Samsung Galaxy A นั้นแต่เดิมเป็นรุ่นกลางๆ ที่ไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก แต่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาทาง Samsung เริ่มมีการพัฒนาและปรับเปลี่ยนแนวทางใหม่จาก A5 / A7 ปีที่แล้วมาถึง Galaxy A8 | A8+ ในปีนี้ กลายเป็นมือถือที่น่าสนใจ มีอะไรใหม่ๆ เติมเข้ามาตลอด จากที่บางครั้งเคยกั๊กเอาไว้ในรุ่นท็อป ตอนนี้ไม่มีแล้ว แถมบางอย่างยังยอมให้ Galaxy A ได้ไปลองก่อนด้วยซ้ำ

ดีไซน์ Galaxy A8 | A8+

การเปลี่ยนแปลงของ Galaxy A8 / A8+ นั้นสิ่งที่เห็นชัดที่สุดจากภายนอกคือดีไซน์และหน้าตา โดยหน้าจอ Full Display อัตราส่วน 18:9 ความละเอียด Full HD+ ของทั้ง 2 รุ่นนั้น มีความคมชัดในระดับพอๆ กัน หากมองด้วยตาเปล่า ความสว่างและการสู้แสงนั้นถือว่าทำได้ค่อนข้างดี เอาไปใช้ข้างนอกตอนกลางวันก็ยังมองเห็นได้สบายๆ แต่อาจจะไม่สว่างแบบท้าฟัดกับแดดได้เหมือน S หรือ Note

ขนาดของตัวเครื่องนั้นแม้จะได้ใหญ่กว่า A5 / A7 ซักเท่าไหร่ แต่ที่สังเกตุเห็นได้ชัดเลยคือความหนา คือมาเป็นบล็อค และน้ำหนักเวลาอยู่ในมือก็ถือว่าเอาการ สำหรับ Galaxy A8 ที่เห็นในภาพนั้นผมค่อนข้างจะพอใจกับขนาดหน้าจอประมาณนี้ ที่สามารถใช้งานด้วยมือเดียวได้ ขอบซ้ายขวาของจอนั้นไม่แตะโดนง่ายๆ แต่ความสูงอาจจะเป็นปัญหานิดหน่อย ซึี่งก็เป็นเรื่องปกติของมือถือจอ 18:9 ในตอนนี้ ส่วน Galaxy A8+ นั้นใครที่ชอบจอใหญ่ๆ น่าจะฟินกว่าแน่นอน

ใครที่เคยใช้ Galaxy S8 และ Note 8 มาก่อน ถ้ามาเจอรุ่นนี้อาจจะมีงงๆ ก่งก๊ง 2 จุดด้วยกัน คือ เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ย้ายตำแหน่งลงมาในจุดที่เอื้อมไปกดได้ง่ายขึ้นก็จริง แต่มันถูกโยกจากตำแหน่งเดิมของ 2 รุ่นที่แล้ว แต่ถ้าใครย้ายค่ายมาจากยี่ห้ออื่นน่าจะถนัดกว่า

อีกจุดนึงที่ไม่รู้ตอนนี้ทาง Samsung แก้ไปหรือยังคือปุ่ม Home ด้านหน้าตรงกลาง ที่จอของ S8 / Note 8 นั้นมีระบบ 3D Touch มันกดลงไปเพื่อเปิดจอได้ แต่ของ Galaxy A8 | A8+ นั้นไม่มี แต่ดันมีปุ่มโฮมขึ้นมาเหมือนจะให้กดได้ แต่ทำยังไงจอก็ไม่ติดขึ้นมา ต้องไปกดปุ่ม Power ด้านข้างเท่านั้น

และฟีเจอร์ใหม่ที่ถูกแนะนำเป็นครั้งแรกในมวลมหาจักรวาลนับร้อยพันรุ่นของ Samsung ก็คือกล้องหน้าคู่ที่มีโหมด Live Focus หน้าชัดหลังเบลอ แต่ขอยกยอดเอารายละเอียดไปไว้ในช่วงของการทดสอบกล้องก็แล้วกันเนอะ

ส่วนของถาดซิมนั้น Galaxy A8 | A8+ ก็มีข้อดีมากกว่ารุ่นท็อป เพราะมีให้ใช้งานครบ 3 ช่อง ใส่ได้ 2 ซิม แล้วยังใส่เมมเพิ่มได้ด้วย ไม่ต้องไปแย่งกันแบบพวดถาด Hybrid (รองรับ 4G ในซิมแรก และ 3G ในซิม 2 หรือจะเรียก Full Netcom อะไรนั่นก็ได้ ไม่ขัดศรัทธา)

สำหรับหน้าตา ดีไซน์ และรายละเอียดรอบตัวเครื่องเคยอธิบายไว้แล้วใน พรีวิว Samsung Galaxy A8 / A8+ (2018) < ย้อนกลับไปดูได้นะ

 

ประสิทธิภาพตัวเครื่อง Galaxy A8 | A8+

เรื่องที่คนยังไม่มั่นใจ และยังหวั่นๆ สำหรับ Galaxy A เรื่องนึงคือประสิทธิภาพของชิปเซ็ตหรือ CPU ที่ก่อนหน้านี้มันค่อนข้างจะด้อยกว่าตระกูล S และ Note อยู่พอสมควร แต่รอบนี้ได้ชิป Exynos 7885 ที่ผลิตบนสถาปัตยกรรม 14 นาโนเมตร เรียกว่าใหม่แกะกล่อง

แถมได้ Mali-G71 มาเติมพลังด้านกราฟิกด้วย (เล่น RoV แบบ High Frame Rate 60fps ได้นะ อิอิ) คะแนนจาก Antutu ที่ทดสอบออกมาก็อยู่ราวๆ 78,000-79,000

ลองเล่นเกมแนว PUBG สองสามเกมก็เล่นได้สบายๆ แต่ดูเหมือนพวกนี้พัฒนากราฟิคมาไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ภาพในเกมเลยจะดูเหลี่ยมๆ หน่อย ทั้งๆ ที่จริงๆ ชิปมันทำได้ดีกว่านี้

ส่วนที่คะแนนรวมยังพุ่งไปไม่สูงมากนักก็น่าจะเป็นเพราะหน่วยความจำภายในด้วยส่วนนึง ที่ยังเป็น eMMC อยู่ อ่านเขียนข้อมูลที่ราวๆ 300 MB/s

เซนเซอร์ต่างๆ ในตัวเครื่องมีมาให้ครบหมด Accelerometer, Gyroscope, Magnetic พร้อมให้ทุกแอปที่ต้องการนำไปใช้หมด จะเป็น Game ที่มี AR (Augmented Reality) หรือการนำทางที่อย่าง Google Maps

พูดถึงเรื่องนำทางก็ขอวกเข้า GPS เลยละกัน การรับสัญญาณทำได้เร็วครับ จับตำแหน่ง 3D Fix ได้เร็ว มองเห็นดาวเทียมคร่าวๆ ราวๆ 40 ดวง ส่วนจับได้มากได้น้อยก็ขึ้นอยู่กับความแรงและฟ้าเป็นใจแค่ไหน แต่เท่าที่ลองก็ได้ 15 ดวงขึ่้น เอาไปลองวิ่งมาแล้วก็นำทางก็ถือว่าดีกว่ารุ่นก่อนๆ

 

ฟีเจอร์เด่นๆ โดนๆ Galaxy A8 | A8+

สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังของ Galaxy A8 | A8+ นั้นไม่ได้เอามาไว้เพื่อสแกนลายนิ้วมือเฉยๆ นะ แต่ยังสามารถไปตั้งค่าเพื่อใช้งานเพิ่มเติมได้

ด้วยเหตุที่หน้าจอมันยาว จะเอื้อมไปลากแถบแจ้งเตือนลงมาดูนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะฉะนั้นก็สามารถเปิดฟีเจอร์สไลด์นิ้วขึ้นหรือลงเพื่อเรียกและเก็บแถบแจ้งเตือนด้านบนได้

นอกจากนั้นก็ยังสามารถใช้สแกนใบหน้าในการปลดล็อคได้ด้วย แต่ก็เหมือนกับของ S และ Note คือให้สแกนปลดล็อคเครื่องได้เพียงอย่างเดียว เพราะความปลอดภัยยังไม่ถึงระดับเดียวกับสแกนลายนิ้วมือ

เพราะฉะนั้นถ้าอยากจะใช้ Samsung Pay ก็ยังต้องใช้การสแกนลายนิ้วมือเท่านั้น ซึี่งใครที่คุ้นๆ หรือเคยใช้ก็จะรู้ว่ามันเป็นคู่คอมโบที่โหดมาก ถ้าจับเอา Galaxy Gift + Samsung Pay มาใช้งานร่วมกันนี่ บางที่ได้ส่วนลด 2-3 ต่อเลยทีเดียว ซึ่ง Galaxy A8 | A8+ นั้นรองรับการใช้งานอยู่แล้ว

ส่วนใครที่ต้องการจะเก็บข้อมูล มีแอปที่เป็นความลับแอบซ่อนเอาไว้ คือไม่ได้มีชะนักติดหลังอะไรหรอก แต่เพื่อความปลอดภัย อันนี้ก็มี Secure folder มาให้ใช้งานเหมือนเดิม แต่สำหรับคนที่ต้องการจะแชทจะโซเชียลเพราะมี Dual Messenger ที่สามารถโคลนแอปพวกโซเชีียลได้

Multi windoes อันนี้ก็คงไม่ต้องอธิบายอะไรมากละมั้ง น่าจะเป็นกันทุกคน เพราะ Samsung ใส่มาหลายปีละ

แต่ที่คนยังถามหาอยู่คือการเรียก Popup view ที่เพิ่งจะเปลี่ยนจากการที่ย่อมุมจอมาเป็นการแตะแอปค้างแล้วลากมาไว้ที่ช่องตรงกลางแทน สามารถปรับย่อขยายได้ตามใจชอบ

ฟีเจอร์นี้ก็เหมือนทาง Android 8.0 Oreo ก็จะมีเหมือนกัน แต่ของทาง Samsung นั้นเปิดรองรับการใช้งานได้หลายแอป หรือจะเรียกว่าแทบทุกแอปเลยก็ได้ ยกเว้นพวกเกมบางเกมก็เปิดเป็น Popup View ไม่ได้

ส่วน Game Launcher ก็มีให้เพื่อการเล่นเกมโดยเฉพาะ ทั้งปิดการแจ้งเตือนไม่ให้รบกวนระหว่างเล่นเกม หรือจะเลือกเปิดประสิทธิภาพให้เล่นเกมกราฟิคดุๆ ได้ และจะเป็นที่รวบรวมเกมต่างเอาไว้ด้วย ข้อดีคือมันไม่รกหน้าจอ เพราะทุกๆ เกมจะถูกลาเข้ามาในนี้หมด แต่ใครที่ไม่รู้ก็อาจจะหาเกมที่เพิ่งลงไปไม่เจอนะ หะหะ

 

กล้องถ่ายภาพ Galaxy A8 | A8+

กล้องหลังของ Galaxy A8 | A8+ นั้นมาพร้อมกับความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/1.7 เมื่อรับแสงได้ดีขึ้น ภาพที่ออกมาก็จะสว่างขึ้น แม้แต่ในสภาพแสงที่น้อย แต่ในบางคร้งภาพที่ถ่ายออกมาได้จะสว่างกว่าปกติ เมื่อรวมกับ software ในการประมวลผลภาพของ samsung แล้วถือว่ากล้องของ A8 | A8+ นั้นถ่ายออกมาได้ดีกว่า Galaxy A รุ่นก่อนๆ มากพอสมควรเลยทีเดียว

 

ตัวอย่างภาพถ่าย Galaxy A8

 

ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Galaxy A8+

 

ส่วนกล้องหน้าคู่นั้นเป็นกล้องความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f/1.9 ทำงานร่วมกับกล้อง 8 ล้านพิกเซล f/1.9 ซึ่งหน้าที่หลักๆ คือเอมาเพื่อถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ Live Focus ซึ่งก็ทำหน้าที่ได้ค่อนข้างโอเคเลยครับ แต่อีกหน้าที่นึงที่ตอนแรกคิดว่าจะเป็นกล้องเลนส์ Ultra Wide กว้างๆ เอาไว้เซลฟี่ แต่กลายเป็นว่ามันไม่กว้างขนาดนั้น

 

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า Galaxy A8

 

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า Galaxy A8+

 

สรุปการใช้งานทั้ง Galaxy A8 | A8 + แล้ว ถือว่าสอบผ่านทั้ง 2 รุ่น ไม่มีปัญหาในการใช้งานทั่วไป ส่วนการเล่นเกมก็มีประสิทธิภาพมากกว่าชิประดับกลางในตลาดตอนนี้ ที่ตัวประมวลผลกราฟิคยังไม่แรง แบตเตอรี่ของทั้ง 2 เครื่องนั้นเพียงพอในการใช้งาน 1 วันสบายๆ ถ้าไม่ได้ใช้หนักจริงๆ นี่ ถือได้ 1.5-2 วัน

ข้อดี

  • ตัวเครื่องหน้าจอ Full Display เพิ่มพื้นที่การใช้งานมากขึ้น
  • ชิปประมวลผลดีกว่า Galay A รุ่นก่อนๆ เรียกว่ายกระดับ Exynos 5 ขึ้นมาได้เยอะเลย
  • กล้องหลัง f/1.7 ถ่ายภาพแสงน้อยได้แจ่มกว่า Galaxy A ทุกรุ่นที่ผ่านมา (ถ้าแย่กว่าก็คงไม่ต้องขายกันละ)
  • เล่นเกมดี ลื่นขึ้นกว่าหลายๆ รุ่น

ข้อด้อย

  • ขนาดแอบหนากว่า Galaxy A รุ่นก่อนๆ และหนักมือไปนิด
  • ฝาหลังคือจุดศูนย์กลางแห่งรอยนิ้วมือที่แท้จริง ติดเป็นรอยง่ายสุดๆ แถมยังเช็ดออกยากมากๆ
  • ราคาเปิดตัวสูงไปหน่อย 15,990 กับ 18,990 นี่ ถ้าไม่มีโปรลดราคาหรือติดสัญญากับเครือข่ายนี่ ยังมี S7 / S8 ที่ราคาเริ่มลงมาและก็ยังถือว่าน่าสนใจอยู่มาเป็นตัวเทียบสบายๆ

สำหรับใครที่เล็งๆ 2 รุ่นนี้อยู่ ก็อยากให้ไปลองสัมผัสเครื่องจริงกันก่อน ซึ่งเริ่มวางขายไปเมื่อวันที่ 12 ที่ผ่านมานี้แล้วครับ รวมๆ แล้วถือเป็น Galaxy A ที่ครบเครื่องที่สุดเท่าที่เคยเล่นมา ตามที่พาดหัวเอาไว้เลยครับ หยิบรุ่นไหนก็ได้ แต่เลือกเอาที่เข้ามือและชอบจริงๆ คือถ้าอยากได้จอใหญ่ก็จัดรุ่นพลัส แต่ถ้าถือแล้วคิดว่าจอเล็กโอกว่าก็เลือกรุ่นเล็กไปเถอะ ถ้าไปเอาเรื่อง RAM เรื่อง ROM มาคิดอาจจะปวดหัวเลือกไม่ถูกได้ ฮ่าๆ อันนี้พูดจริงๆ