เพิ่งเปิดตัวในไทยแบบเต็มรูปแบบไปเมื่อสัปดาห์ก่อน สำหรับอีกหนึ่งค่ายหนังและซีรีส์ขาใหญ่แห่งวงการอย่างHBO ที่นำเอาบริการ HBO GO มาให้บริการในไทยเป็นที่เรียบร้อย โดยมีค่าใช้จ่ายต่อเดือนเพียงแค่ 149 บาทเท่านั้น ว่าแต่จะมีคอนเทนต์หลากหลายขนาดไหน หารได้กี่คน ดูสูงสุดที่ความละเอียดเท่าไหร่ มาหาคำตอบไปพร้อมๆ กันได้เลยครับ **Justice League ของ Zac Snyder ก็มีให้ดู**
วิธีสมัครและค่าบริการ HBO GO
เบื้องต้น สามารถสมัครบัญชี HBO GO ได้ทั้งบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นเลยนะครับ แต่..ขั้นตอนสมัครเปิดใช้งานต้องไปทำบนแอปนะครับ เพราะจะหักเงินผ่าน App Store หรือ Play Store โดยจะมีค่าบริการต่อเดือนอยู่ที่ 149 บาท
โดย HBO GO มี Free Trial หรือช่วงทดลองให้ใช้งานฟรีอยู่ทั้งหมด 7 วัน ใครที่ยังลังเลตัดสินใจไม่ได้ว่าจะจัดเลยดีไหม ก็ลองใช้งานฟรีไปก่อนหนึ่งสัปดาห์ก็ได้ครับ แล้วค่อยตัดสินใจตอนหลังว่าจะต่อไหม แต่อย่าลืมไปกดยกเลิกนะ ถ้าจะไม่ใช้งานต่อ ไม่งั้นโดนหักเงินไปฟรีๆ 149 บาทเลยนะ
HBO GO ดูพร้อมกันได้กี่คน
ตรงนี้ HBO GO จะไม่เหมือน Netflix หรือ Disney+ นะครับ เพราะว่าไม่มีให้สร้างหน้า Profile ของแต่ละคน จะมีเพียงแค่ Profile เดียวเท่านั้น แต่จะสามารถล็อกอินบนมือถือ, แทบเล็ต หรือเว็บบราวเซอร์ได้สูงสุด 5 เครื่องต่อ 1 บัญชี และดูพร้อมกันได้สูงสุด 2 เครื่องในเวลาเดียวกัน เท่ากับว่า HBO GO สามารถหาตี้ได้บัญชีละ 2 คนนะครับ หารกันก็ตกคนละ 70-80 บาทต่อเดือนเท่านั้น ส่วนตัวผมว่าดูหนังเดือนละเรื่องสองเรื่องก็คุ้มแล้ว
UI และการใช้งาน HBO GO
หน้าตา UI ของ HBO GO จะค่อนข้างคล้ายๆ กับ Netflix และพวกแอปบริการสตรีมมิ่งหนังและซีรีส์ต่างๆ ทั่วไป มีหัวข้อ Continue Watching ด้วย นั่นแปลว่าหากใครดูหนังเรื่องไหนค้างไว้ที่วินาทีเท่าไหร่ ระบบก็จะจำเอาไว้ให้ ไม่ต้องไปคอยกรอเองทีหลัง ซึ่งฟีเจอร์นี้ แทบจะทุกบริการสตรีมมิ่งหนังมีหมด
หัวข้อการจัดเรียงคอนเทนต์ของ HBO GO จะอยู่ที่มุมขวาด้านบนของหน้าจอครับ ตรงไอคอนค้นหา (Search) ซึ่งพอกดเข้ามาแล้ว จะมีหัวข้อเรียงออกมาเยอะแยะเลย ใครอยากดูซีรีส์, หนัง, สารคดี นอกจากนี้ยังมีหัวข้อ Critically Acclaimed สำหรับคนที่ชอบดูหนังบทโหดๆ ที่ไปคว้ารางวัลมาจากหลายสถาบันอีกด้วย แถมยังมีหัวข้อ “I’m feeling random” อีกด้วย เอาไว้สำหรับคนที่เบื่อๆ ไม่รู้จะดูอะไร ให้ระบบอัลกอริทึ่ม หรือ AI สุ่มเลือกหนังให้เราดู
เมื่อกดไปที่ “I’m feeling random” ระบบก็จะสุ่มหนังมาให้เราดู 1 เรื่อง ซึ่งหากใครไม่ถูกใจก็..เขย่ามือถือเบาๆ ระบบก็จะสุ่มหนังเรื่องใหม่มาให้ ถ้ายังไม่ถูกใจก็เขย่าไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหาหนังที่ชอบได้เลยครับ แต่ถ้าใครใช้แทบเล็ต ไม่ต้องเขย่านะ ระบบจะให้ Swipe หรือปัดเลื่อนแทน อันนี้ลองกับ iPad ไม่แน่ใจว่าแทบเล็ต Android จะใช้รูปแบบ Swipe ปัดเลื่อนเหมือนกันหมดไหม
อีกหนึ่งจุดที่ผมสังเกตก็คือ ไม่ใช่คอนเทนต์ทุกเรื่องใน HBO GO ที่สามารถดาวน์โหลดเก็บไว้ดูได้ในภายหลังนะครับ หนังหรือซีรีส์บางเรื่องก็ไม่สามารถดาวน์โหลดเก็บไว้ดูได้ โดยHBO GO ได้แยกหัวข้อคอนเทนต์เหล่านั้นเอาไว้ชัดเจนที่ Available For Download หรือไม่ก็สังเกตง่ายๆ หากเรื่องไหนสามารถดาวน์โหลดเก็บไว้ได้ ก็จะมีสัญลักษณ์สีฟ้าๆ ด้านหลังชื่อเรื่องหรือชื่อตอนขึ้นแบบด้านล่างขึ้นครับ
HBO GO มีหนังหรือซีรีส์อะไรให้ดูบ้าง
จริงๆ HBO GO ไม่ได้มีเพียงแค่ Game of Thrones หรือว่า Westworld เท่านั้นนะ ภายใน HBO GO ยังมีหนังและซีรีส์ดีๆ อีกเพียบ โดยจุดเด่นหลักๆ ของ HBO GO คงหนีไม่พ้นหนังฟอร์มยักษ์ที่พอออกโรงภาพยนตร์ปุ๊บ มักจะมาโผล่บนที่นี่ไวกว่าเจ้าอื่นๆ เสมอ ล่าสุดที่เห็นก็มี เรื่อง US, Green Book (เรื่องนี้ดีงามมาก แนะนำเลยหากใครยังไม่ได้ดู), Pokemon Detective Pikachu ฯลฯ มีหลากหลายแนวมากๆ เอาเป็นว่าลองสมัครบัญชี เข้าไปส่องหนังดูก่อนได้ …อ้อ เกือบลืม HBO GO จะอัพเดท เอาหนังและซีรีส์ใหม่ๆ เข้ามาเติมทุกๆ 7 วันนะ
หนังรางวัล Best Picture อย่าง 1917 ก็มีให้ดู หรือพวกในเครือ DC ก็มาครบ ๆ อย่าง Justice League เวอร์ชั่น Zac Snyder ก็มีเหมือนกัน หรือจะพวก Joker, Shazam, Wonder Woman ฯลฯ อะไรแบบนี้ก็มีให้เลือกดู
นอกจากนี้ HBO GO ยังมีโปรแกรม Live TV ให้เลือกรับชมอีก 6 ช่อง ได้แก่ HBO, HBO Signature, HBO Hits, HBO Family, Cinemax และ Red by HBO ซึ่งตรงนี้คอนเทนต์จะขึ้นอยู่กับโปรแกรมของแต่ละวันนะครับ ว่าช่วงเวลานี้ จะเปิดฉายอะไร โดยในส่วนนี้สามารถปรับเป็นเสียงพากย์ และซับไตเติ้ลได้ แต่เท่าที่ลองใช้งานดู กลับเปลี่ยนได้แค่ซับไตเติ้ล ส่วนเสียงพากย์ไทยเหมือนจะยังมีแค่บางเรื่องเท่านั้น (จริงๆ เรื่องไหนยังไม่มีพากษ์ไทยก็ไม่ควรจะขึ้นตัวเลือกมานะ)
โดยใน LIVE TV 6 ช่องที่ว่า ก็มีแผนผังตารางโปรแกรมบอกนะ ว่าเวลานี้จะฉายหนังหรือซีรีส์เรื่องอะไร อารมณ์เหมือนดู UBC สมัยก่อนเลย นั่งจ้องที่หน้าช่องนี้ตอนสองทุ่ม รอดูหนังเรื่องที่อยากดู
HBO GO รองรับความละเอียดสูงสุดที่เท่าไหร่
ความละเอียดของคอนเทนต์บน HBO GO ตอนนี้สูงสุดที่ระดับ HD นะครับ ยังไม่ถึง 4K
วิธียกเลิก HBO GO
ขั้นตอนนี้จะยุ่งยากเล็กน้อย เพราะจะไม่สามารถทำผ่านเว็บได้นะครับ ต้องทำผ่าน App Store หรือ Play Store เท่านั้น เพราะมันเป็นระบบ Subscription หรือสมัครสมาชิก
วิธียกเลิก HBO GO ของระบบ Android
- Play Store > Subscriptions > เลือก HBO GO > กด Cancel Subscription
วิธียกเลิก HBO GO ของระบบ iOS
- App Store > Account > Subscriptions > HBO GO > กด Cancel Subscription
สำคัญมาก ห้ามลืมนะ เพราะถ้าลืม ระบบจะหักเงิน 149 บาท อัตโนมัติเลย สำหรับใครที่ไม่อยากดูต่อก็ต้องจำใจดูต่อไปอีก 1 เดือน
สรุป HBO GO คุ้มไหมสำหรับค่าบริการเดือนละ 149 บาท
ส่วนตัวผมมองว่าค่าบริการรายเดือนของ HBO GO นี่ถูกมากเลยนะ เดือนละแค่ 149 บาทเท่านั้น แถมดูได้พร้อมกันสองเครื่องอีกต่างหาก เท่ากับว่าถ้าหารกับคนอื่น ก็ตกเดือนละประมาณ 70-80 บาทเอง ดูหนังสัปดาห์ละเรื่องก็คุ้มแล้ว หนังและซีรีส์ มีให้เลือกดูเยอะพอสมควร แต่จะถูกจริตของแต่ละคนไหม อันนี้ HBO GO ก็มีบริการ Free Trial ให้ทดลองใช้งาน 7 วัน เวิร์คไม่เวิร์ค ค่อยว่ากันอีกที
แคสไป Chrome cast ภาพไม่สเถียรเลยครับ ชัดบ้างเบลอบ้าง (ปกติดู Netflix ไม่เคยเจอแบบนี้)
ลองสอบถามในกลุ่มปรากฎว่าคนใช้ Chrome cast เป็นกันหมด ส่วน Apple tv หรือ Airplay ไม่มีปัญหา
ภาพไม่ผ่านอย่างแรง ไม่ชัดเลย แค่พอดูได้
ของแอนดรอยด์ ถ้าลง apk กับ android box ภาพโอเคเลยครับ
ต้องลง android box ถ้า chromecast ไม่เวิร์คเรย
ถ้าดูผ่าน app ไม่มีปัญหา แต่ถ้าดูผ่าน browser ภาพกับเสียงจะไม่ตรงกัน