ใครที่รอเปลี่ยนนาฬิกาใหม่ตอนนี้ รีวิว Galaxy Watch นาฬิกาอัจฉริยะรุ่นล่าสุดของ Samsung นั้นพร้อมแล้ว จากงานเปิดตัวที่มีการพูดถึงประสิทธิภาพที่ดีขึ้น ความอึดของแบตเตอรี่ที่ยาวนานกว่าเดิม และรูปแบบการใช้งานที่เสริมในเรื่องของกีฬาและสุขภาพนั้นเป็นอย่างไร

อุปกรณ์ในกล่อง Galaxy Watch

Galaxy Watch ตอนนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่น 3 สี โดยรุ่นหน้าปัดใหญ่ 46 มิลลิเมตร มีวางขายเฉพาะสีเงิน silver ส่วนรุ่นหน้าปัดเล็กหน่อย 42 มิลลิเมตร มีสีดำ midnight black และทองชมพู rose gold ใช้หน้าจอ Super AMOLED ไม่ต้องกังวลเรื่องของการแสดงผล เพราะสวยงามคมชัด

Play video

ภายในกล่อง Galaxy Watch นั้นมีสายนาฬิกาอีกเส้น โดยเป็นการเพิ่มความยาวให้กับสายเผื่อใครลองคาดแล้วไม่พอดีกับข้อมือ

แล้วก็มีแท่นชาร์จไร้สายที่เราสามารถวางนาฬิกาลงไปได้เลย ซึ่งมันมีแม่เหล็กคอยยึดตัวนาฬิกาเอาไว้กับแท่นชาร์จ

ด้านหลังตัวเรือนนั้นมีเซนเซอร์วัดอัตราการเต้นหัวใจแบบ optical คือใช้แสงในการตรวจจับเส้นเลือดแล้วคำนวนออกมา ส่วนสายนั้นเป็นแบบ hot swap คือสามารถเลื่อนหมุดแล้วถอดออกมาเปลี่ยนได้สบายๆ ขนาดของสายก็เป็นแบบมาตรฐานนาฬิกา เรือนใหญ่เป็นสายขนาด 22 ส่วนเรือนเล็กเป็นสายขนาด 20 เลือกหาเปลี่ยนได้ไม่ยาก

 

การเชื่อมต่อ Galaxy Watch กับมือถือ Android และ iOS

Galaxy Watch สามารถใช้งานได้กับมือถือทั้ง Android และ iOS เรียกได้ว่าไม่เกี่ยงค่าย ไม่ต้องเป็น Samsung ก็สามารถใช้งานได้ เราก็เลยขอทดสอบการจับคู่ข้ามค่าย ลองต่อกับ iPhone XS Max มันซะเลย จะได้เห็นภาพว่ามันทำงานและใช้ได้จริงๆ นะ

แต่ก่อนที่จะเชื่อมต่อกับมือถือนั้นก็ต้องติดตั้งแอป Samsung Wearable (ชื่อเดิมคือ Samsung Gear) ซะก่อน โดยสามารถใช้งานฟีเจอร์ได้ครบเหมือนกับที่ใช้บนมือถือ Galaxy ส่วนการซิงค์ข้อมูลนั้นก็ต้องลงแอป Samsung Health เพิ่มอีกตัวนึง

การใช้งาน Galaxy Watch ก็ต้องเขื่อมต่อผ่าน bluetooth ซึ่งในครั้งแรกก็ต้องใส่รหัสเพื่อทำการ pairing ซะก่อน

พอเชื่อมต่อได้แล้วก็มาถึงการตั้งค่าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการโทร/รับสาย การเปิดแจ้งเตือนจากแอปต่างๆ ว่าจะให้แสดงผลไปยังตัว Galaxy Watch เราสามารถเลือกเปิด/ปิดได้ตามใจชอบ และในบางแอปจะรองรับการตอบกลับด้วย สามารถจะกด like หรือส่ง emoji แม้กระทั่งพิมพ์กลับผ่าน Galaxy Watch ไปเลยก็ได้ ซึ่งจริงๆ แล้วรองรับการพิมพ์ด้วยเสียงหรือ voice recognition ด้วย แต่ยังไม่มีภาษาไทย

ตั้งค่าเรียบร้อยแล้วก็ลองมาดูในส่วนของแอปบนมือถือสักหน่อย ซึ่งตรงนี้เราสามารถจะดูข้อมูลต่างๆ ของตัวนาฬิกาได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในแต่ละวัน ลงหน้าปัดนาฬิกาใหม่ๆ แอปเสริม แบตเตอรี่ รวมถึงการตั้งค่าต่างๆ สามารถทำในแอปได้ทั้งหมดเลย

ซึ่งตอนนี้นาฬิกาสมาร์ทวอชหลายๆ ยี่ห้อก็พยายามชูเรื่องแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้หลายวันกว่าเดิม อย่าง TicWatch Pro และ Casio Pro Trek แต่จริงๆ แล้วได้ปิดการทำงานของ Wear OS ไป และใช้หน้าปัดของนาฬิกาเพียงอย่างเดียว

อันนี้ฝั่งของ Galaxy Watch เองก็มี Power Saving Mode ที่ประหยัดพลังงาน แต่ยังใช้รับสายและการแจ้งเตือนต่างๆ ได้ด้วย

Galaxy Watch ยังรองรับแอปในตัว สามารถติดตั้งเพิ่มเติมได้ เช่น Spotify เราก็สามารถโหลดเพลงลงมาเก็บแบบ offline เอานาฬิกาไปวิ่งกับหูฟัง bluetooth ก็พอ, ใช้ควบคุมสไลด์งานระหว่าง Presentation หรือจะเป็นแอปกล้องที่เราใช้ Galaxy Watch เป็นชัดเตอร์กล้องได้เหมือนกับ S Pen

ส่วนอีกฟีเจอร์นึงที่มีประโยชน์จริงจังคือการตามหามือถือ และมือถือตามหานาฬิกานี่แหละ ฮ่าๆ คือบางทีเอาไปวางไว้ตรงไหนก็จำไม่ได้ เราสามารถกดให้มันตามหากันได้โดยจะส่งเสียงร้องออกมาครับ

 

การใช้งาน Galaxy Watch ในรูปแบบสมาร์ทวอช

การควบคุมตัว Galaxy Watch นั้นทำได้โดยการสัมผัสหน้าจอ, การหมุนกรอบนาฬิกาหรือหนามเตย และก็มีปุ่มกดด้านข้างให้ใช้งานอีก 2 ปุ่มคือปุ่มโฮมและปุ่มย้อนกลับ

ในส่วนนี้น่าจะใช้เวลาในการเรียนรู้อยู่พอสมควร ซึ่งตอนแรกที่เราเชื่อมต่อเสร็จแล้วก็จะมีสอนให้ใช้งานอยู่แบบสั้นๆ หลังจากนั้นก็ต้องมาคลำหาทางกันเอาเอง ซึ่งน่าจะต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะใช้คล่อง เพราะฉะนั้นบอกเลยว่าวันแรกๆ นั้นแบตมันจะลดเร็วหน่อย เพราะเชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะต้องลองเล่นกันให้ชินมือพอสมควร

 

ผมเองในช่วงแรกๆ ก็มีความสับสนอยู่หน่อยๆ แต่ถ้าลองได้ใช้ไปเรื่อยๆ ก็จะคล่องมือเอง ปัดซ้ายไปขวาดูการแจ้งเตือน ปัดขวาไปซ้ายดูข้อมูลแบบ widget ต่างๆ ส่วนหน้าจอ Quick Setting นั้นต้องลากจากด้านบนลงมา เบื่อๆ หน้าปัดก็กดค้างแล้วเลือกเปลี่ยนได้เลย

Galaxy Watch เองยังสามารถใช้รับสายได้ โดยที่เราสามารถสไลด์หน้าจอเพื่อเลือกรับสายได้เลย แต่จะเป็นการเปิดลำโพงหรือ speaker phone ที่ตัวนาฬิกานะ หรือถ้าเราเชื่อมต่อ bluetooth กับพวกหูฟังเอาไว้ก็รับสายผ่านหูฟังได้

สำหรับใครที่ซื้อไปใช้งานเป็นสมาร์ทวอช เพื่อรับการแจ้งเตือนต่างๆ รวมถึงเรื่องของการนับก้าวเดิน การนอน คำนวนแคลอรี่และกิจกรรมในแต่ละวัน แบตเตอรี่ก็จะอยู่ได้ราวๆ 3-5 วันสำหรับเรือนใหญ่ และ 2-3 วันสำหรับเรือนเล็ก

 

การใช้งาน Galaxy Watch ในรูปแบบนาฬิกาฟิตเนสเน้นออกกำลัง

Galaxy Watch นั้นมีฟีเจอร์การออกกำลังกายมากมายหลากหลาย แถมยังมีการแจ้งเตือนระหว่างวันหากเรานิ่งหรือนั่งอยู่เฉยๆ เกินไป เพื่อป้องกันการเป็นโรค office symdrom ด้วย โดยจะมีการแจ้งเตือนให้เราลุกขึ้นมาขยับท่าทางออกกำลังกายเบาๆ เพื่อเปลี่ยนอิริยาบท

การออกกำลังกายนั้นก็มีให้เลือกหลายประเภท ตั้งแต่การวิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ ไปจนถึงการใช้ในการออกกำลังกายในยิม ไม่ว่าจะเป็นการเล่นโยคะ การเล่นท่าเช่นสควอช ซิทอัพ วิดพื้น รวมๆ แล้วมีกว่า 39 ประเภท แต่ผมถนัดและออกบ่อยสุดคือวิ่ง

หลังจากทดลองเอาไปวิ่งมาประมาณ 4-5 กิโล แบตเตอรี่หายไปไม่เยอะครับ ประมาณ 6%-7% เท่านั้นเอง แต่ผมเองก็ยังไม่กล้าฟันธงว่ามันสามารถเอาไปวิ่งในระดับมาราธอนได้หรือไม่ แต่ถ้าดูแล้วกิโลนึงใช้ไป 1-1.5% ก็แปลว่าอาจจะจบได้หรือเปล่า?

ซึ่งข้อมูลในตัวนาฬิกาเองอาจจะไม่ละเอียดเท่าบนมือถือ เพระฉะนั้นก็ให้ทำการ sync มาดูบนแอป Samsung Health จะได้ข้อมูลที่มากกว่า ส่วนใครที่อยากจะเอาข้อมูลไปใส่ในแอปอื่นๆ อย่าง Garmin, Edomondo หรือ Strava นั้นเราสามารถ export ออกมาเป็นไฟล์ GPX ได้

ส่วนการวัดอัตราการเต้นของหัวใจนั้นก็สามารถวัดได้จากบนหน้าปัดเลย ซึ่งถ้าเลือกหน้าปัดเป็นสายสุขภาพก็จะมี shortcut ให้แตะวัดได้จากหน้าหลัก ไม่งั้นก็ต้อเลื่อนไปที่หน้า widget เพื่อใช้งาน

อย่างในภาพนี้ก็แสดงผลอัตราการเต้นหัวใจของผมอยู่ที่ 73 ครั้งต่อนาที ในกรณีที่เราต้องการตรวจสอบการเต้นของหัวใจเป็นพิเศษ ก็สามารถเปลี่ยนการตั้งค่าเป็น Always ได้ เพื่อให้มีการตรวจจับอัตราการเต้นหัวใจอย่างต่อเนื่อง แต่ก็จะส่งผลกับอายุการใช้งานเครื่องในแต่ละวันด้วย

 

สรุปการใช้งาน Galaxy Watch

Galaxy Watch นั้นมีการปรับปรุงในเรื่องของอายุแบตเตอรี่ให้สามารถใช้งานได้ยาวนานหลายวันมากขึ้น จากที่ทดสอบนั้นสามารถใส่ได้ทั้งวันทั้งคืน รวมถึงตอนนอนเพื่อตรวจจับการนอนได้ โดยรุ่นหน้าปัด 46 มิลลิเมตรนั้นผมสามารถใส่ใช้งานทั่วไปได้สูงสุดที่ประมาณ 4 วันครับ

แต่ถ้ามีไปวิ่งออกกำลังกายบ้าง หรือเปิดโหมดในการเล่นฟิตเนสเพื่อเก็บข้อมูลแบบละเอียดๆ อายุของแบตเตอรี่ก็จะลดลงไป อาจจะได้ 2-3 วันแล้วแต่ว่าไปออกกำลังกายบ่อยแค่ไหน และนานเท่าไหร่ (ตั้งค่าเชื่อมต่อกับมือถือไว้, เปิดหน้าจอเฉพาะตอนพลิกข้อมือ, ความสว่างหน้าจอ 5)

ส่วนเรือนเล็ก 42 มิลลิเมตรนั้นจากที่น้องในทีมเอาไปใส่ก็ได้ราวๆ 2 วันนิดๆ ส่วนนึงเพราะแบตเตอรี่นั้นเล็กกว่าเกือบครึ่งนึงเลย เพราะฉะนั้นหากอยากจะใช้ได้นานๆ กว่านั้นก็อาจจะต้องเลือกว่าจะเปิดหรือปิดอะไรที่ไม่จำเป็นออกไปบ้าง

แต่ถ้าใครกลัวว่าแบตจะหมดระหว่างวันไหม อันนี้ไม่ต้องกังวล เพราะ Galaxy Watch มีโหมดประหยัดพลังงาน เปิดหน้าจอขาวดำได้ มีการแจ้งเตือนจากแอปเหมือนเดิม และยังใช้โทรกับรับ SMS ได้ด้วย แต่ฟีเจอร์ในตัวนาฬิกาพวกแอปหรือ widget นั้นจะเรียกดูไม่ได้ครับ ส่วนเรื่องของความทนทาน มันกันน้ำเอาไปลงสระได้ไหม อันนี้ไม่ต้องห่วง เพราะผ่านมาตรฐาน 5ATM ลงน้ำได้ลึกถึง 50 เมตรกันเลยทีเดียว แต่ต้องบอกก่อนว่าเป็นน้ำในสระนะครับ ไม่ใช่น้ำทะเล

สำหรับใครที่สนใจอยากหานาฬิกาสมาร์ทวอชที่มีฟีเจอร์เยอะๆ หน้าปัดสวยๆ (จอ AMOLED สวยจริง) แบตอึดกว่าสมาร์ทวอชทั่วไปนิดๆ ต้องการตรวจจับการออกกำลังกายบ้าง หรือเป็นกลุ่มที่ออกกำลังกายกลางๆ เน้นเพื่อสุขภาพ Galaxy Watch นั้นน่าจะตอบโจทย์ได้ ราคาก็ถือว่าไม่แรงมากนัก เริ่มที่ 11,900 สำหรับเรือนเล็ก และ 12,900 สำหรับเรือนใหญ่