ถือเป็นการอัพเกรดใหญ่ เหมือนบินไปโมหน้ามาใหม่จากเกาหลี (เอ มันก็แบรนด์เกาหลีอยู่แล้วนี้นา) เลยก็ว่าได้สำหรับ Galaxy J7 Pro ที่เปลี่ยนโฉมจากรูปแบบตระกูล J เดิมๆ แบบสิ้นเชิง ทั้งดีไซน์และวัสดุ โดยเฉพาะการได้ฝาหลังโลหะมาแบบ Unibody แกร่งทั่วแผ่น แถมยังเอาฟีเจอร์ของรุ่นพี่ๆ อย่าง Galaxy S และ Galaxy A มาอีก ไหนจะ Secure Folder , Multi Windows , Samsung Pay นี่ยังไม่รวมฟีเจอร์ใหม่ที่คลอดมาเองอย่าง Dual Messenger อีกต่างหาก

ตัวเครื่อง

ดีไซน์ด้านหน้าหลายๆ คนเห็นก็อาจจะบอกว่ามันก็ Samsung เหมือนเดิม อันนี้แน่นอนว่ามันเป็นเอกลักษณ์หรือ signature ไปแล้ว คงจะเปลี่ยนยาก หน้าจอ Full HD ใช้เป็น Super AMOLED พร้อมกระจก 2.5D

ตระกูล J มีจุดเด่นอย่างนึงที่รุ่นอืนๆ ของ Samsung ไม่มีนั่นก็คือ LED Flash กล้องหน้าสำหรับการเซลฟี่

เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือยังอยู่บนปุ่มโฮม ขนาบข้างซ้ายและขวาด้วยปุ่มสัมผัส recent apps และ back แต่ทั้ง 2 ปุ่มนี้ไม่มีไฟ และน่าแปลกใจนิดนึงตรงที่ J7 Pro ยังมาพร้อมกับช่องและสาย micro USB (นึกว่าจะขยับไป Type C แล้วซะอีก) ส่วนข้างๆ กันนั้นคือช่องหูฟัง 3.5

ส่วนที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดคือฝาหลังโลหะที่ขึ้นโครงมาเป็นชิ้นเดียวแบบ Unibody ครอบจากกรอบด้านข้างไปเลย เวลาลูบผ่านไปมีสะดุดนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกคมหรือบาดแต่อย่างใด

ช่องลำโพงขยับจากด้านล่างมาอยู่ด้านข้างฝั่งเดียวกับปุ่ม power แทน ซึ่งเป็นตำแหหน่งที่โอเคขึ้น โดยเฉพาะเวลาเล่นเกมที่ต้องพลิกเครื่องแนวนอนอย่าง RoV หรือ Dreamleague Soccer หลายๆ ครั้งมือมันไปปิด เสียงหายหมด (ยกเว้นถ้าใส่เคส) ย้ายมาตรงนี้ลำโพงไม่โดนบัง

Galaxy J7 Pro นั้นยังรองรับระบบ 2 ซิมและใส่ micro SD การ๋ดเพิ่มหน่วยความจำได้พร้อมกัน เนื่องจากออกแบบมาเป็น Triple Slot มีถาดซิม 2 ช่อง และถาด micro SD แยกต่างหาก หน่วยความจำ 32GB ในเครื่องยังสามารถเติมเพิ่มได้อีก

ลวดลายแถบเส้นสัญญาณที่ปรากฎบนฝาหลังนั้นบางคนก็บอกว่าสวยแปลกตา บางคนก็ว่าลายมันประหลาดอันนี้ก็นานาจิตตัง แต่ที่มันต้องมีก็เพราะฝาหลังโลหะแกร่งทั่วแผ่นนี่แหละ

กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล f/1.7 อันนี้หลายคนอาจจะบ่นว่าทำไมพิกเซลมันไม่ค่อยเยอะ แต่กล้าพูดว่ากล้อง J7 Pro ถ่ายภาพออกมาได้ดีไม่แพ้ตระกูล A ที่กล้อง 16 ล้านเลย แถมด้วยเลนส์ f/1.7 ทำให้ภาพตอนกลางคืนออกมาดูดีกว่า Galaxy A (2017) ซะอีก แถมยังจัดวางได้พอดีเป๊ะ ไม่นูนออกมาเหมือนในรุ่นก่อนๆ

สเปค Galaxy J7 Pro

  • หน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว กระจก 2.5D ความละเอียด Full HD (401 ppi)
  • CPU : Exynos 7870
  • GPU : Mali-T830 MP2
  • RAM : 3GB
  • ความจุ : 32GB
  • กล้องหลัง : 13MP f/1.7 + แฟลช LED
  • กล้องหน้า : 13MP f/1.9 + แฟลช LED
  • เซ็นเซอร์ : Accelerometer, Gyro Sensor, Geomagnetic Sensor, Hall Sensor, Light Sensor, Proximity Sensor, RGB Light Sensor
  • การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac 2.4+5GHz, Bluetooth 4.2
  • สแกนลายนิ้วมือด้านหน้า
  • รองรับการใช้งาน 2 ซิม (4G/3G + 3G/2G)
  • มีช่อง micro SD แยกต่างหาก
  • แบตเตอรี่ : 3600 mAh
  • ระบบ Android 7.0
  • ขนาดตัวเครื่อง : 152.4 x 74.7 x 8.0 มม.
  • สีที่วางจำหน่าย ดำ ทอง ชมพู
  • ราคาเปิดตัว 10,900 บาท

จากสเปคและราคาของ Galaxy J7 Pro แล้วยังแอบสงสัยอยู่ว่าการอัพเกรดเทิร์นโปรในครั้งนี้หลายๆ อย่างมันทำออกมาได้เทียบเท่าหรือใกล้เคียงกับตระกูล A เลย ขาดไปแค่เรื่องกันน้ำเท่านั้น (แอบสงสัยเหมือนกันว่าแล้ว Samsung จะทำยังไงต่อกับตระกูล Galaxy A)

 

ประสิทธิภาพ

มาถึงส่วนของหน่วยประมวลผลกัน Galaxy J7 Pro นั้นมาพร้อมกับ Exynos 7870 และชิปกราฟิค Mali-T830MP2 ซึ่งผลทดสอบความแรงของมันบน Antutu ก็ได้ไปที่ 47-48k คะแนน

แต่ผลทดสอบประสิทธิภาพมันไม่ใช่ทุกอย่าง การทดสอบเล่นเกมต้องมา ซึ่งก็เล่นได้หมด ไม่ว่าจะเป็น RoV หรือ Linegae II

ส่วนเรื่องความละเอียดกราฟิคนั้นด้วยค่าเริ่มต้นหรือ defaut ที่เกมตรวจสอบและตั้งค่ามาให้นั้นไม่มีปัญหา เล่นได้สบายๆ เฟรมเรทยังดีอยู่ แต่ถ้าปรับขึ้นสุดไปแล้วน่าจะเจอปัญหาเฟรมเรทตกลงมาบ้าง ราวๆ 20-25 เฟรมต่อวินาที

อีกเรื่องนึงที่ Samsung ชอบโดนด่าว่ากั๊กมาบ่อยๆ คือเรื่องของเซนเซอร์ภายใน คราวนี้ใน Galaxy J7 Pro ไม่กั๊กแล้ว ให้มาครบๆ โดยเฉพาะชิ้นสำคัญๆ อย่าง Gyroscope ในการเล่นเกมและ AR อย่าง Pokemon Go และ Magnetometer สำหรับใช้งานเป็นเข็มทิศในการเปิดโหมดนำทาง

  

ด้านความแรงของการรับสัญญาณ GPS นั้นสามารถมองเห็นดาวเทียมได้ราวๆ 20 ดวง และจับมาใช้งานได้เกือบทั้งหมด ขึ้นอยู่กับความโปร่งของสถานที่

 

การใช้งาน

หน้าตา UI และรูปแบบการใช้งานของ Galaxy J7 Pro นั้นแทบจะถอดมาจาก S8 เลยก็ว่าได้ เพราะมาพร้อม Android 7.0 และ Samsung Experience 8.1 เวอร์ชั่นเดียวกันเลย ทำให้การตั้งค่าหน้าโฮมและทุกอย่างมาสไตล์เดียวกันหมด

ทั้งหน้า app drawer ที่แค่สะบัดนิ้วขึ้นมาก็เลือกดูรายการแอปทั้งหมดได้ทันที

อีกอย่างที่เปลี่ยนไปคื่อการจับภาพหน้าจอ ซึ่งยังสามารถใช้ปุ่มเดิม power + home ได้ แต่ทาง Samsung เองก็ได้ใส่การกดปุ่ม power + vol down แบบมาตรฐานของ Android เข้ามาไว้ด้วย

ขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้วนี่น่าจะเป็นมาตรฐานกันตอนนี้อยู่แล้ว ไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่ถ้าใครยังคุ้นชินที่จะใช้งานมือเดียว หรือมีหลายๆ สถานการณ์ที่ต้องถือเครื่องมือเดียวเช่นโหนรถเมล์ ยืนบนรถไฟฟ้าก็ยังสามารถเปิด One Hand Mode ได้ ก็จะอำนวยความสะดวกเวลาพิมพ์ได้มากขึ้น (กดปุ่มโฮม 3 ครั้ง)

 

ฟีเจอร์

จัดเต็มยัดไปด้วยฟีเจอร์มากมาย สำหรับ Galaxy J7 Pro ในส่วนการใช้งานนี่เราได้เกริ่นไปแล้วนิดหน่อยอย่าง One Hand Mode

ไหนๆ พูดถึงฟีเจอร์หน้าจอกันแล้วก็จัดไปให้จบ นั่นก็คือ Multi Windows และ Pop-up View ซึ่งน่าจะคุ้นเคยกันอยู่แล้ว

ส่วนของ Multi Windows นั้นเป็นคร้้งแรกของมือถือตระกูล J สามารถทำได้ โดย J7 Pro นั้นนอกจากจะแบ่งหน้าจอแล้วยังเปิดแอปกล้องไปได้พร้อมกัน

เสริมความบันเทิงทางโซเชียลเจ้าไปอีก ด้วย Dual Messenger ที่ให้คุณแบ่งร่างแยกคุยกัน 2 แชท 2 account ได้ในเวลาเดียวกัน เพราะมันสามารถโคลนแอปอย่าง LINE, Facebook, Messenger, Whatsapp, WeChat และ Skype ได้สบาย

วิธีการแบ่งร่างหรือโคลนแอปเป็น 2 ก็ไม่ยาก แตะเบาๆ ไปที่หน้าจอ เลือกติดตั้งแอปที่ 2 เท่านั้นก็เป็นอันเสร็จ

วิธีการสังเกตุก็คือแอปที่เปิดเป็น Dual จะมีสัญลักษณ์สีแดงๆ ที่มุมขวาล่าง

ส่วน Pop up view ตอนนี้มีวิธีเรียก 2 แบบ ถ้าแบบเดิมที่เลื่อนมุมจอลงมานั้น ต้องเข้าไปตั้งค่าใน setting ซะก่อน แต่ถ้าแบบใหม่เปิดใช้งานได้ด้วยการลากแอปในโหมด Overview มาไว้ตรงกลางหน้าจอ

หลังจากนั้นสามารถย่อขยายปรับขนาดได้ตามใจ หรือจะซ่อนเป็น Pop up icon เอาไว้ก็ได้ หากเปิดเป็น Pop up ไว้หลายๆ แอปมันก็จะย่อไปรวมๆ กันเอาไว้

สร้างที่เก็บข้อมูลส่วนตัว ด้วย Secure Folder เผื่อคนมีความลับหรือต้องการแยกเรื่องส่วนตัวออกจากเรื่องงาน อันนี้ช่วยท่านได้แน่นอน เพราะสามารถจะเก็บภาพถ่ายหรือการใช้งานแอปต่างๆ แยกออกจากตัวเครื่องหลักได้เลย

Samsung Pay เพย์ได้ เพย์ดี งานนี้มีบัตรก็เอามาเชื่อมเพื่อใช้บริการ Samsung Pay ได้ด้วย วิธีการใช้ขอโยนกลับไปที่นี่ ทำความรู้จัก Samsung Pay แนะนำให้ใข้กัน เพราะมีส่วนลดและโปรโมชั่นเยอะน้องๆ Galaxy Gift เลย

ปิดท้ายด้วยอีก 1 ฟีเจอร์ดเด็ด Game Launcher ที่เป็นตัวช่วยในการปรับสมรรถนะตัวเครื่อง ตั้งค่า หรือจะบันทึกการเล่นเกมไปพร้อมๆ เรียกว่าเล่นไป cast ไปก็ได้

นอกจากนั้นยังเลือกปิดการแจ้งเตือน หรือล็อคหน้าจอ ในบางเกมที่มันเล่น Auto ได้ด้วย

อย่างนี่ลองเล่น Lineage II พร้อมเปิด Game Launcher คาสท์ไปด้วยก็ได้

 

แบตเตอรี่

แบตความจุ 3600 mAh ของ Galaxy J7 Pro สามารถถือได้ยาวๆ ครบวันแบบสบายๆ จากที่ทดสอบการใช้งานทั่วไป เล่นทุกอย่างทุกโซเชียล มีเปิด RoV เล่นด้วยวันละ 3-4 เกม ก็ยังอยู่ได้ 17-19 ชั่วโมงต่อวัน

โดยมีการเปิดใช้งานหน้าจอหรือ Screen on time เฉลี่ย 4 ชั่วโมงครับ สำหรับคนใช้งานไม่เยอะน่าจะถือได้วันครึ่งเหยียบ 2 วันสบายๆ

 

กล้องถ่ายภาพ

กล้อง Galaxy J7 Pro เป็นอีกเรื่องที่เซอร์ไพรส์ เพราะถ่ายออกมาได้ทั้งความคมและสด หลายๆ ภาพผมรู้สึกว่ามันถ่ายได้ดีไม่แพ้ตระกูล A 2017 เลย โดยเฉพาะตอนกลางคืนหรือแสงน้อย น่าจะเป็นผลจากตัวเซนเซอร์และเลนส์ f/1.7 ลองดูในภาพได้

ตัวอย่างภาพถ่าย Galaxy J7 Pro (คลิกดูภาพใหญ่ได้)

 

กล้องหน้า 13 ล้านพิกเซล f/1.9 ก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน และมีไฟ LED แฟลชกล้องหน้าประจำตระกูล J ก็มา

ตัวอย่างภาพจากกล้องหน้า J7 Pro

 

สรุปผลการใช้งาน

จุดเด่น

  • ตัวเครื่องโลหะ Unibody แข็งแรงทนทาน
  • ใช้งานได้ 2 ซิม + microSD ไม่ต้องแย่งช่องกัน
  • มีวิทยุ FM
  • เป็น Galaxy J ที่ฟีเจอร์ครบที่สุดตั้งแต่มันเกิดมา
  • กล้องหน้าดี กล้องหลังดีกว่า

จุดด้อย

  • ตัวเครื่องแอบหนักไปหน่อย น่าจะเพราะแบตและฝาหลัง
  • กล้องในที่แสงน้อยต้องนิ่งนิดนึง ไม่งั้นมีสั่น
  • หลังใช้ไปสักพักแล้วเจอโหลดหนักๆ เปิดแอปเยอะๆ ยังเจออาการแอบคิดแอบหยุดเบาๆ (แต่เกิดขึ้นแป้บเดียวแล้วก็หายไป)

อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า Galaxy J7 Pro นั้นถือเป็นครั้งแรกที่ Samsung จัดเต็มรวมเอาฟีเจอร์ของรุ่นใหญ่ๆ มาใส่ไว้ในทำให้มันเป็นหนึ่งในมือถือที่ครบเครื่องเรื่องการใช้งานมากที่สุดรุ่นนึงในราคาหมื่นนิดๆ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่สูงขึ้นจากฐานเดิมของตระกูล ในเรื่องของการใช้งานนั้นลื่นไหลดีครับ ซึ่งตัว ROM ของ Samsung นั้นทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่การแบ่งหน้าจอ Multi Window หรือใช้งาน Popup View ก็ทำงานได้รวดเร็ว เนียนตา แม้จะมีสะดุดเล็กๆ เบาๆ ในบางครั้งแต่ก็น่าจะเป็นเพราะชิปที่ไม่ได้แรงเท่ารุ่นใหญ่ๆ แต่รวมๆ แล้วสอบผ่านสบายๆ ไหนแบตจะใช้งานได้ทั้งวันเหลือๆ อีกทั้งยังกล้องที่ดีขึ้นเยอะมากๆ

คาดว่าที่ Samsung จัดเต็มขนาดนี้เพราะสงครามมือถือรุ่นเล็กๆ นั้นดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก็เป็นผลดีของผู้ใช้งานครับ ตอนนี้เริ่มจะอยากลอง Galaxy J5 Pro อีกตัวแล้ว เพราะดูแล้วฟีเจอร์ครบเหมือนกัน ราคาประหยัดได้อีกนิดหน่อย