่นอีเว้นท์ในแต่ละเดือนก็ได้นะ

 

ตามล่าถ่ายภาพในดันเจี้ยน

      ในบรรดา Gift จะมีอยู่อันหนึ่งที่ปลดล็อคโหมด Camera ทำให้สามารถใช้กล้องในดันเจี้ยนได้ เพื่อถ่ายรูปวัตถุหรือสิ่งของบางอย่างในฉากเพื่อเอาไปส่งเควสรองได้

 

บอสลับ : ขาดไม่ได้สำหรับเกม RPG

      หลังจากเคลียร์เนื้อเรื่องหมดแล้ว ก็จะมีบอสลับโผล่มาให้ไปล่าด้วย ถ้าจำไม่ผิดจะมีอยู่สองตัวนะ 

 

อื่นๆ

      น่าเสียดายที่ตัวเกมไม่ได้เป็น Cloud Save จึงไม่สามารถลบเกมออกไปแล้วกลับมาเล่นใหม่ได้ (ซึ่งผมลบออกไปเรียบร้อยแล้ว) แต่ก็มีช่องเซฟให้ 3 ช่อง สามารถ Copy ย้ายไปมาได้

 

      ปรับ Resolution ได้ด้วย แต่เอาเข้าจริง ผมรู้สึกว่าเกมนี้ไม่ได้กินสเปคเวอร์ขนาดนั้นนะ

 

      ตัวเกมมีขนาดใหญ่พอสมควร บนเครื่อง Nexus 9 ที่ผมใช้เล่นกินพื้นที่ไป 2.3 GB เลยแน่ะ

 

      สำหรับใครที่กำลังเล่นอยู่แล้วอยากรู้รายละเอียดต่างๆภายในเกมโดยเฉพาะเรื่องของการ์ด Gene, Gift และ Special Event สามารถดูข้อมูลละเอียดจากที่นี่ได้ครับ น่าจะช่วยให้เล่นสะดวกขึ้นเยอะ

 

สรุป

      ต้องบอกว่า Chaos Rings 3 ถือว่าเป็นบรรดาเกมแนว RPG สไตล์ญี่ปุ่นที่ทำออกมาได้ดีมากๆบนแพลตฟอร์มมือถือเลยก็ว่าได้ ถ้าไม่นับพวกเกม RPG รุ่นเก่าที่พอร์ตมาลงในมือถือนะ

 

      เพราะมีไม่กี่เกมที่เป็นสไตล์ JRPG แล้วเป็น 3D ที่มีระบบหลากหลายแบบนี้ อีกทั้งกราฟฟิคที่บางคนบอกว่าไม่สวยเท่าภาคก่อนๆ คงเพราะภาคนี้รู้สึกตัวละครออกแนวการ์ตูนมากกว่า แต่ที่แน่ๆคือกราฟฟิคสวยขึ้นโดยเฉพาะฉากในดันเจี้ยน แต่กินสเปคไม่สูงมาก รวมไปถึงเนื้อเรื่องที่ถ้าลองเล่นไปแล้วอ่านไปก็จะพบว่ามีทั้งสนุก เศร้า ฮา และไร้สาระปนๆไป 

 

      ถึงแม้ว่าตัวเกมจะแพงไปหน่อย (ตอนกดซื้อก็ทำใจอยู่นานเหมือนกัน) แต่ก็พบว่าในเกมมันไม่มี In-app Purchase เลย เล่นสบายใจทั้งเกม ไอเท็มทุกชิ้นสามารถหาได้หมด 

 

Play video

 

แต่บอกได้เลยว่าคุ้มมากๆครับสำหรับเกมนี้ 😀